Biznews

Cryptocurrency โอกาส หรือ ฟองสบู่?

หากพูดถึง cryptocurrency หรือเงินดิจิทัล หลายคนอาจคุ้นหูกับสกุลเงินอย่าง Bitcoin ที่ราคาพุ่งทะยานขึ้นมาเรื่อยๆ จนทุบสถิติ ทำ New High สูงกว่า 7,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ 1 Bitcoin ในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา หรือมีราคาเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 แสนเท่า นับตั้งแต่มีการเริ่มใช้สกุลเงินนี้มาในปี 2009 ความร้อนแรงของปรากฏการณ์ครั้งนี้ สร้างคำถามให้กับหลายฝ่ายว่าสิ่ งนี้จะเป็นสิ่งที่สร้างความสั่ นคลอนให้กับสกุลเงินแบบดั้งเดิ มหรือไม่ หรือจะเป็นเพียงฟองสบู่ที่เกิดจากการเก็งกำไรของนักลงทุนบางกลุ่ มที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูงเท่านั้น?

แม้ความต้องการสกุลเงินดิจิทัลจะเพิ่มขึ้นมาอย่างท่วมท้น แต่อีไอซีมองว่า cryptocurrency ยังต้องเผชิญกับความท้าทายอีกหลายอย่าง ทั้งความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและมุมมองของหน่วยงานกำกับดูแ ลของแต่ละประเทศ ทำให้โอกาสที่คนทั่วไปจะนำมาใช้ ในวงกว้างอาจไม่ง่ายนัก อย่างไรก็ดี แนวคิดของ cryptocurrency อย่างเทคโนโลยี blockchain ที่เป็นรากฐานของ bitcoin นับว่ามีศักยภาพและสามารถนำไปปร ะยุกต์ใช้กับองค์กรต่างๆ เพื่อให้ขั้นตอนการทำงานเป็นไปอ ย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสู งสุด

เงินดิจิทัล (cryptocurrency) คือ สกุลเงินที่ถูกสร้างขึ้นบนระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีลักษณะเด่นคือจะไม่มีตัวกลางคอยควบคุมเหมือนสกุลเงินแบบดั้งเดิม (fiat currency) โดยผู้สร้างเงินแต่ละสกุลจะออกแ บบ การได้มาของเงิน กำหนดปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ และวิธีการใช้งานตามต้องการ ทั้งนี้ ข้อมูลธุรกรรมต่างๆ จะถูกเปิดเผยให้ทุกคนในระบบสามา รถเข้าถึงได้ ซึ่งถือเป็นการยกระดับความปลอดภั ยและสร้างความโปร่งใสให้กับเงิ นในระบบด้วย

ในบรรดา cryptocurrency ทั้งหมด Bitcoin คือเงินสกุลแรกที่ถูกคิดค้นขึ้น และกำลังเป็นกระแสที่คนทั่วโลกต่ างจับตามองจากราคาที่พุ่งสูงขึ้ นอย่างร้อนแรงกว่า 600% นับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2017 โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักมาจากควา มต้องการที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากกลุ่มคนทั่วไปที่เล็งเห็ นประโยชน์ของสกุลเงินดิจิทัลและ บรรดานักลงทุนที่เข้ามาเก็งกำไร ค่าเงิน ทั้งนี้ Bitcoin มีจุดเด่นที่เหนือกว่าสกุลเงินแ บบดั้งเดิมในหลายๆ ด้าน เช่น การโอนเงินระหว่างประเทศที่รวดเ ร็วขึ้น เนื่องจากไม่จำเป็นต้องมีตัวกลา งคอยยืนยันการทำธุรกรรม ส่งผลให้การโอนเงินเสร็จสิ้นภาย ในระยะเวลาราว 10 นาที ซึ่งรวดเร็วกว่ารูปแบบเดิมที่ใช้ เวลาอย่างน้อย 2-3 วัน นอกจากนี้ Bitcoin ยังมีความปลอดภัยสูงอีกด้วย เนื่องจากผู้ที่อยู่ในระบบจะมีฐ านข้อมูลชุดเดียวกัน และรับรู้ข้อมูลธุรกรรมที่เกิดขึ้ นแบบ real-time จึงทำให้การแก้ไขข้อมูลหรือโจมตี ระบบเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก

bitcoin
golden bitcoin symbol digital abstract background

ความนิยมของ Bitcoin ส่งผลให้เกิด cryptocurrency ใหม่ตามมามากกว่าหนึ่งพันสกุล โดยได้มีการต่อยอดให้มีคุณสมบัติ ที่หลากหลายและตอบโจทย์การใช้งา นมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น Ether ซึ่งมีความโดดเด่นในเรื่องของกา รประยุกต์ใช้ smart contracts เพื่อกำหนดเงื่อนไขในการทำธุรกร รม เช่น การใส่เงื่อนไขให้ชำระค่าสินค้า ก็ต่อเมื่อมีการยืนยันว่าได้รับ สินค้าแล้ว หรือการเคลมเงินประกันการเดินทา งอัตโนมัติเมื่อเครื่องบินดีเลย์ โดยที่ไม่ต้องทำเรื่องขอเอาเงิน ประกันเหมือนในปัจจุบัน เป็นต้น ในขณะที่ Ripple มีเป้าหมายชัดเจนในการเป็นสกุลเ งินสำหรับการโอนเงินระหว่างประเ ทศ เพื่อให้การโอนเงินมีความปลอดภั ยและรวดเร็วมากขึ้นภายในระยะเวล าเพียงไม่กี่วินาที โดยปัจจุบัน ทั้งสอง cryptocurrency เริ่มได้รับความสนใจจากนักลงทุน และสถาบันการเงินมากขึ้น เนื่องจากมีประโยชน์ที่เห็นได้ชั ดและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หล ากหลาย ส่งผลให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นมากกว่ า 3,000% จากต้นปี 2017 และทำให้สกุลเงินทั้งสองมีมูลค่ าคิดเป็นสัดส่วนกว่า 20% ของตลาด cryptocurrency ทั้งหมดอีกด้วย ในขณะที่ Bitcoin ยังมีสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่ง และที่เหลือเป็นสกุลอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม อีไอซีมองว่าโอกาสที่ cryptocurrency จะเข้ามาแทนที่เงินสกุลดั้งเดิม อาจไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก เนื่องจากข้อจำกัดในหลายๆ ด้าน เช่น มูลค่าตลาดที่ยังเล็กและความผัน ผวนของอัตราแลกเปลี่ยน โดยปัจจุบัน cryptocurrency ยังมีมูลค่าตลาดที่เล็กมาก โดยมีขนาดเล็กกว่าสกุลเงินดอลลา ร์สหรัฐฯ ที่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 8 เท่า หรือเล็กกว่าสินทรัพย์อย่างทองคำ ถึง 42 เท่า อีกทั้งยังมีราคาที่ผันผวนสูงเมื่ อเทียบกับสกุลเงินหลักในระบบเศร ษฐกิจอย่างดอลลาร์สหรัฐฯ ยูโร เยน และหยวน โดยตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ค่าเงินดิจิทัลอย่าง Bitcoin, Ether หรือ Ripple มีโอกาสเหวี่ยงขึ้นลงได้สูงสุดถึ ง 14% ภายในหนึ่งวัน ในขณะที่เงินสกุลหลักมีความผันผวนไม่เกิน 0.5% ส่งผลให้การนำ cryptocurrency ไปใช้งานในวงกว้างยังคงไม่ได้รั บความเชื่อมั่นนัก สะท้อนให้เห็นจากจำนวนร้านค้าที่รับชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัล และอัตราผู้ใช้งานที่ยังมีจำนวน ไม่มากถึงแม้เทคโนโลยีดังกล่ าวจะถูกสร้างขึ้นมาเป็นระยะเวลา 8 ปีแล้วก็ตาม

ทั้งนี้ จากการสำรวจร้านค้าออนไลน์ขนาดใหญ่ 483 รายของ Morgan Stanley พบว่าจำนวนร้านค้าที่รับชำระด้วยสกุลเงินดิจิทัลลดลงจาก 5 รายในไตรมาสแรก ปี 2016 เหลือเพียง 3 รายในไตรมาสที่สองของปีนี้ ในขณะที่ร้านค้าส่วนใหญ่ยังคงรั บชำระเงินผ่าน Visa, Master Card หรือ PayPal เป็นหลักมากกว่า

มุมมองของภาครัฐและธนาคารกลางใน แต่ละประเทศยังถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายสำคัญต่อความเชื่อมั่นของ cryptocurrency โดยปัจจุบัน ประเทศที่มองว่า cryptocurrency เป็นสกุลเงินทางเลือกและยอมให้ใ ช้อย่างเป็นทางการมีจำนวนไม่มาก นัก อาทิ ญี่ปุ่นซึ่งอนุญาตให้ใช้ Bitcoin เป็นหนึ่งในรูปแบบการชำระเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงมีการออกใบอนุญาตในการดำเ นินธุรกิจแก่ผู้ให้บริ การแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล อย่างไรก็ดี ประเทศส่วนใหญ่ยังไม่มีการออกกฎ ระเบียบที่ชัดเจนเนื่องจากมองว่ า cryptocurrency เป็นเพียงสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ มีมูลค่าในตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้น บางประเทศกลับมีความเคลื่อนไหวแ ละการส่งสัญญาณในเชิงลบอีกด้วย เช่น ภาครัฐของจีนที่สั่งห้ามกิจกรรม การระดมทุนผ่านสกุลเงินดิจิทัล (Initial Coin Offering: ICO) และสั่งปิดบริษัทที่ให้บริการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล

ด้านหน่วยงานกำกับดูแลของไทยยัง ไม่มีการควบคุมและกำกับดูแล cryptocurrency อย่างเป็นทางการ แต่มีมุมมองในเชิงบวกต่อการพัฒน านวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่ (FinTech) โดยธนาคารแห่งประเทศไทยยังไม่มี การรองรับ cryptocurrency ให้เป็นสกุลเงินที่สามารถชำระหนี้ ได้ตามกฎหมาย และมีข้อแนะนำให้ประชาชนตระหนัก ถึงความเสี่ยงของการถือครองสกุล เงินดิจิทัล อย่างไรก็ตาม หน่วยงานกำกับดูแลของไทยยังคงให้ ความสนใจในเทคโนโลยีเบื้องหลั งของ cryptocurrency อย่าง blockchain ที่มีจุดเด่นด้านการตรวจสอบข้อมู ลอย่างโปร่งใสมากกว่า รวมไปถึงพัฒนากฎระเบียบเพื่อสนั บสนุนนวัตกรรมทางการเงินอย่างจริ งจัง เช่น การสร้าง regulatory sandbox เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ทดสอบผลิ ตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบใหม่ที่ ยังไม่มีกฎหมายรองรับ ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ แก่ภาคธุรกิจในการลงทุนเพื่อศึ กษาและพัฒนาการให้บริการโดยใช้ เทคโนโลยีเหล่านี้มากขึ้น

อีไอซีประเมินว่าการพัฒนา cryptocurrency เพื่อใช้ในสถาบันการเงินและภาครั ฐมีโอกาสเกิดขึ้นสูงกว่าการใช้ งานของบุคคลทั่วไป โดยสถาบันการเงินรายใหญ่หลายแห่ งได้เริ่มพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลข องตัวเองเพื่อใช้ในการทำธุรกรรม ของธนาคาร เช่น Citi group และ MUFG ในขณะที่ภาครัฐก็มีแนวโน้มพัฒนา สกุลเงินของแต่ละประเทศเพื่อสนั บสนุนให้ประชาชนหันมาใช้จ่ายผ่ านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น เช่น ญี่ปุ่น จีน และรัสเซีย ซึ่งจะช่วยให้ภาคธุรกิจและภาครั ฐสามารถลดต้นทุนการทำธุรกรรมและ การบริหารจัดการลงได้จำนวนมาก

อีไอซียังมองว่าเทคโนโลยีเบื้องหลังของ cryptocurrency อย่าง blockchain และ smart contracts มีศักยภาพและประโยชน์สูงต่อการนำ มาประยุกต์ใช้กับภาคธุรกิจในอนาคต โดยสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับกระ บวนการทำงานที่ต้องมีการตรวจสอบ และยืนยันข้อมูล ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาการทำงานแล ะเพิ่มประสิทธิภาพให้กับองค์ กรต่างๆ ได้อย่างมีนัยสำคัญ เช่น 1) การนำไปใช้บันทึกประวัติการใช้ง านหรือซ่อมบำรุงเครื่องบินให้กา รตรวจสอบข้อมูลระหว่างการซื้อขา ยมีประสิทธิภาพมากขึ้น 2) การบันทึกข้อมูลการรักษาพยาบาลเ พื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการวิ เคราะห์โดยที่ยังสามารถกำหนดระดั บของผู้ที่สามารถเข้าถึงข้อมู ลได้ และ 3) การติดตามสถานะและคุณภาพของสินค้าโดยเฉพาะอาหารสดแบบเรียลไทม์ เป็นต้น

Related Articles

Back to top button
X
%d bloggers like this: