BiznewsFinancial

ดีเดย์ 1 พ.ค. 63 มือถือเก่าอดใช้’โมบายแบงก์กิ้ง’

แบงก์ชาติ ขอความร่วมมือธนาคารพาณิชย์ เริ่มใช้มาตรการป้องกันความปลอดภัยการใช้งานโมบายแบงก์กิ้ง 1 พ.ค. 63 โดยมือถือต้องเป็นระบบปฏิบัติการ Android 4 ขึ้นไป ส่วน IOS ต้องสูงกว่า IOS 8 มือถือเจลเบรกไม่สามารถใช้งานได้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงถูกขโมยข้อมูล

นางสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. จะเริ่มทดลองใช้นโยบายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของการให้บริการทางการเงินและการชำระเงินผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ (mobile banking security) เป็นระยะเวลา 4 เดือน ตั้งแต่เดือน ม.ค. 2563 ไปจนถึงเดือน เม.ย. 2563 ก่อนจะเริ่มปรับใช้จริงในวันที่ 1 พ.ค. 2563

ทั้งนี้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ และเพื่อสร้างความมั่งคงและปลอดภัยให้กับระบบสถาบันการเงินและประชาชนผู้ใช้บริการ โดยปัจจุบันมีผู้ใช้งาน 44 ล้านบัญชี ตามข้อมูล ณ เดือนธ.ค. และที่มียอดธุรกรรมผ่านโมบาย แบงก์กิ้งมากกว่า 2,000 ล้านรายการในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา

สำหรับแนวทางในการรักษาความปลอดภัยครั้งนี้ ธปท. จะร่วมมือกับธนาครพาณิชย์ยกมาตรฐานขั้นต่ำ สำหรับฝั่งธนาคารที่จะไม่อนุญาตให้ใช้งานอุปกรณ์ที่ไม่ปลอดภัยเข้าใช้งานการเข้ารหัสไฟล์ข้อมูล รวมถึงการจำกัดการเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ (server) และยังต้องสร้างความเข้าใจให้กับลูกค้าในเชิงลึก เนื่องจากจะมีผู้บริโภคบางรายได้รับผลกระทบจากมาตรการนี้

 

จากมาตรฐานดังกล่าว จะส่งผลให้ประชาชนที่มีเครื่องมือสื่อสารที่มีการเจลเบรก (jailbreak) หรือการปรับเปลี่ยนหรือดัดแปลงโปรแกรม และผู้ใช้โทรศัพท์ในระบบปฏิบัติการรุ่นเก่า ได้แก่ ผู้ที่ใช้ระบบปฏิบัติการไอโอเอสตั้งแต่รุ่น 8.0 ลงไป และผู้ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์รุ่น 4 ลงไปไม่สามารถใช้งานโมบายแบงก์กิ้งได้ ซึ่งพบว่า จำนวนผู้ใช้งานที่เข้าเงื่อนไขดังกล่าวไม่ได้มีจำนวนมาก โดยอยู่ในหลักหมื่นต้นๆ เท่านั้น

พร้อมกันนี้ ยังวางแนวทางในการช่วยเหลือประชาชนที่จะได้รับผลกระทบในครั้งนี้ โดย ธปท. จะเร่งให้ธนาคารพาณิชย์ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้กับประชาชน และจะจำกัดการเข้าถึงการใช้งานเป็นขั้นบันได ไม่ได้ยกเลิกการเข้าถึงทั้งหมด แต่จะเข้าถึงหรือใช้งานได้บางประเภทเท่านั้น

ส่วนกรณีการผลักดันให้ประชาชนปรับเปลี่ยนบัตรเดบิตและบัตรเอทีเอ็มจากรูปแบบบัตรแถบแม่เหล็ก (magnetic card) ให้เป็นบัตรชิปการ์ด (chip card) ตามมาตรฐานสากล เพื่อยกระดับความปลอดภัยในการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งปัจจุบันยังมีประชาชนที่ถือบัตรแบบเก่าอยู่อีก 12 ล้านใบ และอยู่ในกรุงเทพฯ มากที่สุด ขอให้ประชาชนมาเปลี่ยนบัตรที่ธนาคารพาณิชย์ผู้ออกบัตรภายใน 15 ม.ค. 2563 นี้ โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการเปลี่ยนบัตร

 

อย่างไรก็ตาม ธปท. ย้ำว่า จำนวนผู้ใช้งานที่เข้าเงื่อนไขดังกล่าวไม่ได้มีจำนวนมากและยังอยู่ในหลักหมื่นต้นๆ เท่านั้น

 

 

 

 

 

 

 

Related Articles

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Back to top button
X
%d bloggers like this: