Bizlifestyle

เปิด 7 เหตุผล ทำไมคนรุ่นใหม่ไม่อยากมีลูก ‘Gen Y’ นิยมเป็นโสด

การมีแฟน มีคู่ครอง จนไปถึงมีครอบครัว อาจจะเป็นจุดหมายปลายทางหรือความฝันของชีวิตใครหลายคน แต่ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป อาจไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว เมื่อผลการศึกษาล่าสุดชี้ว่า คนรุ่นใหม่หรือมิลเลนเนียล(Millennial) ที่รู้จักกันในนามเจน Y ไม่อยากมีลูกแล้ว และอยากโสดตลอดไปด้วย

เว็บไซต์ Morning Consult ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้ใหญ่กว่า 4,400 คนซึ่งเป็นคนวัยมิลเลนเนียล 1,287 คน เพื่อถามความเห็น ผลสำรวจออกมาชี้ว่า ตั้งแต่ปัญหาเศรษฐกิจช่วงปี 2551 หลายคนก็เริ่มกังวลและชะลอเวลาที่จะมีลูก แล้วพอมาเจอกับโควิดอีก เศรษฐกิจทั่วโลกต่างพังทลาย หลายคนกลัวปัญหาด้านการเงิน จนไม่กล้าจะสร้างครอบครัวขึ้นมาใหม่ บางคนถึงขั้นบอกว่า ไม่ใช่แค่จะชะลอเวลา แต่พวกเขาจะไม่มีลูกเลยหากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้

นอกจากนี้ เว็บไซต์ Mic ยังได้สอบถามกับกลุ่มคนหลายช่วงวัยถึงสาเหตุที่ทำให้พวกเขาไม่อยากมีลูก ปรากฏว่า ผลสำรวจออกมามีความน่าสนใจอย่างมาก โดยแบ่งได้ 7 เหตุผลดังนี้

1.เด็กต้องใช้เงินในการเลี้ยงดู

แน่นอนว่าเมื่อเรามีลูกขึ้นมาเราก็อยากจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเขา แต่สิ่งนี้มาพร้อมด้วยราคาที่ต้องจ่าย ไม่ว่าจะเป็น ค่ารักษาพยาบาล ค่าชุด ค่าเล่าเรียน ค่าอาหาร ค่าของเล่น ค่าของใช้ ทำให้สิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หลายคนไม่อยากมีลูก โดยเฉพาะช่วงเศรษฐกิจแย่แบบนี้ด้วย หลายคนชี้แจงว่าพวกเขาต้องกู้ยืมเงินอย่างแน่นอนหากมีลูก หลายคนกล่าวว่าแค่ตอนนี้ยังเอาตัวเองไม่รอด นึกไม่ออกเลยว่าลูกจะมีชีวิตที่ดีได้อย่างไร

2.กลัวเรื่องปัญหาสุขภาพจิต

ท่ามกลางปัญหาที่เกิดขึ้นมากมาย ทำให้จำนวนผู้ที่ป่วยทางสุขภาพจิต เช่น โรคซึมเศร้าสูงขึ้นทุกปี ผู้ที่ป่วยเป็นซีมเศร้าหรือมีอาการป่วยเกี่ยวกับจิตหลายคนกล่าวว่า พวกเขากลัวที่จะมีลูก เพราะลูกอาจจะต้องเจอปัญหาแย่ๆเช่นเดียวกับพวกเขา

3.การเพิ่มขึ้นของประชากรที่เกินควบคุม

ถึงแม้อัตราการเกิดจะลดน้อยลง แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยก็ทำให้คนมีอายุยาวขึ้นเช่นกัน นั่นเป็นหนึ่งในสาเหตุของการมีประชากรเยอะเกินไป เคยมีหลายคนกล่าวถึงทฤษฎีประชากรล้นโลกหลายต่อหลายครั้ง แล้วดูเหมือนว่ามันมีความเป็นไปได้ซะด้วย มิลเลนเนียลหลายคนจึงตัดสินใจไม่มีลูกเพื่อลดปัญหาที่เกิดขึ้นไปเลย

4.การตั้งครรภ์อาจส่งผลร้ายแรงต่อร่างกาย

ในยุคสมัยที่การคลอดลูกมีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ช่วยให้คลอดง่ายขึ้น เจ็บน้อยลง แต่ผู้หญิงจำนวนมากก็ยังกลัวที่จะคลอดลูก จากทั้งความเจ็บปวด ผลเสียต่อร่างกายเช่นท้องแตกลาย เป็นต้น

5.ความรับผิดชอบ

การมีลูกสักคนจะมาพร้อมกับความรับผิดชอบเป็นอย่างมาก เพื่อให้เขาเติบโตมาเป็นเด็กที่ดีมีคุณภาพ มันเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งที่คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยอยากเจอนัก บางคนกลัวที่จะต้องเลี้ยงดูเพราะคิดว่าตัวเองคงเลี้ยงได้ไม่ดี

6.โลกไม่ใช่สถานที่ที่สวยงามเสมอไป

หลายคนตัดสินใจที่จะไม่มีลูกเพราะมองว่าโลกนี้ไม่ได้สวยงาม ไม่อยากให้เด็กต้องมาเจออะไรแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นความเท่าเทียม การถูกกลั่นแกล้ง สังคมที่แย่ หรือโลกที่กำลังแย่ลงไปทุกวัน

7.ความสำเร็จในอาชีพ

มีงานวิจัยชี้ว่าหลายคนมองความสำเร็จในอาชีพเป็นเป้าหมายของชีวิตมากกว่าการมีครอบครัว มีบางคนกล่าวว่า เขากำลังสนุกและสนใจในงานที่ทำเลยไม่คิดที่จะมีลูก อีกทั้งไลฟ์สไตล์ชีวิตของใครหลายคนก็ไม่เหมาะกับการมีลูก

ขณะที่สำนักงานสถิติแห่งชาติ  รายงานว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้คนไทยไม่อยากมีลูก คือ สภาพเศรษฐกิจที่ถดถอย, ค่าครองชีพที่สูงขึ้น, ค่าแรงขั้นต่ำไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้น, ผู้คนคิดว่าในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ไม่สามารถเลี้ยงดูเด็กได้อย่างมีคุณภาพ

ประกอบกับคนรุ่นใหม่มีเป้าหมายชีวิตมุ่งไปในการทำงานเพื่อให้ตนเองประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่าสิ่งอื่น ดังนั้น คนรุ่นใหม่จึงตระหนักและชะลอเรื่องการสร้างครอบครัวมากขึ้น และตัดสินใจไม่อยากมีลูก เนื่องจากกังวลเรื่องรายได้ ค่าใช้จ่าย และหนี้สิน

โดยที่ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงลูก มีผลสำรวจชี้ว่าผู้ปกครองต้องใช้ค่าใช้จ่ายประมาณ 500,000 – 2,000,000 บาท/คน (ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละครอบครัว) ขณะที่เมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ยของครัวเรือนทั่วประเทศ ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 26,000 บาทต่อเดือน ส่วนข้อมูลรายได้ต่อครัวเรือนล่าสุด ณ ปี 2564 (6 เดือนแรก) อยู่ที่ 28,454 บาทต่อเดือน

นอกจากนี้  สำนักงานสถิติแห่งชาติเปิดเผยว่า  คน “Gen Y” (เกิดในปี 2523-2543) มีค่านิยมในการใช้ชีวิตคู่ที่เปลี่ยนไป นิยมครองตัวเป็น “โสด” ไม่สมรส ไม่มีลูก มุ่งทำงานเพื่อประสบความสำเร็จ ซึ่งคนกลุ่มนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี ตั้งแต่ปี 2560 – 2564

ยืนยันจากรายงานผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า “วัยทำงาน” ในกลุ่ม Gen Y ที่เกิดในช่วงปี พ.ศ. 2523 – 2543 หรือผู้ที่มีอายุระหว่าง 22 – 42 ปี มีค่านิยมในการใช้ชีวิตคู่ที่เปลี่ยนไป คือ มุ่งทำงานให้ประสบความสำเร็จ ครองตัวเป็นโสด ไม่สมรส และไม่มีลูก มีแนวโน้มสูงขึ้นติดต่อกัน 5 ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 – 2564

ประกอบกับผลสำรวจด้านสถานการณ์อัตราการเกิดของเด็กไทย ที่พบว่าในช่วงเวลาย้อนหลัง 10 ปี มีแนวโน้มเด็กเกิดลดลง กล่าวคือ ในช่วงปี 2555 – 2564 มีอัตราการเกิดของเด็กไทยลดลงไปเรื่อยๆ จากระดับการเกิดมากว่า 8 คนต่อประชากร 100,000 คน เหลือเพียงไม่ถึง 6 คนต่อประชากร 100,000 คน สะท้อนชัดเจนว่าคนไทยไม่อยากมีลูก

หากสถานการณ์ดังกล่าวยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจะส่งผลระยะยาวต่อสภาพเศรษฐกิจไทย นั่นคือนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เนื่องจากคน “วัยทำงาน” ลดน้อยลงจนไม่เพียงพอในตลาดแรงงาน โดยเฉพาะประเทศไทยที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ส่งผลให้อัตราการเติบโตของ GDP ลดลง ต้องพึ่งพาแรงงานข้ามชาติมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา ผลสำรวจระบุไว้ดังนี้

ปี 2560 Gen Y ที่โสดและมีงานทำ คิดเป็น 39.1%
ปี 2561 Gen Y ที่โสดและมีงานทำ คิดเป็น 40.2%
ปี 2562 Gen Y ที่โสดและมีงานทำ คิดเป็น 41.7%
ปี 2563 Gen Y ที่โสดและมีงานทำ คิดเป็น 43.1%
ปี 2564 Gen Y ที่โสดและมีงานทำ คิดเป็น 44.5%

นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลสำรวจจากกลุ่มผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ (อายุ 15-49 ปี) ที่พบอีกด้วยว่า คนไทยแต่งงานช้าลงโดยได้จากช่วงอายุจากเดิมราว 24 ปีใน 2533 มาเป็น 28 ปี ในปี 2553 และประมาณการณ์ว่า ปัจจุบันในช่วงปี 2564-2565 อายุเฉลี่ยของผู้หญิงที่ตัดสินใจแต่งงานจะมากขึ้นอีก

สถิติผลสำรวจพบว่าผู้หญิงอยากอยู่เป็นโสดมากขึ้น ตัวเลขในปี 2561 ครัวเรือนไทยประเภทคนโสด อยู่คนเดียวสูงขึ้นจาก 20.1% ในปี 2561 เพิ่มเป็น 22.3% ในปี 2562 และ 21.4% ในปี 2563

 

ขอบคุณข้อมูล  INNNEWS,กรุงเทพธุรกิจ

Related Articles

Back to top button
X
%d bloggers like this: