ก็แค่วันละ 8 ล้านชิ้น! “ไปรษณีย์ไทย” ตั้งเป้าสิ้นปียอดส่งพัสดุทะลุ 3,000 ล้านชิ้น
ยังคงแข่งขันกันอย่างดุเดือดสำหรับธุรกิจขนส่งพัสดุด่วนท่ามกลางพฤติกรรมที่ผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกสบายและรวดเร็วในการจัดส่งทำให้มีผู้ประกอบการทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ต่างงัดกลยุทธ์เพื่อมาตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างทันท่วงที
เมื่อการแข่งขันเลือดพล่านขนาดนี้ แน่นอน ไปรษณีย์ไทย ในฐานะผู้นำอันดับ 1 ในตลาดอยู่เฉยไม่ได้ซึ่งที่ผ่านมาเราได้เห็นการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ของไปรษณีย์ไทยมาแล้ว และล่าสุด ไปรษณีย์ตั้งเป้าสิ้นปียอดส่งพัสดุทะลุ 3,000 ล้านชิ้น หลังยอดส่งต่อวันมากกว่า 8 ล้านชิ้นต่อวัน พร้อมกับเตรียมยกระดับมาตรฐาน EMS ส่งเช้าได้บ่าย ส่งบ่ายได้เช้า
นางสมร เทิดธรรมพิบูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เปิดเผยว่า ตลอดปี 2562 ที่ผ่านมา บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้พัฒนางานด้านโลจิสติกส์ พร้อมทั้งพัฒนาระบบการให้บริการด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการขนส่ง ความปลอดภัย และความรวดเร็วให้ตอบสนการเติบโตของธุรกิจ e-Commerce พร้อมรองรับผู้ใช้บริการทุกกลุ่มแบบไร้ขีดจำกัด
ทั้งนี้ จากข้อมูลของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (สพธอ.) หรือ ETDA พบว่า มูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องระหว่าง 8-10% ต่อปี ซึ่ง e-Commerce ประเทศไทยในปี 2561 มีมูลค่าสูงถึงกว่า 3 ล้านล้านบาท ด้วยปัจจัยด้านความเชื่อมั่นในเทคโนโลยี ระบบ e-Payment ที่สะดวกมากขึ้น และการขนส่งที่รวดเร็วทำให้ผู้บริโภคหันมาให้ความนิยมซื้อของออนไลน์อย่างต่อเนื่อง
สำหรับตัวเลขพัสดุที่ไปรษณีย์รับเข้ามาในระบบมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในแต่ละวันมีจำนวนพัสดุกว่า 8,000,000 ชิ้น ผ่านเครือข่ายไปรษณีย์ที่มีอยู่กว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศ
นอกจากนี้จำนวนพัสดุที่ส่งเข้ามาในแต่ละวันยังสะท้อนให้เห็นอีกว่าประชาชนทั่วไปยังคงเลือกใช้บริการของไปรษณีย์อย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และคาดการณ์ว่าจนถึงสิ้นปี 2562 จะมีพัสดุผ่านเข้าสู่เส้นทางไปรษณีย์มากถึง 3,000 ล้านชิ้น (ตัวเลขรวมตลอดทั้งปี) โดยมีปัจจัยทั้งจากการซื้อขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ โปรโมชั่นการลดราคาและความรวดเร็วในการขนส่งและการบริการที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม รวมทั้งการเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น วันพ่อแห่งชาติ วันคริสต์มาส เทศกาลปีใหม่ ที่ตามปกติแล้วจะมีการส่งมอบพัสดุระหว่างกันเป็นประจำทุกปี
ดังนั้นไปรษณีย์ฯ จึงได้เพิ่มบริการต่างๆ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของการใช้ชีวิตที่หลากหลายของผู้ใช้บริการมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็น บริการเก็บเงินปลายทาง หรือ Cash on Delivery (COD) ที่ผู้รับปลายทางสามารถใช้บริการจ่ายเงินกับเจ้าหน้าที่นำจ่ายเมื่อรับพัสดุ โดยสามารถเลือกรูปแบบการชำระเงินได้ 3 ช่องทาง คือ เงินสด แอพพลิเคชั่นกระเป๋าเงินไปรษณีย์ (Wallet@POST) และ แอพพลิเคชั่นธนาคารบนสมาร์ทโฟน (Mobile Banking)
นอกจากนี้ยังยกระดับคุณภาพบริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (EMS) ในประเทศให้มีความรวดเร็วกว่าเดิมด้วยบริการ ส่งเช้าได้บ่าย ส่งบ่ายได้วันรุ่งขึ้น โดยส่งถึงกันก่อน 11.00 น. ในกรุงเทพฯ/ปริมณฑล วันเดียวถึงมือผู้รับ และส่งถึงกันก่อน 11.00 น. ในอำเภอเมืองจังหวัดเดียวกัน วันเดียวก็จะถึงมือผู้รับเช่นกัน โดยหากส่งจากกรุงเทพฯ/ปริมณฑล ไปอำเภอเมืองทุกจังหวัด และส่งจากอำเภอเมืองทุกจังหวัด ไปกรุงเทพฯ/ปริมณฑล ก่อน 17.00 น. ของจะถึงมือผู้รับในวันรุ่งขึ้นรวมทั้งบริการไปรษณีย์ 24 ชั่วโมง 365 วัน ที่เปิดให้บริการฝากส่งไม่มีวันหยุด ที่ไปรษณีย์เดอะสตรีท รัชดา ไปรษณีย์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และศูนย์ไปรษณีย์ EMS หลักสี่ และในอนาคตจะขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการครอบคลุมทั่วไทย