“Loft” จาก Gift Shop สู่ Life Style Specialty Store
ร้านลอฟท์ ได้ถือกำเนิดที่ประเทศญี่ปุ่นในปี 1987 เปิดให้บริการครั้งแรกที่ย่านช้อปปิ้งชื่อดัง “ชิบุย่า” ในใจกลางมหานครโตเกียว โดยเน้นแนวคิดของร้านสเปเชี่ยลตี้สโตร์ที่เสนอสินค้าที่มีความหลากหลายสำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน ในขณะเดียวกัน ร้านลอฟท์ยังสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในหลายกลุ่มได้เป็นอย่างดี สินค้าในร้านลอฟท์มีให้เลือกอย่างมากมาย เปรียบเสมือนได้เดินช้อปปิ้งอย่างเพลิดเพลินในคลังสินค้าเลยทีเดียว แต่ขณะเดียวกันร้านลอฟท์ยังคงเน้นประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ตื่นเต้น และสนุกกับการเลือกชมสินค้าที่แปลกใหม่ และมีดีไซน์ไม่เหมือนใคร
เป็นเวลาเกือบ 20 ปีแล้วที่ Lifestyle Specialty Store จากญี่ปุ่นชื่อดังอย่าง “ลอฟท์” (Loft) เข้ามาเปิดให้บริการในไทย โดย “สยามพิวรรธน์” เจ้าของอาณาจักรค้าปลีกชื่อดังอย่างสยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และสยามพารากอน เป็นผู้นำเข้ามา เพื่อสรา้งความแตกต่างในธุรกิจค้าปลีกทั่วไปและไม่สรา้งความผิดหวัง ปัจจุบันลอฟท์มีสาขาให้บริการรวม 4 สาขา คือ สยามดิสคัฟเวอรี่, พาราไดซ์พาร์ค, สเปลล์ ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต และเมกา บางนา
และในโอกาสใกล้เทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ ลอฟท์ ไม่พลาดโอกาสทองนี้ โดย “กฤษดา รินทรานุกูล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยาม สเปเชียลลิตี้ จำกัด ผู้บริหารร้าน “Loft” ไลฟ์สไตล์ช็อปล้ำสมัยชื่อดังจากญี่ปุ่น กล่าวว่า เป็นเวลากว่า 20 ปี ที่ร้านลอฟท์ ได้มอบความสุขให้กับลูกค้าทุกเทศกาล และไม่พลาดที่จะเสิร์ฟความสุขในเทศกาลต้อนรับปีใหม่ 2018 นี้ ซึ่งร้านลอฟท์ได้เตรียมสินค้าเพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับคนพิเศษมากมาย ทั้งสเตชั่นเนอรี่ สินค้าไอที ของตกแต่งบ้าน และแอคเซสเซอรี่ สินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม รวมทั้งสินค้าที่มีนวัตกรรม ซึ่งเป็นสินค้าฮิตติดเทรนด์ส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่น
และไฮไลต์คือการจัดกลุ่มสินค้าตามผู้รับ เพื่อให้ลูกค้าเลือกช้อปปิ้งได้ง่าย และสะดวกขึ้น คือ Gift for him, Gift for her, Gift for family ตอกย้ำความเป็นผู้นำสเปเชียลตี้สโตร์ที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าทุกเพศ ทุกวัย พร้อมสินค้าใหม่ๆมากระตุ้นยอดขายช่วงปีใหม่ อาทิ สินค้ากลุ่มสมุดไดอารี่, ปฏิทิน และการ์ดอวยพร นำเข้าจากญี่ปุ่นที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย เช่น Hobonichi สมุดไดอารี่ที่มียอดขายเป็นอันดับ1 ในร้าน LOFT ญี่ปุ่น ติดต่อกันนาน 14 ปี และยังได้รับความนิยมจากผู้ใช้กว่า 600,000 คน ใน 84 ประเทศทั่วโลก, Midori แบรนด์เครื่องเขียนเก่าแก่ของญี่ปุ่น เป็นต้น
กลยุทธ์เด็ดคือ การบริการห่อของขวัญหลากหลายสไตล์เพื่อสร้างของขวัญชิ้นนั้นให้พิเศษมากขึ้น ซึ่งทุกปีมีลูกค้ามาใช้บริการห่อของขวัญเป็นจำนวนมาก ภายใต้กลยุทธ์ personalize marketing เืพ่อสร้างความแตกต่างและนำเสนอไอเดียของขวัญที่นำเสนอให้กับผู้บริโภค ในราคาตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไปซึ่งปีนี้จะเน้นความหลากหลายของสินค้าให้มากขึ้น
นอกจากนี้ร้านลอฟท์ยังจัดเตรียมแคตตาล็อค The World of Ultimate Catalogue เป็นการรวบรวมสินค้า ของขวัญดีไซน์เก๋ ไม่ซ้ำใครกว่า 50,000 ชิ้น ส่งออกไปยังลูกค้ากลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ เพื่อให้การช้อปปิ้งของลูกค้าง่ายขึ้น และสามารถเลือกช้อปสินค้าในแคตตาล็อคผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ พร้อมบริการจัดส่งถึงบ้านฟรี เมื่อช้อปครบ 500 บาทขึ้นไป ซึ่งที่ผ่านมายอดซื้อผ่านออนไลน์ของร้านลอฟท์เติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก มีลูกค้าช้อปปิ้งผ่านออนไลน์เติบโตขึ้นกว่า 90 % และคาดว่าจะเติบโตในปี 2561 เพิ่มขึ้น 100% และยังมียอดการสมัครสมาชิกลอฟท์เพิ่มขึ้นจากต้นปีโดยจะมีฐานสมาชิกลอฟท์กว่า 1 แสนสมาชิก ซึ่งเติบโตจากปีที่แล้วกว่า 50% โดยในปี 2561 คาดว่าจะมีสมาชิกเพิ่มเป็น 130,000 สมาชิก
สำหรับภาพรวมของลูกค้าที่เข้าร้านลอฟท์ 4 สาขาได้แก่ สยามดิสคัฟเวอรี่, พาราไดซ์ พาร์ค, เมกกา บางนา และสเปลล์ ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต มียอดขายรวมเติบโตกว่า 40% ในปีนี้ และมีสัดส่วนการใช้จ่ายต่อบิลเติบโตขึ้น 10% ซึ่งในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ ร้านลอฟท์ได้จัดเต็มสินค้าเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ เสริมจุดบริการห่อของขวัญที่เป็นบริการพิเศษและเป็นที่ยอมรับถึงการเป็นกูรูด้านห่อของขวัญไว้ในสาขา เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ซึ่งคาดว่าจะมียอดขายพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ โดยในเดือนธันวาคม 2560 จะมียอดขายเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับธันวาคม ปีที่แล้ว
ด้านสินค้ายอดฮิตติดอันดับขายดีในร้านลอฟท์ และเป็นสินค้าขายเฉพาะที่ร้านลอฟท์ (Only@Loft) ได้แก่ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแบรนด์ Keana ซึ่งมีจำหน่ายที่ร้านลอฟท์เท่านั้น ตุ๊กตาเทวดาตัวน้อย Sonny Angel ของฝากหรือของสะสมจากญี่ปุ่น อุปกรณ์ออกกำลังกายสำหรับสาวๆ ยุคใหม่ที่ใส่ใจตัวเอง Power Bank สินค้าฮิตตลอดกาลในยุคดิจิตัล เครื่องประดับแบรนด์ Osewaya นำเข้าจากญี่ปุ่น โดยรา้นลอฟท์แบ่งกลุ่มสินค้าจำหน่ายออกเป็น 5 กลุ่มคือ กลุ่มเครื่องเขียน กลุ่มสินค้าวาไรตี้(สินค้าสะสม) กลุ่มไอที กลุ่มเฮลท์แอนด์บิวตี้ และกลุ่มสินค้าในบ้าน โดยกลุ่มที่มีการเติบโตสูงสุดคือ เฮลท์แอนด์บิวตี้ิ เติบโตมากถึง 70% รองลงมาคือกลุ่มสินค้าไอที
ปัจจุบัน ลูกค้า ลอฟท์ มี 3 กลุ่มคือ ลูกค้าที่ถือบัตรสมาชิก สัดส่วน 40% กลุ่มนักท่องเที่ยว 25% และกลุ่มลูกค้าทั่วไป 35% ระดับอายุ 25-40 ปีเป็นกลุ่มหลักที่เข้ามาใช้บริการในร้าน ประมาณ 65-70% รองลงมาคือกล่มนักเรียน นักศึกษา 20% และกลุ่มที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป มีสัดส่วน 15% โดยมีลูกค้าหมุนเวียน 3 พันคนต่อวันต่อสาขา โดยยอดใช้จ่ายต่อบิลเฉลี่ยอยู่ 700 บาทเพิ่มขึ้น 10%
กลยุทธ์หลักในการเพิ่มฐานสมาชิกของร้านลอฟท์คือ การขยายช่องทางออนไลน์ในปีที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จ และจะช่วยให้มีลูกค้าเพิ่มขึ้น ปีนี้มียอดเติบโตถึง 90% โดยตั้งเป้ารายได้จากการขายออนไลน์ปีนี้ไว้ที่ 3 ล้านบาทและเพิ่มเป็น 6 ล้านบาทในปีหน้า ส่วนในระยะเวลา 5 ปียอดขายออนไลน์จะมีสัดส่วน 5-10% จากรายได้ทั้งหมดของร้านลอฟท์จากปัจจุบันไม่ถึง 1%
จากเป้าหมายจำนวน 8 สาขาภายใน 3-5 ปีนับจากนี้ ลอฟท์มีแผนที่จะขยายสาขารองรับ โดยในปี 2561 จะเปิดสาขาที่ 5 ในไอคอนสยามที่มีกำหนดเปิดให้บริการในเดือนตุลาคม 2561 และจะปั้นให้เป็นสาขาต้นแบบสำหรับการปรับปรุงร้านลอฟท์สาขาเดิมและสาขาใหม่ที่จะเปิดต่อไปในอนาคต รวมถึงสาขาที่จะเปิดในต่างประเทศด้วย
ร้านลอฟท์สาขาไอคอนสยามนั้นจะเป็นสาขาใหญ่ที่สุดในไทย ลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท มีพื้นที่ประมาณ 2,000 ตารางเมตร จากสาขาเดิมอยู่ที่กว่า 1,000 ตารางเมตร โดยจะชูจุดเด่นเรื่องบริการ หรือบิวตี้แล็บ เช่น บริการทำเล็บ เสริมสวย เป็นต้น เพื่อดึงลูกค้าให้ใช้เวลาในร้านนานขึ้น และเพิ่มความถี่ในการเข้ามาใช้บริการ
กฤษดา ยอมรับว่า ลอฟท์ 4 สาขาในปัจจุบันและอีก 1 สาขาในปีหน้ายังไม่เพียงพอต่อการเติบโต จึงเริ่มหาลู่ทางในการขยายสาขาเพิ่มทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยเฉพาะภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากปัจจุบันลอฟท์ประเทศญี่ปุ่นขยายสาขาในไทยเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวนอกประเทศญี่ปุ่น ซึ่งที่ผ่านมามีนักลงทุนจากประเทศต่างๆ ให้ความสนใจ
โดยในต้นปี 2561 จะเดินทางไปเจรจากับลอฟท์ประเทศญี่ปุ่นถึงรายละเอียดในการขยายสาขาในประเทศกลุ่มอาเซียน ซึ่งรูปแบบในการขยายสาขามีหลากหลายทั้งลงทุนเองและจอยเวนเจอร์กับญี่ปุ่น ไปจนถึงการร่วมกับพันธมิตรในประเทศนั้นๆ ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนใน 2-3 ปีจากนี้
นั่นคือ เส้นทางของ ลอฟท์ ไอเดียช้อปจากญี่ปุ่น จาก ร้านกิีฟช้อปสู่ไลฟ์สไตล์ สเปเชียลิตี้ สโตร์ ที่ชูจุดเด่นคือ การหมุนเวียนสินค้าทุกเดือน เสริฟ์ลูกค้าชนิดไม่ต้องบินไกลถึงญี่ปุ่นให้เปลืองสตางค์แต่อย่างใด