Biznews

โควิดซัด’ซีพีออล์’ กำไรไตรมาส 2 วูบ 40%!

ประกาศผลประกอบการเรียบร้อยสำหรับบริษัทที่หลายคนจับตามองอย่าง บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL เจ้าของร้านสะดวกซื้อเวเว่น อีเลฟเว่น

ซึ่งล่าสุด รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2/2563 สิ้นสุด 30 มิ.ย.2563 ผลปรากฏว่า ลดลง โดยมีรายได้รวม 128,027 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกัน ของปีก่อนคิดเป็นร้อยละ 10.6 เป็นผลจากการปรับตัวลดลงของรายได้จากการขายและบริการของทั้งธุรกิจร้านสะดวกซื้อและธุรกิจค้าส่งแบบชำระเงินสดและบริการตนเองภายใต้ชื่อ “สยามแม็คโคร” อันเป็นผลกระทบจากมาตราการควบคุมการระบาดของโรคจากรัฐบาล เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

ขณะเดียวกันมี ซีพีออล์กำไรขั้นต้นจากการขายและบริการเท่ากับ 26,442 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 14.9 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากรายได้จากการขายและบริการที่ลดลงจากธุรกิจร้าน สะดวกซื้อ และส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นในงบการเงินรวมลดลงเป็นร้อยละ 21.5 จากร้อยละ 22.5 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสัดส่วนกำไรขั้นต้นที่มาจากธุรกิจร้านสะดวกซื้อลดลง

ขณะที่ภาพรวมรายได้ของซีพี ออลล์ ในครึ่งปีแรก 2563  มีรายได้รวม 273,881 ล้านบาท ลดลง 2.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  กำไรสุทธิ  8,532 ล้านบาท ลดลง 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขายสินค้าที่ลดลงจากผลกระทบจากมาตราการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19

 

ช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 ธุรกิจร้านสะดวกซื้อเปิดร้านสาขาใหม่รวมทั้งสิ้น 106 สาขาในทุกประเภท ทั้งร้านสาขาบริษัท ร้าน store business partner (SBP) และร้านค้าที่ได้รับสิทธิช่วงอาณาเขต ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมาย

ดังนั้น ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2563 บริษัทมีจำนวนร้านสาขาทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 12,089 สาขา

แสดงให้เห็นชัดเจนว่า มาตรการปิดกรุงเทพฯ ผู้คนลดการพบเจอกัน ทำงานที่บ้าน ไม่เดินทาง เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ เซเว่น อีเลฟเว่นไม่ได้ขายดีถล่มทลายในวิกฤติรอบนี้

 

ปัจจุบัน สาขาเซเว่น อีเลฟเว่น ทั้งหมด 11,712 สาขาทั่วประเทศไทย แบ่งออกเป็นปั๊มน้ำมัน 1,714 สาขา คิดเป็น 15% สาขาทั่วไป 9,998 สาขา คิดเป็น 85%แบ่งเป็น กรุงเทพฯ และปริมณฑล 44% และต่างจังหวัด 56% จากการเดินทางน้อยลงทำให้รายได้จากสาขาในปั๊มน้ำมันน้อยลงไปด้วย

นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาสัดส่วนรายได้ของร้านสะดวกซื้อแห่งนี้ รายได้หลักของเซเว่น อีเลฟเว่นมาจากอาหารพร้อมทาน อาหารแช่แข็ง และเครื่องดื่มเป็นส่วนใหญ่ กินสัดส่วนสูงถึง  71.2% ที่เหลือเป็นสินค้าจำพวกของใช้ในบ้าน ของใช้ส่วนบุคคล 28.8%

ในสถานการณ์ที่คนต้องกักตัวอยู่บ้านทำให้พฤติกรรมการใช้ชีวิตเปลี่ยนแปลงมีการกักตุนสินค้ามากขึ้นเพื่อไม่ต้องออกจากบ้านบ่อยๆ  ช่องทางไฮเปอร์มาร์เก็ตจึงตอบโจทย์มากกว่าในการซื้อสินค้า เพราะห้างเหล่ามีของให้เลือกครบครัน

เมื่อหันไปมองผลประกอบการบริษัท ซีพี ออลล์ จํากัด (มหาชน) หรือ CP All รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 1 ปี 2563 ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่ามีรายได้รวม 145,856 ล้านบาท เติบโต 5.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการเปิดสาขาใหม่ของร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven และ Makro

กำไรขั้นต้นของบริษัทสูงขึ้น อยู่ที่ 31,182 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.2% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปีที่แล้ว อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นมาเป็น 22.1% ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาส 1 ปีที่แล้ว โดยบริษัทได้รายงานว่ากำไรขั้นต้นจากกลุ่มร้านสะดวกซื้อลดลงในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา

 

ล่าสุด ซีพี ออลล์ (CPALL) ได้เซ็นสัญญาร่วมทุน (Shareholders’ Agreement) ระหว่าง บริษัท ออลล์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (บริษัทย่อยที่ถือหุ้นอยู่ 99.99%) กับ GCH Investments Pte. Ltd. (กลุ่ม Dairy Farm International Holding ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำในด้านธุรกิจด้านสุขภาพและความงามในเอเชีย)

โดยจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ชื่อ บริษัท ออลล์ การ์เดี้ยน จำกัด (ALL Guardian Co., Ltd.) ในสัดส่วนการถือหุ้น 65% และ 35% ตามลำดับ ซึ่งได้จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2563 มีทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1 ล้านบาท เพื่อดำเนินุรกิจด้านการจัดจำหน่ายสินค้ากลุ่มสุขภาพและความงามภายใต้เครื่องหมายการค้า “Guardian” ในประเทศไทย

พร้อมทั้งรับทราบการเพิ่มทุนใน บริษัท ออลล์ เวลเนส จำกัด (บริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้น 99.99%) เดิมทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท เพิ่มเป็น 351 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวของุรกิจด้านหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ และธุรกิจ Digital Health ตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้สูงอายุที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

CPALL ยังระบุด้วยว่า สถานการณ์ของการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ที่ยังคงมีอยู่ ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในการประมาณการผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้น รวมถึงประมาณการรายได้จากการขายและบริการ อัตรากำไรขั้นต้น และงบลงทุนสำหรับปี 2563

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดเพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อยปลอดภัย และพยายามอย่างยิ่งยวดในการควบคุมให้มีผลกระทบต่อธุรกิจให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

Related Articles

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Back to top button
X
%d bloggers like this: