IT & Digital

ได้เวลา “เมโทรซิสเต็มส์” ทรานฟอร์มเมอร์ส

ในยุคที่ทุกสิ่งอย่างบนโลกใบนี้วิวัฒนาการไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการไหลบ่าของเทคโนโลยีใหม่ๆอย่างต่อเนื่องทำให้ภาคธุรกิจจำต้องปรับตัวรับมือการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวให้ทันท่วงที เพราะถ้าใครตกยุคนั่นอาจหมายถึงจุดจบขององค์กรก็เป็นได้

บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการปรับเปลี่ยนองค์กรล่าสุดในแวดวงไอทีถือเป็นคร้ังใหญ่เลยก็ว่าได้ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมาเมื่อกว่า 30 ปีที่แล้วก้าวสู่โลกไอทีในฐานะผู้ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ให้กับบริษัท ศรีกรุงวัฒนา จำกัด และเป็นผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ IBM System/38 เป็นรายแรกในเอเชีย

ด้วยทักษะและประสบการณ์การใช้งานด้านไอที ทำให้ได้รับการแต่งตั้งจากบริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดกลาง คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล คอมพิวเตอร์สำหรับระบบค้าปลีก เครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้า และการติดตั้งระบบสายสัญญาณคอมพิวเตอร์

บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2529 ด้วยทุนจดทะเบียน 4 ล้านบาท ในฐานะคู่ค้ารายแรกของไอบีเอ็มในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบธุรกิจเป็นผู้จัดจำหน่ายและให้บริการระบบไอที ปัจจุบันสิริรวมอายุ 31 ปีเต็ม

ด้วยวัย 30 ต้นๆ ถือว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร โดยเฉพาะอยู่ในธุรกิจไอทีที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไมโครซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น หรือ MSC จึงได้ฤกษ์เปลี่ยนแปลง

ธงชัย หล่ำวีระกุล ผู้อำนวยการกลุ่มผลิตภัณฑ์วัสดุสิ้นเปลือง บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น (MSC) บอกว่า ธุรกิจกลุ่มซัพพลายส์หรือวัสดุสิ้นเปลืองที่ตนเองดูแลอยู่ทรงตัวมา 3-4 ปีแล้ว เนื่องจากสภาพตลาดเปลี่ยนแปลงไป ความต้องการของลูกค้าเปลี่ยน มีการควบคุมค่าใช้จ่ายมากขึ้น ดังน้ันถึงเวลาที่ต้องปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจคร้ังใหญ่ โดยตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2560 เป็นต้นไป ธุรกิจกลุ่มออฟฟิศ ซัพพลายส์ กรุ๊ป จะรีแบรนด์ครั้งใหญ่เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ด้วยการเปลี่ยนชื่อเป็น ดิจิทัล พรินติ้ง กรุ๊ป หรือ ดีพีจี โดยปรับรูปแบบธุรกิจใหม่จากการซื้อมาขายไป เป็นการให้บริการโซลูชั่นงานพิมพ์ครบวงจร และเพิ่มการบริการเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและผลกำไรในอนาคต

ทั้งนี้ นำเสนอโซลูชั่น 3 รูปแบบให้ลูกค้าได้เลือกตามความเหมาะสมของแต่ละองค์กรนั่นคือ การซื้อพรินเตอร์และหมึกพิมพ์ซึ่งเป็นรูปแบบเดิม และเพิ่มเติม 2 รูปแบบคือ การติดตั้งเครื่องพรินเตอร์ให้โดยลูกค้าต้องเซ็นสัญญาสั่งซื้อหมึกพิมพ์จากบริษัทเป็นระยะเวลา 3 ปี และรูปแบบสุดท้ายคือ การเช่าใช้เครื่องพรินเตอร์เป็นรายเดือนหรือรายปี ทั้งนี้ เพื่อให้ลูกค้าสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้

ขณะเดียวกัน เมโทรซิสเต็มส์ยังได้พันธมิตรที่ดีอย่างเอชพี อิงค์ ที่วางใจให้เป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องพิมพ์เอชพี เพจไวด์ (HP Pagewide) อย่างต่อเนื่อง หลังจากเริ่มให้บริการเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมาและมีการทำงานร่วมกันในการปรับโมเดลธุรกิจของบริษัทโดยจากนี้จะนำ เครื่องพิมพ์เอชพี เพจไวด์ ทุกแพลตฟอร์มเข้ามาให้บริการเต็มรูปแบบ ทั้ง A4, A3, A0 รวมถึงเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ หือ 3D ที่คาดว่าจะเริ่มนำเข้ามาให้บริการได้ประมาณไตรมาส 3 ของปีนี้

ปัจจุบันเทคโนโลยีการพิมพ์ที่เป็นตลาดอิงค์เจ็ตประมาณ 60% และตลาดเลเซอร์ 40% แต่จากการที่ตลาดเลเซอร์เน้นกลุ่มลูกค้าผู้ใช้ทั่วไปเพราะราคาถูก

ขณะที่อิงค์เจ็ตเน้นภาคธุรกิจที่ต้องการคุณภาพแต่ราคาสูง ทำให้เอชพีมองเห็นโอกาสนำเสนอเครื่องพิมพ์เอชพีเพจไวด์ ที่จะเข้ามาเจาะตลาดระหว่างเครื่องอิงค์เจ็ตและเลเซอร์ โดยเน้นคุณภาพใกล้เคียงเลเซอร์ต้นทุนใกล้เคียงอิงค์เจ็ต ซึ่งเชื่อว่าเป็นช่องว่างที่ทำให้บริษัทเข้ามาทำตลาดได้

ขณะที่รายได้รวมของ เมโทรซิสเต็มส์ฯ ในปีที่ผ่านมาทำรายได้รวมกว่า 7,600 ล้านบาท จาก 3 กลุ่มธุรกิจหลักคือ 1.ด้านฮาร์ดแวร์ ได้แก่ เซิร์ฟเวอร์, สตอเรจ ฯลฯ 2.ด้านซอฟต์แวร์โซลูชั่นและบริการ และ 3.ด้านวัสดุสิ้นเปลือง ซึ่งจะเปลี่ยนชื่อเป็น ดิจิทัล พรินติ้ง กรุ๊ป โดยทั้ง 3 กลุ่มสร้างสัดส่วนรายได้ใกล้เคียงกัน

ก้าวใหม่ของธุรกิจวัสดุสิ้นเปลืองของเมโทรซิสเต็มส์ฯ ภายใต้ชื่อใหม่คือ กลุ่มดิจิทัล พรินติ้งกรุ๊ป จะสามารถต่อกรกับกระแสเทคโนโลยีที่ถาโถมเข้ามาได้หรือไม่ ต้องติดตาม

Related Articles

Back to top button
X
%d bloggers like this: