Biznews

“โกดัก” ดิ้นเพื่อรอด จากฟิล์มสู่แฟชั่น..เงินดิจิทัล

“โกดัก” จากความยิ่งใหญ่ในอดีตในฐานะผู้ผลิตกล้อง ฟิล์ม และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการถ่ายภาพระดับโลก จนกระทั่งถูกเทคโนโลยีดิสรัปชั่นครั้งใหญ่ โดยเฉพาะการเกิดของดิจิทัล และสมาร์ทโฟน ที่เข้ามาทำลายล้างจนชื่อโกดักแทบจะกลายเป็นตำนาน

บริษัท อีสต์แมนโกดัก ก่อตั้งขึ้นในปี 2423 และเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีการถ่ายภาพ โดยในปี 2519 โกดักมีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 90% ของตลาดฟิล์ม และ 85% ของตลาดกล้องถ่ายรูปในสหรัฐต่อมาในปี 2533 โกดักก็ถูกจัดอันดับเป็น 1 ใน5 ของแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก และ รายได้ของโกดักสูงที่สุดในปี 2539 ด้วยยอดขายเกือบ 1.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และกำไรสูงสุดในปี 2542 ที่ 2,500 ล้านเหรียญสหรัฐ

แต่เมื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามา แม้โกดักจะปรับตัวด้วยการผลิตกล้องดิจิทัลที่ไม่ต้องใช้ฟิล์ม แต่ก็นับว่าสายเกินไป เพราะสินค้าล้าสมัยและปรับไม่เท่าทันเทคโนโลยี จนกระทั่งต้องเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย

แต่วันนี้ โกดักได้กลับมาสู่วงจรธุรกิจอีกครั้ง ในเส้นทางสายใหม่ เริ่มจากการเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลในชื่อ “โกดักคอยน์” (KodakCoin) ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในโกดักวัน (KodakOne) แพลตฟอร์มบริการรับบริหารจัดการลิขสิทธิ์ภาพถ่ายของช่างภาพ โดยเฉพาะภาพที่ถูกนำไปใช้บนโลกออนไลน์ หากพบการนำไปใช้ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ แพลตฟอร์มจะช่วยติดตามและทำให้ถูกต้องได้ โดยใช้ โกดักคอยน์ เป็นสกุลเงินที่ใช้ชำระค่าลิขสิทธิ์ภาพ

เท่านั้นยังไม่พอ โกดักยังหันมาฟื้นแบรนด์ที่เคยโด่งดังและเป็นที่จดจำของคนทั่วโลก ด้วยการนำแบรนด์โกดักมาสร้างมูลค่าเพิ่มผ่านสินค้าแฟชั่นและขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เพิ่ม เริ่มจากการร่วมมือกับแบรนด์ ฟอร์เอเวอร์ 21 นำตราสินค้าและบรรจุภัณฑ์ของโกดักในยุค 90 ไปพัฒนาชุดเครื่องแต่งกายที่มีโลโก้และการออกแบบจากประวัติของแบรนด์โกดัก โดยมีแรงบันดาลใจจากผู้สนับสนุนทีมแข่ง Nascar ซึ่งคอลเลคชั่นแรกประกอบด้วย เสื้อยืด เสื้อคลุม แจ็กเก็ต ชุดเครื่องนอน ทั้งสำหรับหญิงและชายรวม 26 ราย

ล่าสุด โกดักยังเดินหน้าลุยธุรกิจแฟชั่น ด้วยการขยายความร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ล่าสุด แบรนด์ เอชแอนด์เอ็ม (H & M) เพื่อผลิตเสื้อผ้าสำหรับบุรุษ และเด็ก ในคอลเล็กชันฤดูใบไม้ร่วง / ฤดูหนาว 2018 นี้โดยจะใช้โลโก้ของแบรนด์ โกดัก ที่มีเอกลักษณ์โทนสีเหลืองมัสตาร์ด สีแดง สีดำและสีขาวพร้อมสัญลักษณ์ Kodak Film Print และจะวางจำหน่ายแห่งแรกที่ร้าน H & M ในฮ่องกงและเว็บไซต์ HM.com

ปัจจุบันฐานผลิตและโครงข่ายธุรกิจในเอเชียของโกดัก ประกอบด้วย โรงงาน 6 แห่งในเอเชีย พนักงานกว่า 4 พันคน ศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี หรือ R&D 3 แห่งในสิงคโปร์ เซี่ยงไฮ้ ญี่ปุ่น และมีบริษัทให้บริการในทวีปเอเชีย 13 แห่ง ในส่วนของประเทศไทยมีธุรกิจแล็บสีกว่า 320 แห่ง จาก 2,000 แห่งทั่วอาเซียน

ต้องลุ้นกันว่า การกลับมาในเวอร์ชั่นใหม่ครั้งนี้ซึ่งแตกต่างไปจากภาพในอดีตจะทำให้ชื่อของ “โกดัก” กลับมาเปรี้ยงปร้างอีกครั้งหรือไม่

ขอบคุณแหล่งที่มา : https://insideretail.asia

Related Articles

Back to top button
X
%d bloggers like this: