Biznews

เล่าเรื่อง เหล้า

อยาก เล่า

มังกร 4 ตา 

 

ทำเอาบรรดาคอสุราออกอาการสะอึกกันเป็นแถวสำหรับภาษีสรรพสามิตฉบับใหม่

ปีพ.ศ. 2560 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายนนี้ ที่รัฐบาลให้เหตุผลว่า เพื่อให้ประเทศไทยมีระบบการจัดเก็บภาษีที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น  ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจที่เป็นธรรมและเท่าเทียมกัน ไม่เพิ่มภาระภาษีแก่ผู้ประกอบการและผู้บริโภค และลดปัญหาการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นอันตราย

การปฏิรูปภาษีสรรพสามิตครั้งนี้ ภาครัฐโดยกรมสรรพสามิตได้ให้ตัวแทนภาคเอกชนเข้าไปมีส่วนร่วม ตลอดจนแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อกรมสรรพสามิตในการร่างกฎหมายระดับรอง (อนุบัญญัติ) เพื่อสะท้อนความมุ่งหวังในการผลักดันประเทศสู่ความเป็นสากล และสอดคล้องตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย   บลาบลาบลา  ………..

ภาษีสรรพสามิต 2560

สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 รานงานข่าวอัตราภาษีที่ประกาศออกมา ยาสูบจากมวนละ 3 บาท เพิ่มพรวดเป็น 5 บาท หรือเพิ่มเกือบ 70% เหล้าขาว 35 ดีกรี จาก 160 บาทต่อขวด เพิ่มเกือบเท่าตัวเป็น 312 บาทต่อขวด แค่นี้ก็ทำให้นักดื่ม นักดูดสะเทือนแล้ว แม้ล่าสุดจะรายงานเพิ่มเติมว่าบุหรี่น่าจะปรับเพิ่มอย่างน้อยซองละ 30 บาทก็ตาม

ดิอาจิโอ

ธนากร คุปตจิตต์ ในฐานะ ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) หรือ DMHT ผู้นำด้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับพรีเมี่ยม มองว่า ความคาดหวังของผู้ประกอบการเกี่ยวกับการปฏิรูปภาษีสรรพสามิตนี้คือ พันธะสัญญาของภาครัฐในการปฏิรูปภาษีสรรพสามิตที่ให้ไว้คือ การปฏิรูปภาษีสรรพสามิตนี้จะไม่เกิดภาระกับผู้ประกอบการและประชาชน เพราะภาครัฐไม่ได้มุ่งหวังในการเพิ่มภาษีแต่มีเจตนารมณ์ในการสรา้งความชัดเจน โปร่งใส เป็นธรรม ตามหลักสากลและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีคือ สินค้าที่อยู่นอกระบบจะลดลงและเข้ามาสู่ระบบภาษี อาทิเช่น สุราผิดกฏหมาย (สินค้าลักลอบ) เป็นต้น  ในขณะเดียวกัน ภาษีสรรพสามิตซึ่งเป็นเครื่องมือของรัฐบาลในการมีรายได้และควบคุมการบริโภค เช่น สินค้าประเภทสุรา จะมุ่งเน้นควบคุมสุราที่มีผลต่อสุขภาพ ได้แก่ สุราที่มีดีกรีสูงก็ต้องเสียภาษีมากเพราะมีผลต่อสุขภาพมาก

โดยสรุป ภาษีสรรพสามิตควรจะต้องทำงานตามบทบาทหน้าที่ของภาษีนี้ คือนอกจากหารายได้ให้รัฐแล้วจะต้องควบคู่ไปกับการเป็นเครื่องมือป้องกันปัญหาสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยด้วย

เมื่อถามว่าใครได้ ใครเสียจากภาษีฉบับใหม่ ธนากร บอกว่า ภาครัฐได้แน่นอนเพราะสามารถผ่านกฏหมายภาษีสรรพสามิตใหม่นี้ภายใต้ฐานภาษีเดียวกัน นั่นหมายถึงความง่าย สะดวกต่อการบังคับใช้กฏหมาย ส่วนผู้ประกอบการยังตอบไม่ได้ เพราะยังไม่ทราบอัตราที่จัดเก็บ แต่จต้องพิจารณาว่าใครเป็นผู้นำส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุด และสุราประเภทใดเป็นผู้นำตลาด

ส่วนประชาชนไม่น่าจะได้ประโยชน์เพราะท้ายที่สุดภาระภาษีนี้เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคต้องเป็นผู้รับไปเนื่องจากภาษีสรรพสามิตเป็นภาษีทางอ้อม ผู้เสียภาษีคือผู้ใช้สินค้าและบริการ  ผลกระทบที่อาจเกิดทางอ้อมคือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง อาทิเช่น โรงแรม ร้านอาหาร สถานบริการ เพราะจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นหรือลดลงในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านจากราคาสินค้าและบริการที่จะต้องเสียภาษีสรรพสามิต นั่นหมายถึงบรรยากาศของการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจโดยรวม

หลังคู่แข่งคนสำคัญอย่างดิอาจิโอ แอ่นอกยกมือสนับสนุนภาษีฉบับใหม่ได้ไม่นาน เพอร์นอต ริคาร์ด ประเทศไทย จำกัด ที่เข้ามาปักหลักขายเหล้านำเข้าบ้านเรามากว่า 10 ปี โดยมีแบรนด์หลักอย่างซีแกรมส์ 100 Pipers ที่จับกลุ่มระดับกลาง รวมท้ังขยายไปยังผู้บริโภคระดับบน โดยเน้นที่ 5 สินค้าหลักคือ Chivas Regal, Absolut Vodka, Jameson Irish Whiskey, The Glenlivet และ Jacob’s Creek  อีกทั้งยังจับกลุ่มผู้บริโภคระดับ Prestigeโดยมี Chivas 18 ปี, Royal Salute, Martell, Mumm Champagne and Ballantine’s 17 – 30 ปี เป็นตัวทำตลาด สวมบทพี่ใหญ่ใจร้อนด้วยการชิงเปิดตัวสินค้าใหม่หวังให้ทันช่วงหน้าขายไฮด์ซีซันในช่วงปลายปี

มร.เควนติน จ็อบ กรรมการผู้จัดการ เพอร์นอต ริคาร์ด  บอกว่า เพื่อรองรับการเติบโตของผู้ บริโภครายได้ระดับกลางซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ของคนไทยท้ังประเทศ ล่าสุด ได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการบุกตลาดสุราราคาต่ำกว่า 300 บาท ซึ่งมีมูลค่าการตลาดสูงถึง 62,000 ล้านบาทต่อปี (26 ล้านลัง)ขณะที่ตลาดสุราที่มีราคาสูงกว่า 300 บาท มีมูลค่าเพียง 1.7 ล้านลัง โดยคาดว่าจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มนี้ได้ราว 1 ล้านลัง

ROYAL STAG

เหตุผลที่เพอร์นอตฯ ตัดสินใจเสริมทัพด้วยการเปิดตัวสุราระดับต่ำกว่า 300 บาท เป็นเพราะได้ทำค้นคว้าวิจั ยกับผู้บริโภคกลุ่มนี้และทราบว่ า สินค้าที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบั นไม่สามารถตอบโจทย์ความต้ องการของผู้บริโภคได้ครบทุกข้อ และหวังว่า สัญลักษณ์เวิลด์คลาสอย่าง ซีแกรมส์ บริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดั บโลกที่ก่อตั้งขึ้นในปี1857 ในประเทศแคนาดา โดยโจเซฟ อี ซีแกรมส์ แอนด์ ซันส์   ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างแพร่ หลายในประเทศไทยมากว่า 15 ปีภายใต้ชื่อ ซีแกรมส์ ฮันเดรดไพเพอร์ส  ซีแกรมส์จะการันตีถึงความสำเร็จได้

ส่วนแผนในการรองรับภาษีฉบับใหม่น้ัน เอ็มดี เพอร์นอตฯ บอกเพียงว่า อาจมีการคำนวณจากราคาขายปลีกใหม่ ซึ่งยังไม่สามารถลงรายละเอียดได้ พร้อมหยอดยาหอมว่าการปรับขึ้นภาษีสุราครั้งใหม่ คงไม่ทำให้นักลงทุนต่างชาติประสบปัญหามากนัก

มาดูกันว่าหลังภาษีใหม่มีผลบังคับใช้ ราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เพิ่มขึ้นชนิดพรวดพราดจะสร้างความตระหนกให้ผู้บริโภคขนาดไหน จะถึงขั้นช็อกแขวนแก้วแขวนขวดกันหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ เชื่อว่าตลาดได้รับผลกระทบด้านจิตวิทยาระยะสั้นแน่นอน เพราะคนที่รับภาระเต็มๆ  ก็คงหนีไม่พ้นผู้ที่ชอบบริโภคอย่างเราๆ  ท่านๆ

อีกเรื่องที่ต้องจับตาไม่แพ้กันคือการสวิทช์ชิ่งหรือพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงจากสินค้าหนึ่งไปอีกสินค้าหนึ่ง ว่าใครจะได้ประโยชน์จากอัตราภาษีใหม่ครั้งนี้ เพราะอย่างที่รู้กันดีว่ากำลังซื้อปัจจุบันยังไม่ฟื้นตัว หนี้ครัวเรือนสูง การขึ้นราคาสินค้าย่อมไม่เป็นผลดีต่อแบรนด์เพราะมีโอกาสสูงที่ลูกค้าจะหนีไปซื้อหรือบริโภคแบรนด์อื่นที่ถูกกว่าเพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสินค้าที่ทดแทนได้ง่ายและแบรนด์รอยัลตี้ต่ำ

ทางที่ดีควรช่วยกันแก้ปัญหาที่ต้นเหตุจะดีกว่ามะรุมมะตุ้มแก้ที่ปลายเหตุ  (เนอะ)

 

 

 

 

 

 

 

 

Related Articles

Back to top button
X
%d bloggers like this: