Biznews

5 สิ่งจูงใจคนทำงานรุ่นใหม่ไม่คิดย้ายงาน

ปฎิเสธไม่ได้ว่าคนรุ่นใหม่มีทัศนคติและค่านิยมในการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด คนรุ่นใหม่มักมองหาความก้าวหน้า ความท้าทาย และค่าตอบแทนที่ได้รับเป็นสำคัญ ซึ่งต่างจากคนรุ่นก่อนที่เลือกความมั่นคงในหน้าที่การงาน นอกจากนี้ในโลกปัจจุบันที่ไร้พรมแดนทำให้คนรุ่นใหม่มีช่องทางการหารายได้ที่มากมายนอกเหนือจากการทำงานประจำ จึงมีคนรุ่นใหม่หันไปประกอบอาชีพอิสระกันมากขึ้น ซึ่งที่กล่าวมาเป็นเหตุผลที่ทำให้หลายองค์กรต้องปรับวิธีการบริหารพนักงานรุ่นใหม่ รวมถึงหันมาให้ความสำคัญกับการสร้างความผูกพันและรักษาพนักงานรุ่นใหม่ให้รู้สึกอยากทำงานกับองค์กรยาวนานขึ้น เพื่อให้องค์กรยังสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ในอนาคต

ด้วยเหตุนี้ นางสาวแสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าผู้บริหารด้านปฏิบัติการ เว็บไซต์จ๊อบไทยดอทคอม (JobThai.com) ในฐานะผู้นำด้านเว็บไซต์หางาน สมัครงาน อันดับ 1 ของประเทศไทย ที่มีผู้ลงทะเบียนฝากประวัติกว่า 1.2 ล้านคน รวมถึงมีจำนวนงานจากบริษัทชั้นนำต่างๆ อีกกว่า 86,000 อัตรา ซึ่งเปรียบเสมือนตัวกลางระหว่างคนหางานและองค์กร จึงได้ทำแบบสำรวจความคิดเห็นคนทำงานรุ่นใหม่ทั่วประเทศกว่า 1,500 คน พบว่ามี 5 สิ่งที่ คนทำงานรุ่นใหม่มองว่าเป็นแรงจูงใจให้อยากทำงานอยู่กับองค์กรไปนานๆ ดังนี้

 

JobDB.com

นอกจากนี้ ผลสำรวจยังเผยให้เห็นถึงเป้าหมายการทำงานในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้าของคนทำงานรุ่นใหม่ โดยส่วนใหญ่บอกว่าต้องการเป็น 1) เจ้าของกิจการ คิดเป็น 55.24 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วย 2) ข้าราชการ คิดเป็น 21.22 เปอร์เซ็นต์ 3) พนักงานเอกชนขององค์กรต่างประเทศ คิดเป็น 6.79 เปอร์เซ็นต์ 4) พนักงานรัฐวิสาหกิจ คิดเป็น 6.47 เปอร์เซ็นต์ และ 5) พนักงานเอกชนขององค์กรไทย คิดเป็น 6.08 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ ซึ่งก็สอดคล้องกับเทรนด์ในปัจจุบันที่คนรุ่นใหม่ต้องการทำงานที่เป็นอิสระมากขึ้น ซึ่งถือเป็นความท้าทายขององค์กรในการดูแลรักษาพนักงานกลุ่มนี้

อย่างไรก็ตามนอกจากการสำรวจฝั่งคนทำงานรุ่นใหม่แล้ว เว็บไซต์จ๊อบไทยดอทคอม ยังได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของฝ่ายทรัพยากรบุคคลจากหลากหลายองค์กร กว่า 480 คน ในเรื่อง สิ่งที่องค์กรใช้เป็นแรงจูงใจให้แก่พนักงานรุ่นใหม่ ได้แก่ 1) เปิดโอกาสให้พนักงานได้แสดงศักยภาพและความคิดเห็นอย่างเต็มที่ คิดเป็น 15.34 เปอร์เซ็นต์ 2) มีความสัมพันธ์ที่ดีภายในองค์กร คิดเป็น 12.92 เปอร์เซ็นต์ 3) มีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดี คิดเป็น 11.63 เปอร์เซ็นต์ 4) มีงบประมาณในการอบรมพัฒนาความรู้ของพนักงาน คิดเป็น 10.09 เปอร์เซ็นต์ และ 5) เปิดโอกาสให้พนักงานได้ทำงานใกล้ชิดกับผู้บริหาร คิดเป็น 9.26 เปอร์เซ็นต์ จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่ทั้งคนทำงานรุ่นใหม่และองค์กรมองเห็นตรงกัน ดังนั้นหากองค์กรนำข้อมูลที่ได้รับไปเป็นแนวทางในการปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ก็จะช่วยให้สามารถรักษาพนักงานรุ่นใหม่ให้ทำงานร่วมกับองค์กรต่อไปได้

 

Related Articles

Back to top button
X
%d bloggers like this: