Biznews

เปิด 7 เทรนด์ใหม่กำหนดทิศธุรกิจทศวรรษหน้า

จากยุครุ่งเรืองด้วยการเติบโตเร็วและการทำกำไรสูงต่อเนื่อง มาบัดนี้ ธุรกิจต่างเริ่มคิดถึงความจำเป็นที่จะต้องหาจิตวิญญาณที่แท้จริงให้เจอ เมื่อก้าวเข้าสู่ทศวรรษใหม่ องค์กรก็ยิ่งต้องกลับไปทบทวนตนเองทั้งด้านเจตนารมณ์และจุดยืนของตนในโลก

ประเด็นเหล่านี้คือ ข้อเสนอแนะในรายงานฉบับใหม่ของเอคเซนเชอร์ (NYSE: ACN) ที่ชื่อว่า Fjord Trends 2020 (ฟยอร์ดเทรนด์ 2020) ซึ่งจัดทำขึ้นเป็นปีที่ 13 จากการประเมินความเป็นไปในอนาคตของวงการธุรกิจ เทคโนโลยีและการออกแบบ จัดทำโดย Fjord ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและนวัตกรรมภายใต้กลุ่มธุรกิจ Accenture Interactive (เอคเซนเชอร์ อินเทอร์แอ็กทิฟ)

ปี 2019 นับได้ว่าเป็นปีแห่งความตื่นตัวเรื่องวิกฤตสภาพภูมิอากาศโลก ความรับผิดชอบต่อสังคมของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ความเฟื่องฟูและการล่มสลายของธุรกิจอิสระ (gig economy) และเป็นปีแห่งการร่วมแสดงความมุ่งมั่นของซีอีโอชั้นนำของโลกในการกำหนดนิยามใหม่ของความมุ่งประสงค์ขององค์กรของตน  (Statement of Purpose of a Corporation) กรอบแนวคิดที่เปลี่ยนไปเหล่านี้ซึ่งมีปัจจัยเร่งคือเทคโนโลยีดิจิทัล ได้ผลักดันให้ผู้นำองค์กรต่าง ๆ ต้องหันกลับไปทบทวนหลักการพื้นฐานที่องค์กรของตนยึดถือร่วมกันเสียใหม่ รายงานฉบับนี้ ได้ชี้ให้เห็นว่า ปัจจัยด้านเศรษฐกิจกับการเมือง แนวคิดแบบทุนนิยมกับทรัพยากรโลก ตลอดจนเทคโนโลยีกับสังคม ล้วนแล้วแต่เกี่ยวพันใกล้ชิดอย่างแยกไม่ออกและมีผลเกี่ยวเนื่องซึ่งกันและกัน   และในตอนนี้ สังคมปัจจุบันเริ่มตระหนักและให้ความสำคัญกับประเด็นนี้แล้ว

 

รายงาน Fjord Trends 2020 ได้บ่งชี้แนวโน้มใหม่ 7 ด้านที่คาดว่าจะมีบทบาทในการกำหนดทิศทางธุรกิจในทศวรรษหน้าที่จะยิ่งมุ่งเน้นการให้ประสบการณ์ดีเลิศและมีความหมายต่อลูกค้า รานงานฉบับนี้ยังให้แนวทางปฏิบัติที่องค์กรนำไปปรับใช้ได้ เพื่อรับมือกับยุคหน้าที่จะมาถึง ดังนี้

  1. เติบโตหลากรูปแบบ (Many faces of growth): แนวคิดแบบทุนนิยมกำลังเผชิญกับวิกฤตที่เป็นจุดเปลี่ยน ผลกำไรของธุรกิจไม่ได้นับเป็นตัวชี้วัดการเติบโตเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป องค์กรจะต้องทบทวนเจตนารมณ์ บทบาทและจุดยืนของตนที่ยั่งยืนและคำนึงถึงสังคมโลก
  2. มองเงินเปลี่ยนไป (Money changers): มุมมองที่เราเคยมีต่อเงินตราและวิธีการจ่ายเงินเพื่อแลกซื้อสิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว การทวีบทบาทของเงินดิจิทัล เช่น การอนุมัติจ่ายด้วยลายนิ้วมือหรือเลนส์ม่านตา ก่อให้เกิดโอกาสอีกมหาศาลสำหรับผลิตภัณฑ์การเงินใหม่ ๆ รวมทั้งผู้เล่นหน้าใหม่ในตลาด
  3. บาร์โค้ดเดินได้ (Walking barcodes): ปัจจุบัน ตัวจริงของเราสามารถถูกระบุตัวตนและติดตามได้ง่ายพอ ๆ กับ ‘ตัวตนในโลกดิจิทัล’ ราวกับบาร์โค้ดเดินได้ ด้วยเทคโนโลยีการรู้จำใบหน้าและร่างกาย ซึ่งนำมาสู่ภาวะที่ต้องเลือกระหว่างความเป็นส่วนตัวและความสะดวกที่ได้รับ
  4. ผู้คนเปลี่ยนไป (Liquid people): พฤติกรรมผู้บริโภคจะเปลี่ยนแปลงไปโดยจะคำนึงถึงสังคมกับบทบาทของตน และค้นหาความหมายในทุกสิ่งที่ตนทำมากขึ้น สิ่งนี้นำมาซึ่งโอกาสอีกมากในการมอบประสบการณ์แบบใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้คนเหล่านี้ได้
  5. ปัญญาออกแบบได้ (Designing intelligence): ประสบการณ์ของมนุษย์มีความซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ ก้าวต่อไปของการพัฒนาเอไอ (Artificial Intelligence) คือ การออกแบบให้ก้าวไกลไปกว่าการใช้เป็นเพียงระบบอัตโนมัติ ไปเป็นระบบที่ผสานทั้งภูมิปัญญาของมนุษย์และปัญญาประดิษฐ์ และทำให้สองส่วนนี้ทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น
  6. แฝดเสมือนในโลกดิจิทัล (Digital doubles): แฝดเสมือนในโลกดิจิทัลกำลังจะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น เช่น ดาต้าโมเดลที่รวมเอาข้อมูลส่วนตัวของเราทั้งหมดในโลกดิจิทัล ช่วยให้เราเข้าถึงความบันเทิงและมอบประสบการณ์เฉพาะตนต่าง ๆ ได้อย่างตรงใจ ในขณะเดียวกันก็จะทำให้เราสามารถควบคุมได้ดียิ่งขึ้นว่าจะให้ใครเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวได้บ้างและมากน้อยเพียงใด
  7. ออกแบบอย่างยั่งยืนเพื่อ ‘เราทุกคน’ (Life-centered design): แนวคิดของผู้คนกำลังเปลี่ยนไป จากการใช้ชีวิตที่มุ่งตอบสนองเพียงความต้องการของ “ตัวฉัน” ไปเป็นการคำนึงถึงสังคมส่วนใหญ่ หรือ “พวกเราทุกคน” คำถามคือ การออกแบบในอนาคต จะเปลี่ยนแนวทางจากการเน้นที่ตัวผู้ใช้หรือตัวบุคคลเป็นศูนย์กลาง (User-centered design) ไปเป็นการออกแบบโดยคำนึงถึงชีวิตของคนในสังคมเป็นศูนย์กลาง (Life-centered design) ได้หรือไม่

 

 

Related Articles

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Back to top button
X
%d bloggers like this: