Biznews

เมื่อ เต่า (จะ) เหยียบโลก

เต่าเหยียบโลก ฉีกตำราการตลาด เมื่อแบรนด์บ้านๆ โดนใจคนรุ่นใหม่

ชีวิตคนเราล้วนมีเรื่องบังเอิญเกิดขึ้นมากมาย ทั้งดีและไม่ดีปะปนกันไป แต่จะมีสักกี่คนที่เรื่องบังเอิญเพียงเรื่องเดียวสามารถพลิกเปลี่ยนชีวิตชนิดหน้ามือเป็นหลังมือก็ว่าได้

เอ่ยชื่อ “สมชาย จันทิพย์วงษ์” เชื่อแน่ว่าหลายคนคงยังไม่รู้จัก แต่ถ้าเอ่ยว่า เต่าเหยียบโลก เชื่อแน่ว่าน่าจะเป็นที่รู้จักกันบ้างแล้ว เนื่องจาก เต่าเหยียบโลก เป็นแบรนด์ ผงแป้งสมุนไพรระงับกลิ่นกาย ในรูปแบบใหม่ที่ไม่มีในท้องตลาดมาก่อนนั่นคือ การใช้ผงแป้งเป็นวัตถุดิบหลัก
ถ้าไม่ใช่วัยรุ่น คุณจะรู้จักเต่าเหยียบโลกไหม หรือถ้าเป็นวัยรุ่นที่ไม่สนใจความสวยความงามจะเคยใช้เต่าเหยียบโลกไหม คงไม่ แต่รู้ไหมตอนนี้ เต่าเหยียบโลกกำลังครองใจวัยรุ่นชนิดที่เราเองก็ยังคาดไม่ถึง

จุดเริ่มต้น เต่าเหยียบโลก มีที่มาที่ไปน่าสนใจนำไปเป็นแบบอย่าง นั่นคือ คุณสมชาย เคยเป็นเด็กปรุงยาประจำร้านขายยาจีนมาก่อน ตั้งแต่อายุ 10 กว่าขวบ จากร้านแถวบ้านในต่างจังหวัดนครปฐม จนย้ายเข้ามายังเมืองกรุงย่านวงเวียนใหญ่ ทำเรื่อยมาจนเกิดความเชี่ยวชาญจนเจ้าของร้านไว้วางใจยกระดับเป็นผู้จัดการร้านขายยา

อุบัติเหตุชีวิตครั้งที่ 1 สมชายเล่าว่า มีลูกค้าผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาขอซื้อสมุนไพรระงับกลิ่นกาย ซึ่งตอนนั้นเขายังไม่สนใจเท่าไหร่ก็หยิบขายไป จนเขาแต่งงาน พบว่า ภรรยามีปัญหากลิ่นตัวและใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไปก็ยังไม่สามรรถขจัดปัญหาได้ ซ้ำยังทำให้เสื้อมีคราบเหลืองซักไม่ออก

หลังจากที่เป็นลูกจ้างร้านขายยามานาน วันหนึ่งอุบัติเหตุชีวิตครั้งที่ 2 ก็เกิดขึ้น เมื่อเขาจำต้องลาออกจากงานเมื่ออายุ 40 ปีด้วยเหตุผลบางประการ เขาตกงานอยู่ 6 เดือนจึงตัดสินใจเดินทางกลับบ้านเกิด จนมีญาติคนหนึ่งพูดกับเขาว่า อยู่ร้านขายยาสมุนไพรมาตั้งนานทำไมจึงไม่คิดค้นทำสูตรสมุนไพรขึ้นมาขาย นาทีนั้น สมชายนึกถึงปัญหาของภรรยาที่มีปัญหากลิ่นตัว จึงทดลองปรุงแป้งดับกลิ่นรักแร้ โดยมีต้นแบบมาจากลูกค้า ที่เอาตำรามาให้ปรุงยาเป็นประจำ และนำมาปรุงไว้ใช้เอง ใส่ซองซิปใสฝากขายตามร้านเสริมสวยที่ภรรยาทำอยู่ โดยใช้ชื่อบ้านๆ ว่า “จับเต่า” เพื่อให้คนจำชื่อได้จากสรรพคุณสินค้า

ในช่วงแรก สมชาย ทดลองวางขายตามร้านเสริมสวยที่มีละแวกนั้นๆ ก่อนขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ โดยใช้วิธีฝากขายแถมรับประกันสินค้าเห็นผลภายใน 1 วัน ในราคาซองละ 10 บาท มีลูกค้าสนใจทดลองใช้สินค้าและมีการบอกต่อๆ กันไปเรื่อยๆ นสมชายเปลี่ยนจากแบบซองเป็นแบบขวด และขยายร้านเสริมสวยจาก 10 ร้านค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวม 500 แห่ง

สมชายยอมรับว่า ในช่วงนั้น เขาตื่นเต้นมากที่สินค้าที่เขาคิดค้นและพัฒนาขึ้นมากับมือได้รับความสนใจจากลูกค้า เขาจึงเริ่มขยับขยายช่องทางจำหน่ายรวมทั้งพัฒนาสินค้าในรูปแบบใหม่ๆ ให้มีความทันสมัยทันกับความต้องการของผู้บริโภค จากแค่ขายร้านเสริมสวย จนปี 2539 สมชายเริ่มขยับขยายเข้าร้านจำหน่ายเครื่องสำอางเป็นช่องทางต่อไปในปี 2545

เรื่องของแบรนด์ก็เป็นอีกสิ่งที่สมชายให้ความสำคัญ ดังนั้นเพื่อให้แบรนด์ทันสมัยขึ้นต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อมาเป็นเต่าเหยียบโลกจนถึงปัจจุบัน โดยมีโลโก้รูปเต่า ซึ่งสมชายบอกว่าเป็นตัวแทนที่สื่อสารแบรนด์และสรรพคุณของสินค้าได้อย่างชัดเจน อีกทั้งตัวเองชื่นชอบเต่าอยู่แล้วเพราะเป็นสัตว์ที่มีอายุยืนยาว

อุบัติเหตุชีวิตครั้งที่ 3 ของสมชายเกิดขึ้น เมื่อสินค้าของเขาได้รับความนิยมในวงกว้าง จนปี 2551 ผลจากการรีวิวในกระทู้ชื่อดังทางสื่อออนไลน์ ทำให้ผลิตภัณฑ์เริ่มติดตลาด แต่กลับหาซื้อยาก คุณสมชายและลูกๆ จึงตระเวนขับรถไปส่งสินค้าเองเกือบทุกภูมิภาค กลายเป็นสินค้าที่รู้จักกันดีในต่างจังหวัด และเมื่อเขามีความพร้อม จึงส่งขายในร้านเซเว่นทั่วประเทศ ตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา รวมทั้งเข้าช่องทางห้างโมเดิร์นเทรดทุกแห่ง

ในเวลานั้น สมชาย ตัดสินใจสร้างโรงงานผลิตเพื่อรองรับตลาดในประเทศและอนาคตอันใกล้คือปีหน้าเป็นต้นไป จะเริ่มบุกตลาดต่างประเทศโดยเริ่มจากประเทศเพื่อนบ้านก่อน ปัจจุบันโรงงานมีกำลังการผลิตที่ 2 แสนขวดต่อเดือน และได้พัฒนาสินค้าจากแบบแป้งเป็นแบบโรลออน สเปรย์ระงับกลิ่นกาย ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นเท้า ภายใต้แบรนด์ใหม่คือ “นิวเจน” เพื่อให้แบรนด์เกิดความหลากหลายและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในรูปแบบต่างๆ

ปจจุบันตลาดผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายในภาพรวม มีการชิงชัยกันอย่างดุเดือด ระหว่าง 3 แบรนด์ดัง คือ นิเวีย เรโซน่า และ ดอฟ โดยนิเวีย มีส่วนแบ่งการตลาด 34% ขณะที่เรโซน่า มีส่วนแบ่งการตลาด 21% และมากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้หญิงไทยใช้ผลิตภัณฑ์แบบโรลออน

ที่น่าแปลกใจคือ ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย เต่าเหยียบโลก ซึ่งมีส่วนผสมเป็นผงแป้งสมุนไพร ไม่ใช่โรลออนอย่างที่ผลสำรวจบอกว่าหญิงไทยชอบใช้ แต่กลับได้ใจผู้บริโภค ที่ใช้แล้วติดใจ บอกต่อกัน สมชายบอกว่า คู่แข่งของเขามีตั้งแต่แบรนด์เกิดใหม่ ที่พยายามทำสินค้าให้ใกล้เคียงกัน รวมไปถึงแบรนด์ดังที่สนใจเข้ามาทำตลาดระงับกลิ่นกายแบบแป้งแทนโรลออนแบบเดิม

การขยายไลน์สินค้ารวมทั้งการขยายช่องทางจำหน่ายดังกล่าว สมชาย มีทายาททั้ง 3 คนเข้ามาช่วยงาน โดยลูกสาวคนโต วัย 29 ปี ดูทางบัญชี บุตรชายคนรอง นพวิทย์ จันทิยพ์วงษ์ (เอก) อายุ 27 ปี กับคนเล็กคือ วิศรุต จันทิพย์วงษ์ อายุ 25 ปี ช่วยกันดูด้านตลาดและคุมโรงงาน ถือเป็นหัวแรงสำคัญในการขับเคลื่อนเต่าเหยียบโลกต่อไป

ในด้านการทำตลาด นอกจากการแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ให้กว้างขึ้นแล้ว เต่าเหยียบโลกยังได้ลงทุนว่าจ้าง “ชมพู่ก่อนบ่าย” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ซึ่งลุคของชมพู่เข้ากับสินค้าเป็นอย่างดี จนทำยอดขายทะลุทะลวงได้เพิ่มขึ้นถึงปีละ 35% เห็นได้จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นเรื่อยมาตั้งแต่ปี 2557 เต่าเหยียบโลกมีรายได้รวม 5.7 ล้านบาท ปี 2558 เพิ่มเป็น 13.4 ล้านบาท ปีที่ผ่านมามีรายได้ 28 ล้านบาท และปี 2560 ตั้งไว้ที่ 50 ล้านบาท พร้อมทั้งตั้งเป้าเติบโต 100% ทุกปี ถือเป็นบริษัทน้องใหม่ที่แม้ว่ารายได้จะยังไม่สูงนัก แต่เห็นชัดว่าเติบโตแบบก้าวกระโดดติดต่อกันมาหลายปี

สมชายบอกว่า เดิมทีคิดที่จะเปลี่ยนชื่อแบรนด์เพื่อให้ดูทันสมัย แต่ปรากฏว่า ลูกค้าหลักที่ใช้กลับเป็นกลุ่มวัยรุ่น หนุ่มสาววัยทำงาน ไม่ใช่กลุ่มผู้ใหญ่อย่างที่คาด และยังชื่นชอบแบรนด์ที่มีความเป็นยูนีค ไม่เหมือนใคร จึงไม่เปลี่ยนชื่อแบรนด์และจะใช้แบรนด์นี้นำพาสินค้าขยายไปในตลาดทั่วโลก

และเมื่อถึงวันนั้น ชื่อ “เต่าเหยียบโลก” จะเป็นแบรนด์ไทยที่ก้าวไปผงาดท้าทายในตลาดโลกอย่างเต็มภาคภูมิ

Related Articles

Back to top button
X
%d bloggers like this: