Biznews

Big C Market เตรียมลา “Big C FoodPlace” New Platform แทนที่

หลังจากที่นายใหญ่อย่าง เจ้าสัว เจริญ สิริวัฒนภักดี ในฐานะประธานกรรมการ กลุ่มบริษัททีซีซี และบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) สั่งเดินเครื่องนำบริษีัทในเครืออย่าง บิ๊กซีเข้าไปเปิดตลาดที่มาเลเซีย ภายใต้โมเดลครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ เนื่องจากมองว่าโมเดลดังกล่าวจะทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน ซึ่งในกรณีของมาเลเซีย มีความสนใจเพราะเครือของบีเจซีได้เข้าไปตั้งโรงงานผลิตขวดแก้วและขนมแล้ว แต่ยังไม่มีธุรกิจปลายน้ำ หรือการนำสินค้าไปสู่มือผู้บริโภค ซึ่งมีโอกาสจากตลาดอยู่จำนวนมาก จึงนำบิ๊กซีเข้าไปรวมทั้งพิจารณาการนำบิ๊กซีเข้าไปเปิดในประเทศอื่น ๆ ด้วย

ขณะที่การทำตลาดในประเทศ ​​การขับเคลื่อนธุรกิจของบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ในฐานะผู้นำด้านค้าปลีกของประเทศไทย มุ่งพัฒนาสร้างประสบการณ์ใหม่ ตอบโจทย์รับทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ล่าสุด เปิดแพลตฟอร์มใหม่ด้วยการนำเสนอบิ๊กซี ซูเปอร์มาร์เก็ต แห่งแรกเปิด 24 ชั่วโมงภายใต้ชื่อ “Big C FoodPlace” โดยตั้งเป้าไปสู่การเป็น Food Store ด้วยพื้นที่รวมกว่า 800 ตารางเมตร ซึ่งเน้นพื้นที่จำหน่ายแผนกอาหารสดที่ใหญ่กว่าทุกแพลตฟอร์ม โดยใช้งบลงทุนกว่า 40 ล้านบาท ชูจุดเด่นอาหารพร้อมรับประทาน (Ready Meal) อาหารออร์แกนิค(Organic Food) เป็นต้น

ทั้งนี้ แพลตฟอร์มนี้เกิดขึ้นจากการผนึกพันธมิตร บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทยชั้นนำของไทย ผู้พัฒนาโครงการสามย่านมิตรทาวน์ ร่วมตอบโจทย์ครบทุกความต้องการกับการใช้ชีวิตของผู้บริโภค เพื่อตอกย้ำความเป็นห้างคนไทยหัวใจคือลูกค้าได้อย่างตรงจุด

​​นางวิภาดา ดวงรัตน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี เปิดเผยว่า “บิ๊กซี มีความยินดีอย่างยิ่งที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในการบริการกลุ่มลูกค้าโซนดาวน์ทาวน์ (Downtown) ในโครงการสามย่านมิตรทาวน์ ซึ่งตรงกับแผนดำเนินงานที่พร้อมจะเดินหน้าเปิดสาขาอย่างต่อเนื่อง พร้อมนำเสนอรูปแบบที่ดีและตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยปรับตามพฤติกรรมชีวิตกลุ่มคนเมือง ผ่านกลยุทธ์จากแนวคิด “Maximize customer satisfaction” ตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนไป โดยนำลูกค้าเป็นจุดศูนย์กลาง โดยนำแนวคิดมาออกแบบให้ตอบโจทย์เข้ากับชีวิตคนเมืองให้มีความสะดวกสบาย ในยุคดิจิตอลครบทุกมิติ โดยมุ่งจับกลุ่มลูกค้าในเมือง 5 กลุ่มหลัก อาทิ

​• กลุ่มนักเรียน นิสิต อาจารย์ เนื่องจากสามย่านเป็นศูนย์กลางของสถานศึกษา

​• กลุ่มพนักงานออฟฟิศ ที่ทำงานบริเวณสามย่าน หรือต้องเดินทางกลับด้วยรถไฟใต้ดิน

​• กลุ่มผู้พักอาศัยในสามย่านและใกล้เคียง

​• กลุ่มนักท่องเที่ยว ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวและพักผ่อน

​• กลุ่มฟรีแลนซ์ ที่ต้องเดินทางไปนอกสถานที่ และทำงานไม่เป็นเวลา

​โดยลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าและบริการครบครันแบบ One Stop Service พร้อมทั้งเป็นจุดนัดพบสำหรับคนรุ่นใหม่ โดยเน้นกลุ่ม นักเรียน-นิสิต คนทำงาน กลุ่มครอบครัวขนาดเล็ก รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ เนื่องจากเป็นสาขาที่ลูกค้าทุกกลุ่มสะดวกในการเดินทางโดยเชื่อมกับสถานีรถไฟใต้ดินสถานีสามย่าน ซึ่งบิ๊กซีมองว่าลูกค้ากลุ่มนี้เป็นลูกค้าที่มีความรู้ มีกำลังซื้อสูง เลือกซื้อสินค้าที่คุณภาพเหมาะสมกับราคา และยอมจ่ายเมื่อมองว่าสินค้ามีคุณภาพ โดยคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้อยู่ที่ 300 – 400 ล้านบาทต่อปี

​​สำหรับในส่วนการตกแต่ง เน้นโทนสีเข้ม งานไม้ และไฟซ่อน เพื่อให้ดูพรีเมี่ยม แต่แฝงไว้ด้วยความอบอุ่นและเป็นมิตร แตกต่างจากบิ๊กซีทั่วไป ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Urban Local Food Market” ผสานชีวิต คนเมืองและห้างสรรพสินค้าให้เป็นหนึ่งเดียวกัน โดยจัดเพิ่มพื้นที่พักผ่อนและนั่งรับประทานอาหาร ให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น

​นอกจากเวลาการเปิดบริการ 24 ชั่วโมงแล้วสิ่งที่ยังเป็นไฮไลท์ของแพลตฟอรม์นี้ คือ การนำอินโนเวชั่นมาบริการลูกค้า อาทิ ป้ายราคาดิจิตอล (Electronic price tag) ที่จะคอยอัพเดตราคานำเสนอต่อผู้ใช้บริการได้อย่างวางใจ พร้อมเป็นสาขาแรกที่ลดการใช้ถุงพลาสติกอย่างแน่วแน่ผ่านการให้คะแนนสะสมบัตรบิ๊กการ์ด

ปัจจุบัน บิ๊กซีมีรูปแบบในการขยายสาขา 3 รูปแบบด้วยกันคือ ไฮเปอร์มารืเก็ต ปัจจุบันมี 143 สาขา ก่อนสิ้นปีเปิดอีก 3 แห่ง บิ๊กซีซูเปอร์มาร์เก็ต จำนวน 60 สาขา สิ้นปีเปิดอีก 1 แห่ง และมินิบิ๊กซี จำนวน 687 สาขา สิ้นปีเพิ่มเป็น 800 สาขา ซึ่ง แพลตฟอร์มรูปแบบใหม่ Big C FoodPlace จะเข้ามาแทนที่บิ๊กซีมาร์เก็ตในที่สุด โดยเฉพาะสาขาที่อยู่ในกรุงเทพฯ เนื่องจากเทรนด์ร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมงมาแรงและเป็นเทรนด์ทั่วโลกสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค

​​นางสาวธีรนันท์ กรศรีทิพา รองกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจรีเทล บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ กล่าวว่า “การเปิดตัว Big C FoodPlace แพลตฟอร์มใหม่ครั้งแรกในประเทศไทยในครั้งนี้ จะช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์แบบของสามย่านมิตรทาวน์ที่ตั้งเป้าจะเป็น “คลังแห่งอาหารและการเรียนรู้ (Urban Life Library)” สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนเมือง ซึ่งมีเทรนด์ที่สนใจการทำอาหาร และรับประทานอาหารในรูปแบบของตัวเอง ให้สามารถมีทางเลือกอย่างครบครัน และสะดวกด้วยดิจิตอลเทคโนโลยีใหม่จากบิ๊กซี นอกจากนี้การที่ Big C FoodPlace ตั้งอยู่โซนพื้นที่ค้าปลีก 24 ชม. (24hrs Retail) ซึ่งเป็นโซนที่เปิดให้บริการ 24 ชม. ของโครงการ จะช่วยตอบโจทย์ผู้ใช้งานทั้งส่วนอาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม และโรงแรม กว่า 8,000 คนเมื่อมีอัตราการเช่าเต็มพื้นที่ รวมทั้งรองรับลูกค้าจากภายนอกที่มาใช้บริการซึ่งคาดว่าจะมียอดผู้ใช้กว่า 25,000 คนต่อวันได้อย่างเต็มที่”

​“โกลเด้นแลนด์ และ บิ๊กซี จะเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่ต่างพร้อมมอบประสบการณ์การให้กับผู้ใช้โครงการ ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของการอยู่อาศัยในรูปแบบคนเมือง พร้อมทั้งผสานทรัพยากรต่างๆ ทั้งเทคโนโลยีการซื้อขายสินค้า ระบบฐานลูกค้า และระบบบริหารจัดการอาคารต่างๆ ที่จะช่วยทำให้สามย่านมิตรทาวน์ และ Big C FoodPlace พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

โครงการสามย่านมิตรทาวน์ มูลค่า 8,500 ล้านบาท บนที่ดิน 13 ไร่ เช่าจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระยะเวลาเช่า 30 ปี ขณะนี้งานก่อสร้างคืบหน้าแล้วกว่า 30% พร้อมเปิดให้บริการในเดือน ต.ค. 2562 นี้ โดยรายละเอียดโครงการแบ่งเป็น 3 โซนหลัก ได้แก่ 1.โซนรีเทลคิดเป็น 30% ของโครงการ มีพื้นที่ให้เช่า 36,000 ตร.ม. สูง 6 ชั้น มีพื้นที่ร้านค้าตั้งแต่ชั้น B1-ชั้น 4 และชั้น 5 เป็นพื้นที่ฮอลล์อเนกประสงค์รวมทั้งสวนดาดฟ้าขนาดใหญ่ 2.โซนอาคารสำนักงาน มิตรทาวน์ ออฟฟิศ ทาวเวอร์ คิดเป็น 30% ของโครงการ เป็นอาคารสำนักงานให้เช่าเกรด สูง 31 ชั้น มีพื้นที่ให้เช่า 48,000 ตร.ม. จะพัฒนาเป็นอาคารที่ใช้งานโดยใช้ระบบอัจฉริยะเข้ามาเชื่อมโยงกับอุปกรณ์ในอาคาร และ 3.โซนที่พักอาศัยคิดเป็น 15% ของโครงการ สูง 33 ชั้น เป็นคอนโดมิเนียม 1 ห้องนอน ขนาด 34 ตร.ม. จำนวน 516 ยูนิตสำหรับคนรุ่นใหม่ที่เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และโรงแรม 3 ดาวครึ่ง จำนวน 104 ห้อง จะแยกพื้นที่ส่วนกลางของทั้ง 2 ส่วนออกจากกัน เพื่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย นอกจากนี้ยังมีโซนพื้นที่ค้าปลีกและพื้นที่ส่งเสริมการเรียนรู้เปิดบริการ 24 ชม.ไว้บริการกลุ่มลูกค้าเป็นนิสิต นักศึกษาและบุคคลทั่วไป เพื่อใช้บริการเพื่ออ่านหนังสือ ทำการบ้าน ประชุมติดต่องาน

ท่ามกลางการแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกที่ต้องปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงด้านไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค การก่อเกิดแพลตฟอร์มใหม่ของขาใหญ่ค้าปลีกหัวใจคนไทยอย่างบิ๊กซีจึงเกิดขึ้น !!!

Related Articles

Back to top button
X
%d bloggers like this: