Biznews

6 ไดเรคชั่น “SHARP COME BACK”

หากยังจำกันได้สมัยก่อนมองไปรอบตัวของในบ้านมีแต่สินค้าจากญี่ปุ่นที่ดูเป็นชาติที่ผูกขาดด้านสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบจริงจังมากแบรนด์อื่น ๆ อย่าง Samsung, Goldstar(LG) ตอนนั้นยังไม่เคยได้ยินเลย จนมาวันนี้ 20 ปีผ่านไป เหตุการณ์กลับตาลปัตร สังเกตเห็นเป็น Trend มาสักระยะแล้วว่าตั้งแต่บริษัทเกาหลีอย่าง Samsung , LG ตีตลาดเมืองไทยกระเจิง ในตลาดโลกก็เช่นกัน บริษัทญี่ปุ่นอื่น ๆ ที่เคยโด่งดังในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในตอนนี้ก็แลดูไม่ค่อยสดใสนัก มิหนำซ้ำมีการขายกิจการกันเป็นว่าเล่นเริ่มจาก Sanyo ที่ถูก Panasonic ซื้อกิจการ และขายโรงงานในไทยให้กับบริษัทจีน Haier เมื่อหลายปีก่อน นี่เป็นบริษัทแรกเลยที่เริ่มล้ม จากนั้นก็มีไล่ตามมาอีกหลายราย

“ชาร์ป” อีกหนึ่งแบรนด์ที่ประสบภาวะวิกฤตอย่างหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจนกระทั่งตัดสินใจขายหุ้นในเดือนเมษายน ปีที่แล้ว ให้กับบริษัท หงไห่ พรีซิชัน อินดัสทรี หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ Foxconn เป็นผู้รับจ้างผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดในโลก มีฐานการผลิตในจีนแผ่นดินใหญ่ เพื่อผลิตโทรศัพท์ไอโฟนและสินค้าอื่นๆ เข้าซื้อกิจการของชาร์ปด้วยเงินมูลค่าเกือบ 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ญี่ปุ่นรายนี้ประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก โดยมีผู้เสนอแผนกอบกู้กิจการของชาร์ป 2 ราย คือ บริษัท หงไห่ จากไต้หวัน และองค์การความร่วมมือเครือข่ายนวัตกรรมแห่งญี่ปุ่นซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นสนับสนุน

หากแต่สุดท้ายแล้วชาร์ปเลือกที่จะขายกิจการให้บริษัทไต้หวัน แทนที่จะรับความช่วยเหลือจากรัฐบาล เนื่องจากหงไห่เสนอซื้อกิจการในราคาที่มากกว่าองค์กรของรัฐบาลญี่ปุ่นถึง 2 เท่าตัว นอกจากนี้ยังตกลงจะรักษาโครงสร้างกิจการของชาร์ปไว้ ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นเสนอให้รื้อโครงสร้างเพื่อเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการ

สาเหตุที่ทำให้ชาร์ป ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นที่ประสบวิกฤตหนัก เนื่องมาจากถูกบริษัทเกาหลีใต้แข่งขันด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่า โดยบริษัทญี่ปุ่นอื่นๆ เช่น โตชิบา โซนี่ และพานาโซนิค ต่างประสบวิกฤตหนักเช่นเดียวกัน

หลังจากปรับโครงสร้างมา 1 ปี คราวนี้ชาร์ปที่มีอายุการดำเนินงาน 100 ปีประกาศคัมแบ็คอีกครั้งด้วยการทวงผู้นำตลาดกลับคืนจากผู้ดล่นรายหลักทั้งหมด อะไรทำให้ชาร์ปมั่นใจขนาดนั้น

มิสเตอร์ ไต้ เจิ้น อู ประธาน และ ซีอีโอ บริษัทชาร์ป คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ชาร์ป” คือผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อการใช้ชีวิตให้แก่คนทั่วโลกมายาวนานกว่า 100 ปี ซึ่งประเทศไทยถือเป็นตลาดหลักที่มีความสำคัญทางธุรกิจของชาร์ปในต่างประเทศมายาวนานกว่า 90 ปี โดยมีการขยายธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการขาย การผลิต และการบริการหลังการขาย สำหรับสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในสำนักงาน (Business Solution) รวมถึงในกลุ่มผลิตภัณฑ์พลังงานโซลาร์ (Solar Energy Products) และนอกเหนือจาก สายการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และเครื่องถ่ายเอกสารที่ชาร์ปมีอยู่แล้วในประเทศไทย ในปีนี้ชาร์ปยังตัดสินใจที่จะลงทุนเพิ่มเติมในการขยายสายการผลิตสินค้ากลุ่มทีวี ณ โรงงาน ชาร์ป แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จํากัด จังหวัดนครปฐมซึ่งมีกำลังผลิตที่เพียงพอต่อความต้องการ และผลิตสินค้าที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าในภูมิภาคนี้ โดยคาดหวังว่าจะสามารถรวบรวมพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิต และการกระจายสินค้า จนเกิดเป็นสายการผลิตที่แข็งแกร่ง และมีศักยภาพในอนาคต

นอกจากนี้ยังได้เล็งเห็นถึงแนวโน้มที่ดีของเศรษฐกิจไทย ภายใต้นโยบายประเทศไทย 4.0 ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดและเทคโนโลยีของชาร์ปที่มีอยู่ในปัจจุบัน ทั้งด้านระบบอัตโนมัติ (Automation), นวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI), การเชื่อมต่อที่ง่ายดายบนโลกอินเทอร์เน็ต (IoT) รวมถึงการนำเทคโนโลยีแห่งอนาคตมาประยุกต์ใช้กับการดูแลสุขภาพ (Smart Healthcare) และการเกษตร (Smart Farm) ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นเป้าหมายอันดับต้นๆ ของชาร์ปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากอยู่ในทำเล ที่เหมาะสม และมีโอกาสในการเติบโตได้อีกมากในอนาคต

สำหรับการดำเนินงานด้านการวิจัยและพัฒนาของชาร์ปในปีนี้ ชาร์ปนำเสนอเทคโนโลยีล่าสุดซึ่งถือว่าเป็นการเปลี่ยนโลกให้แตกต่างไปจากเดิม นั่นคือนวัตกรรมโทรทัศน์ “อควอส 8 เค ทีวี” (AQUOS 8K TV) ขีดสุดของความคมชัดเสมือนจริงที่เหนือกว่าเทคโนโลยีโทรทัศน์ ที่มีอยู่ในปัจจุบันด้วยความละเอียดสูงสุดถึง 7,680 x 4,320 มากกว่าเทคโนโลยีจอภาพในโทรทัศน์แบบ Full HD ถึง 16 เท่า ซึ่งเป็นความละเอียดชนิดที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า โดยระบบเทคโนโลยี 8K Ecosystem สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ทั้งในวงการแพทย์ ระบบรักษาความปลอดภัย และการตรวจสอบคุณภาพในภาคอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อกจากนี้ยังได้คิดค้นนวัตกรรม AIoT ซึ่งนำจุดเด่นของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) และ การเชื่อมต่ออย่างไร้พรมแดนบนโลกอินเทอร์เน็ต (Internet of Things) มาผนวกเข้ากับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัวเรือน และกลุ่มอุปกรณ์ใช้งานสำหรับธุรกิจ ให้สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต และทำงานร่วมกันเป็นเครือข่าย นอกจากจะสามารถตอบสนองการใช้งานได้แบบ Interactive แล้ว ยังมีความสามารถในการบันทึก และวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งานให้มีความเหมาะสมกับแต่ละบุคคลได้อีกด้วย

มิสเตอร์ โรเบิร์ต อู กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์ป ไทย จำกัด กล่าวว่า “ชาร์ป” พร้อมแล้วที่จะกลับมาทวงตำแหน่งผู้นำในธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศไทยอีกครั้ง ภายใต้ 6 กลยุทธืหลักคือ 1.ONE SHARP การรวบรวมบริษัทในเครือทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกันเพื่อให้สะดวกต่อการบริหารงาน 2. MADE IN THAILAND ล่าสุดย้ายโรงงานทีวีจากมาเลเซียกลับมาอยู่ที่ไทย ปัจจุบันมี 2 โรงงานที่บางปะกงผลิตสินค้ากลุ่ม HA และโรงงานที่นครปฐมเดิมผลิตเครื่องถ่ายเอกสารเพิ่มไลน์ผลิตทีวีเพื่อทำตลาดในประเทศก่อนขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม CLMV เป็นต้น 3.BUSINESS IN THAILAND 4.SERVICE IN THAILAND 5.GOVERNMENT IN THAILAND และ สุดท้าย WORKING IN THAILAND โดยเริ่มต้นจากการเปิดตัวพรีเซนเตอร์คนล่าสุด กันต์ กันตถาวร ผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ “Unlimited Happiness” เพื่อเป็นตัวแทนในการสื่อสารเกี่ยวกับความสุขอันไร้ขีดจำกัดที่ผู้บริโภคจะได้รับจากแบรนด์ไปยังวงกว้าง ซึ่งในปีหน้าจะมุ่งเน้นในการจัดจำหน่ายสินค้าในกลุ่มเทคโนโลยี “อควอส” (AQUOS) และ “พลาสม่าคลัสเตอร์” (Plasmacluster) ซึ่งเป็น 2 เทคโนโลยีที่มีความสำคัญของชาร์ป และมีศักยภาพสูงสำหรับตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยมุ่งหวังที่จะขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุประมาณ 25 – 40 ปี ซึ่งมีความสนใจในด้านแฟชั่นและเทรนด์ของสินค้านวัตกรรมซึ่งตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน และที่สำคัญราคาคุ้มค่า

การกลับมาครั้งนี้ของชาร์ป ยืนยันหนักแน่นว่าต้องการทวงคืนตำแหน่งผู้นำในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบัน ชาร์ป อยู่ในอันดับ 3 ของตลาดทีวีที่มีมูลค่า 2.2 ล้านเครื่อง โดยชาร์ปตั้งเป้าขยับทีละก้าวและขึ้นเป็นที่ 1 ในอีก 1-2 ปีนับจากนี้ ภายใต้กลยุทธ์หลักคือ เน้นความเป็นออริจินอล สินค้าไฮไลท์คือ 8K และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย โดยเฉพาะสินค้า 8k ชาร์ปหมายมั่นปั้นมือที่จะเป็นเรือธงส่งกลับผู้นำตลาดทีวีในเร็วๆ นี้ นำเสนอเริ่มที่ 70 นิ้ว ราคาสบายกระเป๋าที่ 1 แสนเหรียญสหรัฐ (เท่านั้น)

สำหรับรายได้รวมทั้งปีของชาร์ปในปี พ.ศ.2560 คาดว่ามีรายได้ 6 พันล้านบาท เติบโต 20% โดย 50% มาจากทีวี และคาดว่าจากแผนการดำเนินงานทั้งหมดจะทำให้ชาร์ปเติบโตได้อีกกว่า 20-30% ในปีหน้า

Related Articles

Back to top button
X
%d bloggers like this: