เปิดเบื้องหลังธุรกิจ BNK48
เบื้องหลังธุรกิจ BNK48
ที่เป็นมากกว่าสีสันวงการบันเทิง
ธนก บังผล
เกิร์ลกรุ๊ปที่สร้างกระแสเพลงฮิตติดหูชั่วโมงนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก “คุกกี้เสี่ยงทาย” ของ BNK48 ซึ่งล่าสุดสาวๆ ยังได้ออกไปร่วมเชียร์นักฟุตบอลทีมชาติไทย ในศึกคิงส์คัพ โชว์ความน่ารักจนสะกดทุกสายตาทั่วทั้งสนามมาแล้ว
ความสำเร็จของ BNK48 ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงข้ามคืน แต่มีเบื้องหลังที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกลยุทธ์ทางการตลาด ที่ทำให้ยอดขายแผ่นซีดีได้มากกว่า 13,000 แผ่น ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง หรือแม้กระทั่งการประมูลขายรูปภาพศิลปินที่มีราคาสูงตั้งแต่หลักหมื่นจนถึงครึ่งล้านบาท
ยังไม่รวมบรรดาของที่ระลึก แม้แต่การขอจับมือ ทุกอย่างต้นสังกัดสั่งมาว่า ต้องนับเป็นเงินหมด
บรรดาเกิร์ลกรุ๊ป อยู่ภายใต้การดูแลของ บริษัท บีเอ็นเคโฟร์ตีเอต ออฟฟิศ จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท โรส อาร์ทิสท์ เมเนจเม้นท์ ถือหุ้นร้อยละ 90 มีนายจิรัฐ บวรวัฒนะเป็นประธานบริษัท โดยที่เหลืออีกร้อยละ 10 นั้นเป็นของบริษัท เอเคเอส จำกัด สัญชาติ ญี่ปุ่น ในขณะที่นายณัฐพล บวรวัฒนะ ซึ่งเป็นน้องชาย รับหน้าที่ผู้จัดการวง สาวๆที่เป็น BNK48 รุ่นแรกมี 29 คน จะได้รับสัญญา 6 ปี และสามารถต่ออายุสัญญาใหม่ได้
BNK มาจาก Bangkok ที่ทางประเทศไทยไปซื้อแฟรนไชส์มาจาก AKB48 คำว่า 48 มาจาก ชื่อของประธานบริษัทฝั่งญี่ปุ่นคือ “ชิบะ โคทาโร่” โดยชิ คือ 4 และ บะ คือ 8 เพลงต่างๆ ของทุกวง ไม่ว่าประเทศไหน จะต้องทำเพลงที่มีใน AKB48 หรือทางต้นฉบับญี่ปุ่นส่งมาให้ แล้วใส่เนื้อภาษานั้นๆ หากจะทำเพลงเอง จะต้องทำหนังสือขออนุญาตจากต้นสังกัดญี่ปุ่นเท่านั้น
อย่างเพลง “คุกกี้เสี่ยงทาย” ก็มาจากเพลงต้นฉบับชื่อ “Koisuru Fortune Cookie”
บริษัท บีเอ็นเค48 ออฟฟิศ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท ปรับปรุงข้อมูลเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2560 ประกอบกิจการบริหาร ดูแลศิลปิน ธุรกิจผลิตภาพยนตร์ ละคร รายการทีวีทุกรูปแบบ
ด้านบริษัท โรส อาร์ทิสท์ เมเนจเม้นท์ จำกัด ก่อนหน้านี้จดทะเบียนด้วยทุน 1 ล้านบาท ทำธุรกิจให้เช่าอุปกรณ์สื่อสาร ผลประกอบการในปี 2558 ระบุว่าขาดทุนกว่า 1.2 ล้านบาท โดยในปี 2559 ขาดทุน 7.4 แสนบาท จนกระทั่งวันที่ 24 มกราคม 2560 ได้ปรับปรุงข้อมูล จดทะเบียนเป็น 20 ล้านบาท
จากกิจการขนาดเล็กและขาดทุนเมื่อ 2-3 ปีก่อนหน้านี้ ก็ก้าวกระโดดขึ้นมากลายเป็นธุรกิจบันเทิงที่น่าจับตามองมากที่สุด
นายจิรัฐ ในฐานะประธานบริษัท บีเอ็นเคโฟร์ตีเอต ออฟฟิศ จำกัด เคยให้สัมภาษณ์ว่า บริษัทลงทุนเป็นจำนวนเงิน 200 ล้านบาทภายในปี 2560 และ 2561 คาดหวังว่าจะคืนทุนได้ในปี 2562
นอกจากนี้ ยังเดินหน้าพัฒนาคอนเทนท์ ทั้งในรูปแบบดิจิทัลและรายการทีวี ด้วยการพัฒนาดิจิทัลสตูดิโอ แห่งแรกที่เอ็มควอเทียร์ และวางแผนเปิดเธียเตอร์สำหรับการโชว์ของสมาชิกในวง สำหรับเม็ดเงินลงทุนนั้น เฉพาะการสร้างเธียเตอร์อย่างเดียว ก็ใช้งบประมาณราว 30 ล้านบาท ซึ่งทางสมาชิกวง BNK 48 ทุกคนได้รับเงินเดือนด้วย
ทั้งนี้ สถานที่ตั้งเธียเตอร์ อยู่ที่ เดอะมอลล์บางกะปิ ชั้น 4 มีทั้งหมด 350 ที่นั่ง มีรถ Shuttle Bus บริการรับ-ส่งจากสถานี Airport Link หัวหมากมาถึงเดอะมอลล์บางกะปิ มี เธียเตอร์ , BNK48 Café และ BNK48 Shop รวมกันทั้งหมดนี้เรียกว่า “BNK48 Campus (Since 2018)
ใช้คอนเซ็ปแบบสถานศึกษาโดยภายในจะประกอบไปด้วย 3 ส่วน คือ 1.ศูนย์การเรียนรู้ หรือ โรงละคร 2.สหกรณ์ หรือ ช็อป 3.โรงอาหาร เป็น คาเฟ่ ค่าเข้าชมเธียเตอร์ราคาบัตร 400 บาท ซึ่งระบุว่าพร้อมเปิดให้บริการ เดือนกุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีบัตร Campus Card ราคา 600 บาท (จำหน่ายในราคา 500 บาทสำหรับนักเรียน-นักศึกษา)
ไม่เพียงเท่านั้น สำหรับคนที่สนใจนั้นสามารถซื้อบัตร Founder Member ได้ในราคา 20,000 บาท ผ่อน 0% ได้ 10 เดือนกับบัตรเครดิตทุกใบ ขายทางออฟไลน์เท่านั้น ที่สำคัญแต่ละบัตรมีการรันนัมเบอร์ด้วย แต่จะล็อคเบอร์ 1 48 และ 999 เอาไว้ประมูล รายได้ทั้งหมดจากการประมูลบัตรสามหมายเลขนี้จะเอาไปบริจาค
อย่างไรก็ตาม จากกรณีที่มี การเปิดประมูลรูปภาพของศิลปินรายหนึ่ง โดยมีผู้ซื้อไปในราคาหลักแสนบาทนั้น หลายคนมองว่าแฟนคลับที่คลั่งไคล้ส่วนหนึ่งเป็นผู้ที่ทำงานแล้ว หรือมีฐานะดี ไม่ได้จำกัดอยู่ที่วัยรุ่นเท่านั้น ซึ่งกระแส BNK48 อาจถือว่าเป็นปรากฏการณ์ใหม่ในบ้านเรา
และแน่นอนว่ามาพร้อมเม็ดเงินมหาศาลที่ทำให้ธุรกิจบันเทิงกลับมาคึกคักอีกครั้ง