Biznews

“แมงป่อง” แมว 9 ชีวิต

เป็นที่รู้กันว่า บริษัท เอ็มพีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในผู้ค้าปลีกที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ได้เริ่มต้นขึ้นเพื่อนำเสนอสินค้าโฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ในรูปแบบต่างๆอาทิ บลูเรย์ ดีวีดี ไวนิล ซีดี และอื่นๆ ให้กับผู้บริโภคในประเทศไทย
บริษัท เอ็มพีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งขึ้นในปีคริสตศักราช 1989 โดยคุณมนตรี มิตรศรัทธา และคุณกิตติ์ยาใจ ตรีเอกวิจิตร ทั้งสองเป็นผู้ที่รักในการดูหนังฟังเพลงเป็นอย่างมาก จึงได้เริ่มต้นร้านแมงป่องสาขาแรกในพื้นที่เล็กๆ ในปี 1981 และค่อยๆพัฒนาขึ้นมาเป็นร้านค้าปลีกเต็มรูปแบบในปี 1989

ร้านแมงป่องสาขาแรก ตั้งอยู่ที่ศูนย์การค้า เดอะมอลล์ ราชประสงค์ เพื่อจำหน่ายภาพยนตร์และเพลง ในรูปแบบของแผ่น Laser Disc, VHS, Tape Cassette และสินค้าอื่นๆที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ โปสเตอร์ เสื้อ ฯลฯ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ร้านแมงป่องได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบของผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีและความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละยุคสมัย ด้วยการเป็นผู้นำในการเปลี่ยนม้วนวิดิโอ เทปคาสเซ็ท เลเซอร์ดิสก์ ให้เป็นแผ่นวีซีดี ดีวีดี และบลูเรย์

นอกจากบทบาทของการเป็นผู้จำหน่ายสินค้าสำเร็จรูปแล้ว บริษัท เอ็มพีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ยังเป็นผู้ถือครองลิขสิทธิ์และจัดจำหน่ายสินค้า ไม่ว่าจะเป็นเพลงสากล ภาพยนตร์ไทย รายการสารคดีชั้นนำระดับโลกและยังเป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ตลก-เขย่าขวัญ เรื่องบุปผาราตรี ที่ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากผู้ชมทั่วประเทศ

มากไปกว่านั้น บริษัท เอ็มพีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ยังเติบโตไปพร้อมกับธุรกิจห้างสรรพสินค้า และศูนย์การค้าในประเทศไทย โดยขยายสาขาไปตามจุดยุทธศาสตร์สำคัญต่างๆทั่วกรุงเทพฯ และหัวเมืองต่างๆในต่างจังหวัด อาทิ พัทยา เชียงใหม่ นครราชสีมา เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง

ร้านแมงป่อง

และในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา หลังจากเงียบหายไปจากตลาดธุรกิจโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์นานหลายปี ด้วยเจอฤทธิ์แผ่นผีอาละวาดหนักจนต้องปิดสาขาทั่วประเทศ จากยุคเฟื่องฟูที่เคยปูพรมเกือบ 400 แห่ง เหลือเพียงไม่กี่แห่ง ทำไห้ เจ้าแม่แมงป่องอย่าง “กิตติ์ยาใจ ตรีเอกวิจิตร” หวนคืนวงการในฐานะ “ยานแม่” ด้วยการส่ง “ยานลูก” สองพี่น้อง ณลันรัตน์ นันท์นนส์ และปิยวรรพ์ทา ตรีเอนกวนิศ แตกไลน์ธุรกิจไลฟ์สไตล์ช็อป “กิซแมน (Gizman)” ซึ่งไม่ใช่แค่การรีเฟรชแมงป่อง ให้กลับมาชีวิตชีวาและเพิ่มพิษในตัว แต่ยังเป็นการดิ้นเพื่ออยู่รอด ซึ่งตามโรดแมพใหม่ Gizman จะเป็นตัวสร้างรายได้หลัก ค่อยๆ แซงหน้าร้านแมงป่อง และผลักดันรายได้รวมจากปัจจุบันเฉลี่ย 700 ล้านต่อปี พุ่งพรวดเป็น 3,000 ล้านบาทต่อปี

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า เส้นทาง “แมงป่อง” ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีผ่านจุดสูงสุด จุดวิกฤตและปรับกลยุทธ์หลายรอบ โดยถือเป็นผู้นำก่อตั้งธุรกิจโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์ เปิดร้านแมงป่องสาขาแรกในศูนย์การค้าเดอะมอลล์ ราชประสงค์ เมื่อปี 2524 จำหน่ายภาพยนตร์และเพลง ในรูปแบบแผ่น Laser Disc, VHS, Tape Cassette และสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง เช่น โปสเตอร์ เสื้อ

ร้านแมงป่องในยุคนั้นได้รับความนิยมมากในกลุ่มผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ กอบโกยรายได้หลายพันล้านจนนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ขยายบริษัทลูกทำธุรกิจต่อเนื่อง ทั้งธุรกิจสร้างภาพยนตร์ ได้แก่ บริษัท นครไทย พิคเจอร์, บริษัท แมงป่อง พิกเจอร์ และเปิดค่ายเพลง บริษัท ดัง ดัง, บริษัท ไฮเยส มิวสิค และบริษัท พิจิก เรคคอร์ด

ปี 2549 “แมงป่อง” เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น “ป่องทรัพย์” เพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ในฐานะธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์ ทั้งผลิตและจำหน่ายสื่อบันเทิง โดยมีร้านค้าปลีกเจาะทุกตลาด ทั้ง “แมงป่อง” ที่จับตลาดระดับมาตรฐาน, “แกรนดี้” เป็นช็อปขายสินค้าในระดับราคาถูกลง ไม่เน้นการตกแต่งร้าน และยังมี “Mega Store” กับ “Walk-in Warehouse” ที่เน้นจำหน่ายสินค้ายกแพ็กจำนวนมาก

จนกระทั่งกระแสแผ่นผีระบาดทั่วเมือง ทำให้ธุรกิจหนังเจอภาวะขาดทุน การจับมือกับบริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ของ “เสี่ยเจียง” สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ไม่ได้สร้างรายได้ตามแผน และ “ป่องทรัพย์” ยังต้องแบกรับภาระค่าลิขสิทธิ์บานเบอะ เป้ารายได้หดหนักจากหลักพันล้านเหลือเพียงหลักร้อยล้านบาทจนต้องยกเลิกสัญญากับเสี่ยเจียงและกลับมาทบทวนแผนธุรกิจทั้งหมด
ปี 2555 ร้านแมงป่องเริ่มจำหน่ายสินค้าประเภทอื่นๆ เช่น กล่องรับสัญญาณทีวีดาวเทียม แผ่นเกมส์ อุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ รวมทั้งขยายช่องทางสู่โลกดิจิตอลมากขึ้น โดยมี ณลันรัตน์ นันท์นนส์ แมงป่องรุ่นลูกเข้ามาเป็นกำลังหลักรับผิดชอบงานด้านการตลาดเทรนด์ใหม่ๆ

ปี 2556 บริษัท ป่องทรัพย์ จำกัด (มหาชน) เปลี่ยนกลับมาใช้ชื่อเดิม บริษัท แมงป่อง จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือเป็นการปรับยุทธศาสตร์ทางธุรกิจสู่จุดเริ่มต้นในฐานะธุรกิจร้านค้าปลีก สื่อบันเทิง และสินค้าไลฟ์สไตล์ประเภทสินค้าเทคโนโลยีหรือ Gadget หลังจากเริ่มทดลองจำหน่ายในร้านแมงป่องและสามารถสร้างตลาดใหม่ กลุ่มลูกค้าใหม่ รวมถึงสะท้อนศักยภาพในการสร้างฐานรายได้ใหม่ก้อนใหญ่ด้วย

หลังจากเข้ารับตำแหน่งประธาน นักธุรกิจรุ่นใหม่ แต่ฉายแววลูกไม้หล่นใกล้ต้น สำหรับ ณลันรัตน์ นันท์นนส์ ทายาท “ร้านแมงป่อง” ที่ดำเนินธุรกิจมานานกว่า 30 ปี วันนี้ เมื่อธุรกิจแผ่น DVD CD เปลี่ยนไป จึงได้ปรับกลยุทธ์ ปรับ Product Mix และมองอนาคตของ MPG ใหม่

ล่าสุดปั้นแบรนด์เครื่องสำอาง CLOUDA (คลาวด้า) พร้อมคว้ารางวัล Best Perfecting Powder และ Best Palette Eyeshadow มาครอง
ณลันรัตน์ นันท์นนส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มพีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (MPG) บอกถึงภาพรวมของ MPG ได้แยกออกเป็น 2 กลุ่มธุรกิจ คือ 1. ธุรกิจ Retail และ 2. ธุรกิจ Cosmetics โดยธุรกิจ Retail เป็นจุดแข็งที่บริษัทมีประสบการณ์ดำเนินธุรกิจมายาวนาน คือ การบริหารพื้นที่ในศูนย์การค้า ซึ่งถือเป็นทำเลทอง ที่จะใช้ทำเลเหล่านี้เพื่อก่อเกิดรายได้ โดยปัจจุบันมีทั้งหมด 3 Retail Brands ได้แก่ ร้านแมงป่อง ขายหนังและเพลง จำนวน 13 สาขา ร้าน GIZMAN ขายแก็ดเจ็ต จำนวน 13 สาขา และร้าน STARDUST ขายเครื่องสำอาง จำนวน 8 สาขา และในส่วนของ Retail ยังมุ่งเน้นในเรื่องการพัฒนาระบบบริหารจัดการการค้าปลีก และสรรหาพาร์ตเนอร์ในการ Sourcing สินค้าใหม่ๆให้ตรงใจกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการอัพเดทเทรนด์ต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าได้สินค้าก่อนใคร

นอกจากนี้ในส่วนของ Retail ทั้ง 3 แบรนด์ บริษัทฯได้รุกการทำตลาดออนไลน์ โดยได้พัฒนาศักยภาพของเว็บไซต์เพื่อรองรับ E-commerce และการขายสินค้าผ่านช่องทาง Social Media ให้ตอบสนองพฤติกรรมของผู้บริโภคให้ดียิ่งขึ้น เน้นการทำการตลาดแบบ Online to Offline (O2O) เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าและรับบริการผ่านทางเว็บไซต์และสาขา อีกทั้งเป็นการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

ส่วนธุรกิจกลุ่มใหม่ที่เริ่มขึ้นมา คือธุรกิจ Cosmetics ภายใต้แบรนด์ CLOUDA (Everyday Make Up) วางจำหน่ายในร้าน STARDUST 8 สาขาทั่วประเทศ และในช่องทาง Online Marketplace อาทิ LAZADA, 11 Street, Shoppee, Beauticool, ShopAt24 และขายผ่านทางช่องทาง Social Media ของตัวเอง เน้นลูกค้ากลุ่ม B ถึง C ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด รวมถึงการมองตลาดใน CLMV ปัจจุบัน CLOUDA มีสินค้าครบทุกรายการ

ทั้งนี้ ยอดขายจากสินค้าแบรนด์ CLOUDA ในปี 2017 เติบโตจากปี 2016 กว่า 150% คาดว่าจะปิดที่ 10 ล้านบาท ภาพรวมในครึ่งหลังของปี 2017 MPG มั่นใจว่าทิศทางและการดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้ เพื่อขยายตลาดเครื่องสำอาง จะเติบโตขึ้นได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยจะเน้นการส่งเสริมการขายและขยายจุดขาย รวมถึงการทำการตลาดและบริหารสินค้าให้ตัวแทนขาย

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2018 ทายาทสาวแมงป่อง บอกว่า จะเป็น MPG New Era เนื่องจากธุรกิจ Retail จะไม่ได้รับผลกระทบจากการหดตัวของธุรกิจหนังและเพลงแล้ว และเชื่อว่าพาร์ตเนอร์ใหม่ๆ ที่เข้ามาจะต่อยอดให้ยอดขาย Same Store Sales ในปี 2018 กลับมาเติบโตได้ สำหรับธุรกิจ Cosmetics จะเริ่มมีบทบาทมากขึ้น โดยยังคงเน้นการทำการตลาดกับพันธมิตรในช่องทางต่างๆ ปัจจุบันอยู่ระหว่างขยายช่องทางจัดจำหน่าย และพิจารณาโปรไฟล์ของตัวแทนจำหน่ายในประเทศต่างๆที่ติดต่อเข้ามา คาดว่าในปี 2018 จะมีตัวแทนจำหน่ายในกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม โดยตั้งเป้าหมายว่าจะมียอดขาย 30% จากยอดขายรวมภายในระยะเวลา 3 ปี

กลยุทธ์กระดานใหม่ “แมงป่อง” ในครั้งนี้จะสามารถฟื้นคืนชีพได้อีกครั้งหรือไม่ ท่ามกลางการไหลบ่าของเทคโนโลยีที่ Disrup ในหลายธุรกิจจนเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แมงป่องจะยังสามารถพ่นพิษได้อีกหรือไม่ ต้องติดตาม

ขอบคุณข้อมูล หนังสือพิมพ์ ผู้จัดการ ASTV

Related Articles

Back to top button
X
%d bloggers like this: