Biznews

‘TADA’เปิดศึกตลาดแอปฯเรียกรถในไทย แบบไม่มีค่าคอมมิชชั่น บุกกรุงเทพฯปลายปีนี้

TADA (ทาดา) แพลตฟอร์มเรียกรถแบบไม่มีค่าคอมมิชชั่นของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศเปิดตัวเข้าสู่ประเทศไทยอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะเริ่มให้บริการในกรุงเทพฯ ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566

หลังจากได้รับความนิยมและมีส่วนแบ่งตลาดที่น่าประทับใจในสิงคโปร์ กัมพูชา และเวียดนาม TADA ได้ขยายการให้บริการมาสู่ประเทศไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการส่งมอบโซลูชั่นการเดินทางที่มีคุณภาพและราคาไม่แพงให้กับลูกค้าในวงกว้างยิ่งขึ้น

การเข้าสู่ประเทศไทยของ TADA ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเติบโตเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมความร่วมมือและการทำงานอย่างราบรื่นร่วมกับกลุ่มต่างๆ ในประเทศไทย ทีมงานในประเทศไทยถูกจัดตั้งขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี เป็นการเน้นย้ำถึงความทุ่มเทของบริษัทในการให้บริการที่เหมาะสมกับประเทศไทย โดย TADA จะลงทุนอย่างเต็มที่เพื่อการเติบโตและความสำเร็จในประเทศไทย

การลงทะเบียนคนขับของ TADA ได้เปิดอย่างเป็นทางการแล้ว และบริษัทขอเชิญชวนคนขับทุกท่านที่สนใจ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน TADA สำหรับคนขับเพื่อเริ่มขั้นตอนการลงทะเบียน การเข้าร่วมนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นของการให้บริการขับรถแบบไม่มีค่าคอมมิชชั่นสำหรับคนขับในประเทศไทย

การเปลี่ยนแปลงของบริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน: รูปแบบแพลตฟอร์มที่ไม่มีค่าคอมมิชชั่น (Zero-Commission Platform Fee Model)

 หัวใจสําคัญของวิธีการที่ไม่เหมือนใครของ TADA คือรูปแบบแพลตฟอร์มที่ไม่มีค่าคอมมิชชั่น ซึ่งเป็นปัจจัยที่สร้างความเปลี่ยนเปลี่ยนสำหรับทั้งผู้โดยสารและคนขับ โดย TADA มีค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์มเพียงเล็กน้อยตามกฎหมายเท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากแพลตฟอร์มเรียกรถรูปแบบดั้งเดิมที่มีการเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นสูงจากการเดินทางในแต่ละเที่ยว กลยุทธ์นี้ช่วยให้บริษัทสามารถสร้างระบบนิเวศที่เป็นธรรม โปร่งใส และให้ผลตอบแทนทางการเงินมากขึ้น

รูปแบบนี้มีผลกระทบอย่างมากต่อคนขับรถที่ได้รับรายได้ส่วนใหญ่จากค่าโดยสาร ผลลัพธ์ที่ได้คือรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จะช่วยให้คนขับได้รับประโยชน์โดยตรงจากการทำงานหนักและความทุ่มเทของพวกเขา

การเปิดรูปแบบแพลตฟอร์มนี้ในประเทศไทยเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่กว้างขึ้นของ TADA ในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมบริการเรียกรถให้มีความเป็นธรรมมากขึ้น ให้กลายเป็นพื้นที่ที่เทคโนโลยีให้บริการประชาชน มากกว่าที่จะแสวงหาผลกำไรเพียงอย่างเดียว

 

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันตลาดแอปฯเรียกรถในไทยมูลค่าประมาณ  70,000 ล้าน มีการแข่งขันและมูลค่าการตลาดที่สูง และเป็นธุรกิจที่มองว่าจะทำกำไรได้ในอนาคต

เห็นได้จากตัวเลขผลประกอบการแอปฯเรียกรถและเดลิเวอรี่ปี 2565 พบว่า

Grab รายได้ 15,197 ล้านบาท กำไร 576 ล้านบาท

LineMan รายได้ 7,803 ล้านบาท ขาดทุน 2,731 ล้านบาท

RobinHood รายได้ 538 ล้านบาท ขาดทุน 1,987 ล้านบาท

ขณะที่ผู้ได้รับอนุญาตประกอบการขนส่งทางอิเล็กทรอนิกส์ (แอปฯเรียกรถ) ประกอบด้วย

GRAB (ประเทศไทย)

LINE MAN TAXI

ROBINHOOD โรบินฮู้ด

HELLO PHUKET SERVICE

Asia Cab (CABB)

BONKU

ROBINHOOD โรบินฮู้ด คือผู้เล่นรายล่าสุดที่ลงสนามขยายธุรกิจเพิ่ม จากบริการเดลิเวอรี่ เข้าสู่บริการแอปพลิเคชั่นเรียกรถนอกจากเจ้าอื่นๆ ที่มีให้บริการก่อนอยู่แล้ว เช่น Grab ประเทศไทย ที่เป็นผู้นำตลาดถึงร้อยละ 80 

 

Related Articles

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Back to top button
X
%d bloggers like this: