‘SAPPE’ รับอานิสงส์ค้าปลีกรับมาตรการรัฐ ลุย Functional Drinks ต่อเนื่อง

‘บมจ. เซ็ปเป้’ หรือ SAPPE ตั้งเป้าผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังฟื้นตัว รับอานิสงส์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังรัฐบาลเร่งอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบ ทยอยออกโครงการชิมช้อปใช้และมาตรการช้อปช่วยชาติ หวังกระตุ้นกำลังซื้อปลายปี คาดธุรกิจค้าปลีก กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มได้รับอานิสงส์ เดินหน้าทยอยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อเนื่องเกาะกระแสรักสุขภาพ โดยเฉพาะตลาดเครื่องดื่ม Functional Drinks ที่มีอัตราการเติบโตที่ดี มั่นใจผลักดันรายได้ปีนี้ให้ใกล้เคียงปีก่อน
นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังมีสัญญาณพื้นตัว หลังกำลังซื้อเริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดในประเทศ ประกอบกับรัฐบาลเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ ทั้งโครงการชิมช้อปใช้วงเงิน 4.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการจะมุ่งเน้นที่ร้านค้ารายย่อยทั่วไป ผู้ประกอบการค้าปลีก หาบเร่และแผงลอย รวมประมาณ 80,000 ร้านค้า ครอบคลุมสินค้าเกี่ยวกับอาหารและครื่องดื่ม นอกจากนี้กระทรวงการคลังเตรียมเสนอมาตรการ ‘ช้อปช่วยชาติ’ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อและการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อ SAPPE อีกด้วย
อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีราคาถูกลง เน้นเข้าถึงผู้บริโภคมากยิ่งขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับกำลังซื้อของผู้บริโภคในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และมีแผนพัฒนาผลิตภัฑณ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเครื่องดื่ม Functional Drinks ซึ่ง SAPPE เป็นผู้นำตลาดในปัจจุบัน จากทั้งเครื่องดื่มแบรนด์ Beauti Drink และน้ำผสมวิตามิน B’lue ที่มีอัตราเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก และยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปตามเทรนด์การดูแลรักษาสุขภาพ
สำหรับตลาดต่างประเทศ แม้จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในบางประเทศ แต่ตลาดโซนอเมริกาและยุโรปยังคงเติบโตได้ดี ทั้งนี้บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายสินค้าใหม่ๆ (Non-Mogu) ไปในตลาดส่งออก อาทิ กลุ่มสินค้าในแบรนด์ Beauti Drink กาแฟเพรียว รวมถึง การได้รับความเชื่อมั่นจาก Danone ให้เป็นตัวแทนการส่งออกเครื่องดื่มน้ำวิตามิน B’lue ไปยังประเทศต่างๆ เช่น กัมพูชา สปป.ลาว และเกาหลีใต้ โดยในปีนี้บริษัทฯ ยังตั้งเป้าทำรายได้รวมให้ใกล้เคียงกับปีก่อน โดยปัจจุบัน SAPPE มีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 55% และในประเทศ 45%
ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilization Rate) ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสอดคล้องกับแนวโน้มการฟื้นตัวของยอดขาย ประกอบกับแนวโน้มวัตถุดิบมีราคาลดลง รวมทั้งบริษัทฯ สามารถบริหารค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมกันนี้ บริษัทฯ จะได้รับปัจจัยบวกจากการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิต (Excise tax) เหลือ 3% จากเดิม 10% ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ส่งผลดีต่ออัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯ ให้ปรับตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลัง