Biznews

“เพอร์ร่า” ลั่น 3 ปีเขี่ย ออร่า

หลังจากคนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ส่งผลให้กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพหลายรายการได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย เช่นเดียวกับกลุ่มสินค้าน้ำแร่ ซึ่งปีนี้ดูเหมือนจะมีการแข่งขันรุนแรงกว่าทุกปีที่ผ่านมา เห็นได้จากผู้ประกอบการในตลาดซึ่งล้วนแต่ระดับบิ๊กเนมทั้งสิ้นออกมาเปิดตัวกลุ่มสินค้าน้ำแร่  เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดน้ำแร่

ปัจจุบันตลาดน้ำแร่ในประเทศไทยประเมินกันว่าน่าจะมีมูลค่าสูงถึง 3,800 ล้านบาทสำหรับผู้เล่น ที่ครองส่วนแบ่งตลาดหลักๆ ในเวลานี้ คือ “มิเนเร่” และ “ออรา” ครองส่วนแบ่งตลาด 36%  และ 26%  ตามลำดับซึ่งก่อนหน้านี้ ทั้ง“ช้าง” และ “เป๊ปซี่” ร่วมเป็นน้องใหม่ในตลาดน้ำแร่ ซึ่งต้องยอมรับว่าทั้งคู่เป็นยักษ์ใหญ่ และมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มมายาวนาน ดังนั้นการเลือกเข้ามาในตลาดน้ำแร่ที่มีแนวโน้มเติบโต 15% ทุกปี หรือคิดเป็นราว 10% ของตลาดน้ำดื่มบรรจุขวด 33,000 ล้านบาท ที่เติบโตเพียงปีละ 8% จึงเป็น Movement ที่สำคัญ

การเข้ามาของรายใหม่ๆ  ในฐานะคู่แข่งคนสำคัญทำให้ผู้เล่นรายเดิมทนเฉยต่อไปไม่ได้ ค่าย สิงห์ ในฐานะผู้ทำตลาดน้ำแร่เพอร์ร่ามากว่า 5 ปี หลังจากที่ใช้กลยุทธ์อีโมชันนอล สื่อสารถึงการดื่มน้ำแร่เพื่อชดเชยน้ำที่สูญเสียจากอารมณ์ต่างๆ ของผู้หญิงผ่านพรีเซ็นเตอร์คนสวยอย่าง “พลอย เฌอมาลย์”  มาแล้ว

ล่าสุด สิงห์ ชูกลยุทธ์สร้างความแตกต่างอีกคร้ังในตลาดน้ำแร่ ด้วยการผสานกับดีไซน์เนอร์ชั้นนำของเมืองไทย มาเติมสีสันให้กับแบรนด์ ด้วยการนำลวดลายต่างๆ มาไว้บนฉลากผลิตภัณฑ์ “น้ำแร่เพอร์ร่า” สร้างคุณค่าทางความรู้สึกให้กับผู้บริโภค สานต่อเป้าหมายยอดขายโตเท่าตัว
ธิติพร ธรรมาภิมุขกุล ธิติพร ธรรมาภิมุขกุล

นายธิติพร ธรรมาภิมุขกุล ผู้อำนวยการกลุ่มการตลาด ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัดเปิดเผยว่า น้ำแร่เพอร์ร่า ถือเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่เข้ามาทำตลาดไม่นาน เป็นระยะเวลาเพียง 5 ปี แต่มีอัตราการเติบโตสูงสุดในกลุ่มน้ำแร่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทั้งนี้อาจมีปัจจัยจากคุณภาพของสินค้าและผลจากการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเน้นสร้างคุณค่าของสินค้าผ่านคุณค่าความรู้สึกของผู้บริโภคหรือเรียกว่า Emotional Benefits เมื่อนึกถึงน้ำแร่เพอร์ร่า

น้ำแร่เพอร์ร่า ตั้งเป้าหมายจะเพิ่มอัตราการเติบโตในตลาดน้ำแร่อย่างต่อเนื่อง และต้องการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัว เป็น 25% ภายใน 3 ปี จึงได้จัดกิจกรรมการตลาดเชิงรุกเพื่อกระตุ้นการเติบโตของยอดขายให้เป็นไปตามที่ตั้งไว้

สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักของตลาดน้ำแร่ ส่วนใหญ่เป็นผู้บริโภคผู้หญิง และจากการศึกษาความต้องการเชิงลึก (Insight) ของผู้หญิง พบว่า การดื่มน้ำแร่เพื่อดูแลสุขภาพให้ดูดีจากภายในแล้ว ภาพลักษณ์ภายนอกก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ดังนั้น บริษัทฯจึงมองหาสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าว และสร้างความรู้สึกที่ดีต่อแบรนด์ควบคู่กันไป นั่นคือ “แฟชั่น” เพราะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้หญิงทุกคนชอบอยู่แล้ว

บริษัทฯ จึงสร้างปรากฎการณ์ทำตลาดร่วมกันหรือ Collaboration Marketing อีกครั้ง โดยร่วมกับ 4 ดีไซน์เนอร์ไทยชื่อดัง ที่สะท้อนตัวตนของผู้หญิงยุคใหม่ในปัจจุบัน ร่วมออกแบบฉลากบรรจุภัณฑ์ขวดน้ำแร่เพอร์ร่าลิมิเต็ด เอดิชั่น 4 แบบ ได้แก่ Purra X Vickteerut (วิคธีร์รัฐ) Purra X VATANIKA (วทานิกา)   Purra X LA BOUTIQUE (ลาบูทีคส์)  และ Purra X POEM (โพเอม)

เพอร์ร่า เพอร์ร่า

“ปีที่ผ่านมา เพอร์ร่าได้ร่วมมือกับ 4 ดีไซน์เนอร์ไทยชั้นนำ มาออกแบบลวดลายบนฉลากขวดน้ำแร่เพอร์ร่า ซึ่งแคมเปญดังกล่าว ได้รับผลตอบรับจากผู้บริโภคดีมาก มาปีนี้บริษัทฯยังคงตอกย้ำกลยุทธ์ที่สร้างคุณค่าทางความรู้สึกหรือ Emotional Benefitsให้ผู้บริโภคเมื่อดื่มน้ำแร่เพอร์ร่า  ซึ่งจะดีกว่าหากผู้บริโภคสามารถเลือกขวดน้ำแร่ที่ดื่มและถือติดตัวทุกวันแล้วยังสามารถ Mix & Match กับทุกๆ ลุคได้ด้วยขวดน้ำแร่เพอร์ร่าดีไซน์พิเศษ ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวถือว่ามีความแตกต่างจากตลาดน้ำแร่ทั่วไป ที่ส่วนใหญ่ยังคงเน้นในเรื่องของคุณประโยชน์ด้านสุขภาพหรือ Functional Benefits เป็นหลัก ซึ่งกิจกรรมการตลาดที่เราทำถือว่ามาถูกทาง เพราะสร้างการเติบโตให้กับยอดขายและแบรนด์อย่างต่อเนื่อง”

สำหรับน้ำแร่เพอร์ร่าลิมิเต็ด เอดิชั่น จะจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ “เซเว่น อีเลฟเว่น”  (7-11) ศูนย์การค้าเดอะมอลล์, ดิ เอ็มโพเรียม, ดิ เอ็มควอเทียร์ และสยามพารากอน ตั้งแต่เดือนสิงหาคมจนถึงเดือนตุลาคมนี้ จากการทำตลาดคาดว่าจะกระตุ้นยอดขายปีนี้เติบโต 46%       คิดเป็นยอดขาย 51 ล้านลิตร หรือประมาณ 550 ล้านบาท

ภาพรวมครึ่งปีแรกน้ำแร่เพอร์ร่า มีการเติบโต 9.7% สูงกว่าตลาดน้ำแร่ที่มีการเติบโต 6.8% โดยตลาดรวมมีมูลค่าประมาณ 3,800 ล้านบาท น้ำแร่เพอร์ร่าเป็นเบอร์ 3 มีส่วนแบ่งทางการตลาด 11.7%  รองจากอันดับ 2 คือออร่า ที่มีส่วนแบ่ง 26% และ มิเนเร่ อันดับ 1  มีส่วนแบ่งที่ 36.6%

Related Articles

Back to top button
X
%d bloggers like this: