Biznews
‘JKNBL’ สะดุดแค่หุ้นกู้?

แทนที่จะถกเถียงเรื่องค้างชำระหุ้นกู้ แฟนคลับ แอน จักรพงษ์ กลับตั้งแง่เรื่อง “ขายช่อง JKN” ว่าไม่เป็นความจริง
พวกคุณแฟนคลับก็อ่านข่าวนี้พร้อมกับคนทั้งประเทศ ไปมั่นใจมาจากไหนว่าเขาไม่ได้ตกลงซื้อขายกันล่วงหน้าแล้วเสร็จเรียบร้อย
ถ้าจะดราม่าเรื่องขายช่อง งั้นแท็ก “แม่แอน” มาอ่าน 7 ข้อนี้แล้วชี้แจงหน่อยว่า มีตรงไหนที่ไม่จริงบ้าง
1.บริษัท JKN Global Group จำกัด (มหาชน) มีบริษัทย่อยอยู่หลายบริษัท แต่ละบริษัทที่ตั้งขึ้นมาก็จะแบ่งตามสายงานธุรกิจต่างๆ
ซึ่ง1ในนั้นก็คือ บริษัท JKN News จำกัด หรือที่เรียกกันว่า JKN18 เข้ามาเช่าเวลาจาก JKN Global Group ไม่เกิน 40% ออกอากาศรายการข่าว ส่วนที่เหลือเป็นการร่วมผลิตรายการ
โดยมีบริษัทในเครือ เช่น JKN Global Media, JKNBest life (JKNBL) , JKN-CNBC,JKN Dramax เป็นต้น
2. ส่วนของ JKN18 ประกาศ Lay off ทีมผลิตข่าวกับกองบรรณาธิการ และยุติการผลิตรายการลิขสิทธิ์ร่วมกับ CNBC ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. 2566 เพื่อเปิดทางให้ Topnews เข้ามาร่วมจัดสัดส่วนผังรายการข่าวที่จะออกอากาศทางสถานีJKN18
JKN18 ก็มาจาก DN Broadcast ของเดลินิวส์ หลังจากซื้อใบอนุญาตของช่อง NEW18 รวมถึงอาคารสำนักงานของช่องและอุปกรณ์การออกอากาศทั้งหมด จากกลุ่มผู้บริหารของเดลินิวส์ ก็จึงเปลี่ยนมาเป็น JKN18
3. “แอน จักรพงษ์” ปฏิเสธกระแสข่าว Topnews เข้ามาซื้อช่อง JKN18 ด้วยเงิน 500 ล้านบาท โดยทำหนังสือแจ้งไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ยืนยันว่า JKNBL ยังคงเป็นผู้ได้รับสิทธิในการประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ จาก กสทช. และไม่ได้ขายสิทธิดังกล่าวไปแต่อย่างใดเป็นเพียงการร่วมผลิตรายการข่าวกับ Topnews เท่านั้น
แต่เมื่อมีการ Lay off พนักงาน JKN18 แล้วให้กลุ่มคนจากบริษัท Topnews เข้ามาดูแลขั้นตอนการผลิตข่าวทั้งหมดไปจนถึงเจ้าหน้าที่สตูดิโอและผู้ประกาศข่าวด้วยนั้น ทั้งๆที่ช่องTopnews เองก็ยังออกอากาศตามปกติ หรือพูดง่ายๆว่า Topnews ทำข่าว 2 ช่องสถานีใช่หรือไม่
การเข้ามาแบกภาระเพิ่มเติมอีก 1 สถานี ให้หนักขึ้นกว่าเดิมแล้วยังเอาเงินมาให้ด้วย Topnewsประกอบธุรกิจแบบไม่หวังกำไรอย่างนั้นหรือ
นอกจากนี้การร่วมผลิตรายการของ JKN กับ Topnews ยังตกลงจะแบ่งรายได้กันด้วย แล้วถ้าหากผลประกอบการออกมาขาดทุนจะทำอย่างไร

4. แม้จะปฏิเสธเรื่องขายช่อง JKN18 เพราะจะกลายเป็นว่าบริษัทไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับ กสทช. แล้วยังส่งผลถึงราคาหุ้นด้วยนั้น แต่ไม่ปฏิเสธเรื่องเงิน 500 ล้านบาท ในการดีลกับ Topnews ครั้งนี้ และอาจมองว่าหลังการประกวดเวที Miss Universe หากสถานการณ์บัญชีและหุ้นกู้ของ JKN ยังไม่กลับสู่ภาวะสร้างกำไร โอกาสที่เราจะได้เห็นช่อง Topnews18 เกิดขึ้นจริงตามข่าวลือก็มีไม่น้อย
5. ปัญหาสำคัญที่สุดตอนนี้ของ JKN คือหุ้นกู้ เพราะโดนบีบให้เร่งคืนหนี้หุ้นกู้ บล.เอเซีย พลัส-บล.ดาโอ ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้เร่งให้คืนหนี้ แจ้ง Cross Default หรือผิดนัดไขว้ ยังมีหุ้นกู้ 6 รุ่น รวมๆแล้วกว่า 2,760 ล้านบาท ซึ่ง JKN ยินดีเดินหน้าใช้สิทธิผ่อนผันทุกช่องทางคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) เคยวินิจฉัยความผิดว่าผู้บริหาร KTBST ซึ่งเป็นบริษัทธุรกิจการเงิน ร่วมกันปั่นราคาหุ้นที่ IPO กับบริษัท ต่อมาKTBST ได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท DAOL หรือ ดาโอ และเป็นบริษัทที่จำหน่ายและเป็นผู้แทนถือหุ้นกู้เพียงรายเดียวของ JKN
6. คุณวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย ให้สัมภาษณ์กรุงเทพธุรกิจว่า ก่อนหน้านี้ตลาดมีความกังวลกับประเด็น Default ตัวหุ้นกู้ ซึ่ง JKN ได้เข้ามาจับมือกับ Topnews ที่จะเข้ามาช่วยกันในการนำเสนอข่าวสาร จึงทำให้เป็นประเด็นบวกกับ JKN ในการเข้ามาเก็งกำไรระยะสั้น ขณะที่ปัญหาสภาพคล่องที่จะนำมาจ่ายให้กับหุ้นกู้นั้น ณ ขณะนี้ยังมีงบสดในงบดุลไม่เพียงพอ
ส่วนการลงทุนระยะกลาง – ยาว ยังคงต้องติดตาม การแก้ไขปัญหาสภาพคล่องว่าจะสามารถหาเงินมาจ่ายหุ้นกู้ได้หรือไม่ เนื่องจากเงินสดยังมีไม่พอ ซึ่ง JKN มีทางเลือก 2 วิธี คือ อาจจะต้องกู้แบงก์ เนื่องจากหนี้สินภาระต่อทุนของ JKN ยังไม่สูงมาก และ หาเงินจากการขายคอนเทนต์ที่มีอยู่ แต่ก็ต้องหาคนซื้อให้ได้ด้วยเช่นกัน

7. บรรดาแฟนคลับ แอน จักรพงษ์ ติดใจเรื่องที่ทางเพจบทความเขียนถึง JKN18 บางคนพยายามยืนยันว่าไม่ใช่การขายช่อง JKN ซึ่งทางผู้เขียนทราบดีว่าเพราะเหตุใด แอน จักรพงษ์ จึงส่งหนังสือชี้แจงให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ
ที่แฟนคลับขู่ว่าจะแคปหน้าจอ หรือจะฟ้องร้องนั้น โปรดทราบด้วยว่า ไม่มีใครขายช่องด้วยราคาตามข่าวที่ปรากฏ มันจึงเป็นประเด็นที่น่าสนใจ โดยข้อมูลที่ว่าแง้มบ้าง หลุดบ้าง ออกมาจากฝั่งเดียวเท่านั้น ถ้าเขียนแล้วทำให้แฟนคลับไม่พอใจ อยากฟ้องก็ตามสะดวกครับ
เพราะตอนนี้ผมไม่เชื่อว่า Topnews จะเข้ามาเป็นบริษัทย่อยให้กับ JKN เพื่อผลิตข่าวแค่รายการเดียวแล้วมันจะคุ้มกับเงินที่เสียไป 500 ล้านบาท
การต้องหาเงินไปจ่ายหนี้หุ้นกู้ที่เพิ่งค้างชำระอีกประมาณ 1 พันล้านบาทย่อมไม่ต้องการให้กระทบกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท
ในขณะที่มุมมองทางการเงิน ระยะเวลาเพียงไม่ถึง 3 ปี JKN18 จากที่เคยนำเงินสดไปซื้อมา 1,200 ล้านบาท แล้วจะขายได้เพียง 500 ล้านบาทนั้น ถือว่าไม่เป็นผลดีกับบริษัท
ส่วน Topnews ที่อยากจะมีสถานีออกอากาศสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ระบบดิจิทัล การได้เข้ามาทดลองทำเองสัก 6 เดือน ภายใต้ร่มเงา JKN18 จะได้คำตอบว่าข่าวแบบที่ Topnews นำเสนออยู่ทุกวันนี้มันใช่แนวทางตามที่ กสทช.กำหนดหรือไม่
เพราะช่วงที่แรกที่เห็นโอกาสในทีวีดิจิทัลนั้น เรื่องความเชื่อมั่นตัวเองระหว่าง JKN กับ Topnews เรียกได้ว่าสูงไม่แพ้กันเลย
อีกไม่กี่วัน JKNBL จะไม่มีผู้ปฏิบัติงานด้านการผลิตข่าวแม้แต่คนเดียว
ดังนั้นเวลาของรายการข่าวไม่เกิน 40 % ที่สถานีเคยออกอากาศ 3 ช่วงเวลา ได้กลายเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ จึงต้องจัดผังรายการกันทั้งสถานีใหม่หมด Topnews อาจลองทำรายการข่าวแค่ช่วงเดียว ไม่เกิน 2 ชั่วโมง จากนั้นเวลาส่วนใหญ่ทั้งวันของสถานีจะมีแต่รายการขายสินค้า