จาก Brick and mortar สู่ Click-and-Mortar กลยุทธ์สู้ศึก ‘CPS CHAPS’
เมื่อเดือนธันวาคม เมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา เกิด Digital Revolution ขึ้นทำให้สั่นสะเทือนวงการแฟชั่นไทยครั้งใหญ่ เมื่อพบว่า CPS CHAPS แบรนด์เสื้อผ้า เรดดี้ทูแวร์ (Ready-to-wear) แบรนด์แฟชั่นและไลฟ์สไตล์ชั้นนำของเมืองไทย ได้ตัดสินใจทรานส์ฟอร์ม (Transform) ตัวเอง ด้วยการลบภาพบนอินสตาแกรมทางการออกทั้งหมด เพื่อต้องการเสนอภาพลักษณ์ใหม่ของแบรนด์ในทุก ๆ ด้าน ผ่านการตีความตัวตนของแบรนด์ CPS CHAPS ให้คมชัดยิ่งขึ้น
ผ่าน คำ 3 คำ Creativity. Passion. Self. คำจำกัดความใหม่ของแบรนด์ CPS CHAPS แต่มาในรูปแบบที่แตกต่างกัน ให้ความหลากหลาย ตอบรับกับสิ่งที่ชาวมิลเลนเนียล (Millennials) ที่ลุ่มหลงในแฟชั่นเป็นชีวิตจิตใจและมีความเป็นปัจเจกบุคคล (Individuality) ค้นหา ทั้งหมดนี้ถูกถ่ายทอดผ่านแคมเปญ #WhatIsYourCPS
แคมเปญ #WhatIsYourCPS ได้ 3 Curators ที่มีความโดดเด่นและเป็นผู้นำในแต่ละด้าน พร้อมทั้งอินฟลูเอนเซอร์ (Influencers) อีก 36 ท่าน มาเป็นตัวแทน ในการนำเสนอตัวตนของแบรนด์ในแต่ละมุม ทั้ง Creativity, Passion, Self เพื่อร่วมตอกย้ำถึงความแตกต่างอย่างลงตัว และร่วมแชร์มุมมองการใช้ชีวิตผ่านทางบทสัมภาษณ์ และแฟชั่นเซ็ต จาก CPS CHAPS ที่แต่ละทีม ได้ส่งตัวพ่อ ตัวแม่ ของตนมาร่วมแชร์ประสบการณ์
CPS CHAPS ได้ทำการปรับโฉมร้าน Flagship Store ณ ศูนย์การค้าสยาม เซ็นเตอร์ ชั้น G ในลักษณะ The New Concept Store มีรูปแบบการดีไซน์สไตล์โมเดิร์น แบ่งพื้นที่ภายในร้านเป็นสัดส่วนอย่างชัดเจน เมื่อเดินเข้ามาจะพบกับ “The Iconic Room” โซนเดนิมทางด้านหน้าของร้าน เพื่อคนรักเดนิมโดยเฉพาะ พอเดินเข้ามาอีกจะเป็นส่วนพื้นที่ฝั่งซ้ายที่เป็นโซนเสื้อผ้าสำหรับผู้ชาย และพื้นที่ฝั่งขวาเป็นโซนของผู้หญิง พร้อม Lounge area ตรงกลางที่แบรนด์ได้จัดที่นั่งพร้อมเสิร์ฟกาแฟจาก CPS Coffee บริการ
อีกทั้งบริการพิเศษ Personal Stylist ผู้มีความรู้ด้านแฟชั่น ให้คำปรึกษาเรื่องสไตลิ่ง ให้กับคุณลูกค้าฟรี และที่สำคัญที่สุด เราเตรียมพร้อมรับมือกับระบบ digital 5.0 ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ภายในร้านมีจอขนาดใหญ่แสดงสินค้าผ่านเว็ปไซต์ www.cpschaps.com ซึ่งลูกค้าสามารถดูและสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ได้ภายในร้านอีกด้วย
‘อภิสิทธิ์ สิงห์สัจจเทศ ‘ ผู้อำนวยการแบรนด์ CPS CHAPS เล่าถึงปรัชญาการทำงานขององค์กรณ์แฟชั่นนี้ด้วยวิสัยทัศน์ Thinking Forward Philosophy ว่า เป็นสิ่งที่ CPS CHAPS ยึดถือและใช้เป็นหลักในการทำงานมาโดยตลอด โดยมีความหมายถึงการมองไปข้างหน้า ให้เห็นถึงความต้องการลึกๆ ในใจของลูกค้า พร้อมทั้งนำเสนอสิ่งที่เราเชื่อมั่นออกไป คาแรคเตอร์ของ CPS CHAPS จะเป็นการใช้ความคิดสร้างสรรค์ที่ได้แรงบันดาลใจจากดนตรี ควบคู่ไปกับการดีไซน์ เพราะเราเชื่อว่าดนตรี คือส่วนหนึ่งในชีวิต เป็นส่วนที่ช่วยเยียวยาพร้อมทั้งให้ความรื่นรมย์
แต่ในแคมเปญนี้ ตีความให้ลุ่มลึกขึ้นอีกขั้น เพื่อสื่อสารถึงความเป็นปัจเจกบุคคลที่มีการดำเนินชีวิตแบบไม่เหมือนใครของคนยุคใหม่ในทุกวันนี้ โดยทางแบรนด์ได้รับเกียรติ จากบุคคลชั้นนำในหลากหลายวงการ ที่มีความชิคและชิลในแบบของตัวเอง มาเป็น curator เข้ามาร่วมตีความ ความเป็นตัวตนของตัวเอง และมุมมองที่มีต่อแคมเปญของ CPS CHAPS กับแคมเปญ #WhatIsYourCPS : Creativity, Passion, Self
ช่วงที่ผ่านมา มีการกล่าวถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นรุ่น มิลเลนเนียล ดาษดื่น การเหมารวมแบบนี้ ทาง CPS CHAPS เองมองว่าเป็นเรื่องที่เชยไปแล้ว ตั้งแต่เรามีสมาร์ทโฟนทำให้ทุกอย่างเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ความท้าทายนี้คือ เมื่อก่อนเราจะมองมาร์เก็ต เพลสต่างกัน ระหว่างร้านค้า Brick and mortar กับช่องทางออนไลน์ แต่สำหรับตอนนี้ อุปกรณ์สื่อสารเป็นตัวเชื่อมทุกอย่างเข้าด้วยกันเป็น Omni- channel การติดต่อสื่อสารกับลูกค้าที่หลากหลายช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์ แล้ว
ความสัมพันธ์ระหว่างร้านค้าและสินค้าควรจะไปในทิศทางเดียวกันเพื่อเป็นการสะท้อนคุณค่าของแบรนด์ออกมาให้ตรงที่สุด เมื่อเราทำออกมาได้โดนใจกลุ่มเป้าหมาย ธุรกิจก็จะประสบความสำเร็จ สินค้าจะกลายเป็นสิ่งสร้างประสบการณ์ สินค้าที่ให้คุณค่า มี Value proposition (คุณค่าที่ส่งมอบให้ลูกค้า) จะทำให้ลูกค้าให้ความสนใจการจะสร้างคุณค่าได้ก็มาจากการสื่อสารส่งต่อความคิด”
และบุคคลสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่นี้คือคุณ Tim Kobe ผู้ก่อตั้งและ CEO จาก บริษัท Eight, Inc. ได้มาร่วมเปิดเผยถึงเบื้องหลังการทำงาน และแรงบันดาลใจในการทำงานร่วมกับ CPS CHAPS ที่ได้ทำงานร่วมกันมานานกว่า 2 ปี ก่อนจะออกมาเป็นผลงานในปัจจุบันนี้
Tim Kobe กล่าวว่า “ตั้งแต่ได้เริ่มทำงานร่วมกันกับทาง CPS CHAPS เริ่มจากการกลับไปดูสิ่งที่เป็น legacy (ตำนาน) ของแบรนด์มาตั้งแต่ต้นพบว่าคุณภาพ กับสไตล์ที่แตกต่างของสินค้าเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้แบรนด์อยู่ในใจลูกค้ามายาวนาน
แบรนด์ CPS CHAPS สามารถสร้างความผูกพันทางจิตใจให้กับลูกค้าได้ ยิ่งลูกค้ามีความผูกพันมากเท่าไร ก็ส่งผลดีกับแบรนด์เท่านั้น
จากการสัมภาษณ์กลุ่มเป้าหมาย สามารถสรุปแก่นของแบรนด์ออกมาได้ว่า Raw และ Real กลุ่มลูกค้าของแบรนด์ต้องการความ Authentic (ความเป็นเนื้อแท้) และสไตล์ที่เฉพาะตัว มากกว่าที่จะแต่งตัวตามกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นการซื้อสินค้าที่เป็นสินค้าสำเร็จรูป ลูกค้าอาจจะไม่ได้ใส่ CPS CHAPS ในชีวิตประจำวันทุกวัน แต่จะหยิบมาใส่ในโอกาสที่ต้องการแสดงรสนิยมส่วนตัวออกมา
ในปัจจุบันนี้ การที่ธุรกิจจะประสบความสำเร็จได้การสื่อสารมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งก็มาจากองค์ประกอบของ ประสบการณ์ของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์จะเกิดขึ้นจากการที่ลูกค้าพบ เห็น รับรู้หรือสัมผัสกับจุดสัมผัสแบรนด์ (Brand Touch Points) ต่าง ๆ เช่น ตัวสินค้า การบริการ อุปนิสัยของพนักงาน ประสบการจากทุกจุดนี้รวมเข้าด้วยกัน ไม่สามารถแยกจากกันได้
หลากหลายสื่อพูดว่า การมีอยู่ของร้านค้าที่เป็น Brick and mortar (ธุรกิจมีห้างร้าน หรือหน้าร้านย่างเดียว) จะถดถอยลงไปจนไม่เหลือเลย แต่ผมกลับมีความเชื่อว่าร้านค้าจะยังคงอยู่ และกำลังปรับเปลี่ยนรูปแบบ ไปเป็น Click-and-Mortar (โดยการเพิ่มในส่วนของการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์)และธุรกิจที่เริ่มจากตลาดออนไลน์ก็จะมีร้านค้าอีกด้วย
เพราะร้านค้าจะเป็นที่ที่สร้างประสบการณ์ของแบรนด์ให้กับลูกค้า ได้เป็นอย่างดีที่สุด ซึ่งก็ทำให้ร้านค้าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันต้องปรับตัวเป็นอย่างมาก แทนที่จะเป็นที่สำหรับขายหรือทดลองสินค้าเพียงอย่างเดียว แบรนด์ต้องให้ความเข้าใจกับการเดินทางของประสบการณ์ตั้งแต่วินาทีแรกที่ลูกค้าเห็นตัวร้านค้า หรือแทบจะตั้งแต่ลูกค้าเห็นสินค้าจากสื่อออนไลน์เลยก็ว่าได้ ทุกอย่างเชื่อมโยงและเกี่ยวข้องกันเป็นวงกลม แบบที่บอกไม่ได้ว่าอะไรมาก่อนมาหลัง การทำเทคโนโลยีเข้ามาใช้อย่างเข้มข้นก็จะช่วยตอบโจทย์ในการสร้างความแตกต่างในความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าเช่นเดียวกัน