เปิดมิติใหม่ “แม็คยีนส์”
ผลพวงจากสภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ชะลอตัวเข้าขั้นรุนแรงในปีที่ผ่านมาบวกกับกระแสแฟชั่นในเมืองไทยที่มีผู้เล่นแบรนด์ต่างชาติหลายแบรนด์เข้ามาทำตลาด ทำให้เกิดการแข่งขันสูง ตลาดยีนส์ถือเป็นหนึ่งในเซ็กเมนต์ที่ได้รับผลกระทบอย่างเห็นได้ชัดจากภาพรวมธุรกิจที่ไม่มีการเติบโตตลอดปีที่ผ่านมา
หนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญของตลาดยีนส์คือ “แม็คยีนส์” ภายใต้การทำตลาดโดยบริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เจ้าของแบรนด์ Mc, Mc Lady, Bison, Mc mini, The Blue Brothers, mc mc, McT, UP และ M&C ซึ่งแต่ละแบรนด์มีจุดเด่น และดีไซน์ที่แตกต่างกัน เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย
นอกจากนี้ ยังมีการจัดจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ทั่วไป ผ่านเครือข่ายการจัดจำหน่ายของ บริษัท ไทม์ เดคโค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งบริษัทได้เข้าลงทุนและถือหุ้นอยู่ 51% โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2560 บมจ. แม็คกรุ๊ป จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั้งหมดผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายรวม 879 แห่ง แบ่งเป็นในประเทศไทย 867 แห่งและต่างประเทศ 12 แห่ง
ต้องยอมรับว่า แม็คยีนส์ ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของเศรษฐกิจในปีที่ผ่านมาทำให้เราได้เห็นแบรนด์แม็คยีนส์ จัดหนักจัดเต็มกับสงครามกระหน่ำลดราคาอย่างหนัก ทั้ง ซื้อ 1 แถม 1, ซื้อ 1 แถม 2 จัดรายการล้างสต็อกลดสูงสุด 80% หรือถ้าจะเฉลี่ยตลอดทั้งปี ต้องบอกว่าลดกันตั้งแต่ 30-80% เลยทีเดียว โดยใช้งบทุ่มไปกับการให้ส่วนลดสูงถึง 400 ล้านบาท
แต่นับจากปีนี้ไป “สุณี เสรีภาณุ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เจ้าของแบรนด์แม็ค ประกาศชัดเจนว่า จะลดการทำตลาดด้วยแคมเปญราคาลงไป แต่จะหันมาใช้กลยุทธ์สร้างความคุ้มค่าให้ผู้บริโภคแทน เพราะยอมรับว่า การกระหน่ำราคาในปีนี้ผ่านมา ส่งผลให้ผลกำไรของบริษัทลดลง แม้จะได้ยอดขายกลับมาก็ตาม
“ปีที่แล้วเป็นปีที่เราคืนกำไรให้ผู้บริโภค ปีนี้เราขอคืนกำไรให้ผู้ถือหุ้นบ้าง”
อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่า เมื่อเคยจัดลดราคากระหน่ำอาจทำให้ลูกค้าเกิดความเคยชินและรอสินค้าจัดแคมเปญลดราคา แต่ สุณี ยังมั่นใจว่าจะเป็นเพียงช่วงแรกเท่านั้น และหมายความว่าทางทีมงานต้องทำงานมากขึ้น โดยเฉพาะในการคิดแคมเปญที่สามารถทดแทนเรื่องราคาได้ โดยยึดความต้องการของลูกค้าเป็นโจทย์ว่า ทำอย่างไรให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกว่าคุ้มค่ามากกว่าราคา
“ที่ผ่านมา ถือเป็นการลดราคาที่เกิดความคาดหมายของผู้บริโภค ตอนนี้เรียกว่าเป็นการกลับเข้าสู่สภาวะปกติ แต่สิ่งที่เราให้เพิ่มเติมคือ ความสนุกและคุ้มค่าสำหรับผู้บริโภค แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีแคมเปญลดราคาเลย เพราะยังคงมีกิจกรรมเล่นเรื่องราคาตามซีซั่นอยู่เป็นปกติเพียงแต่ปีที่แล้วลดมากกว่าปกติเท่านั้น”
ดังนั้น สิ่งที่แม็คกรุ๊ปจะนำเข้ามาทดแทนแคมเปญราคาคือ การหันไปจัดกิจกรรมการตลาดต่างๆ ที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากขึ้น และเป็นกิจกรรมที่ให้ทั้งความสนุกและความคุ้มค่า เช่น การจัดคอนเสิร์ต การทำกลยุทธ์ซีอาร์เอ็มเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีของลูกค้ากับแบรนด์ และยังเป็นการสร้างฐานข้อมูลลูกค้าเพื่อต่อยอดไปยังการทำการตลาดที่เข้าถึงลูกค้าแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการทำตลาดในช่องทางออมนิชาแนล ด้วยการผสานช่องทางออนไลน์เข้ากับออฟไลน์แบบไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างช่องทางอีคอมเมิร์ซให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้ทุกที่ทุกเวลา และการใช้ข่องทางออฟไลน์ที่ร้านค้าดึงลูกค้าสู่ออนไลน์ นั่นคือให้พนักงานที่ร้านสามารถสั่งสินค้าให้ลูกค้าทางช่องทางออนไลน์ได้เลยในกรณีที่ร้านสาขานั้นๆ ไม่มีสี ไซส์ หรือขนาดที่ลูกค้าต้องการก็สามารถสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ทันทีผ่านพนักงานของร้าน
แม็คกรุ๊ป เริ่มทดลองใช้ระบบ Customer Relationship Management (CRM) ในเดือนธันวาคม ปี 2560 ในการสมัครสมาชิกภายใต้โปรแกรม “MC Club” เพื่อรับสิทธิพิเศษตลอดปี เช่น ลุ้นรับสินค้าในร้านแม็คยีนส์ ฟรีทุกเดือนตลอดปี และนำคะแนนสะสมมาแลกเป็นส่วนลดเงินสด ซึ่งได้รับผลตอบรับจำนวน 20 คนต่อสาขาต่อวัน โดยคาดว่าจำนวนลูกค้าจะมีไม่น้อยกว่า 500,000 คนภายในปี 2561 จากฐานลูกค้าจำนวนหลายล้านคนของแม็คกรุ๊ป
นอกจากนี้ แม็คกรุ๊ป ยังให้ความสำคัญกับการขยายตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในเอเชีย เพื่อไปสู่เป้าหมายการเป็นเอเชียแบรนด์ภายใน 10 ปี นับจากนี้ นั่นคือ การสามารถเข้าไปปักธงสร้างแบรนด์ในประเทศต่างๆ ทั้งในอาเซียนและเอเชียมากขึ้น จากปัจจุบันมีแล้วในพม่า กัมพูชาและอิหร่านที่เข้าไปทำตลาดจริงจัง จากนี้จะขยายตลาดไปยังประเทศใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เข่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย เป็นต้น
ทั้งหมดนี้ เป็นแผนงานและกลยุทธ์ของแม็คกรุ๊ปที่วางไว้ชัดเจนในปี 2561 หลังจากปี 2560 เจอพิษเศรษฐกิจซบเซากำลังซื้อหงอยเหงาเข่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ จนส่งผลให้รายได้ปี 2560 หดตัวลงไป 3-5% เมื่อเทียบกับปี 2559 ซึ่งนับเป็นการหดตัวครั้งแรกนับแต่เปิดดำเนินธุรกิจมากว่า 20 ปี โดยปีนี้ตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% พร้อมตั้งเป้าทำรายได้จากช่องทางออนไลน์ 100 ล้านบาทในปี 2562 และมีรายได้จากตลาดต่างประเทศ 100 ล้านบาทภายใน 3 ปีจากนี้
เป้าหมายยอดขายที่เติบโตอย่างน้อย 10% ปัจจัยหลักมาจากการขยายพื้นที่จำหน่ายเพิ่มเติมประมาณ 3,000 ตารางเมตร หรือ 30 จุดขาย และเพิ่มจุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิว รวมถึงเพิ่มประเภทสินค้า Aromatique Active และ M&C ให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้ามากขึ้น เช่น Diffuser และเครื่องหอมต่างๆ
นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ Active Wear นอกเหนือจากการพัฒนาสินค้าหลัก ประเภทยีนส์อย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดและการส่งเสริมการขายผ่าน Omni Channel (ออฟไลน์และออนไลน์) เพื่อผลักดันการเติบโตของจุดขายเดิมและจุดขายใหม่อย่างต่อเนื่อง
ขนาดลดกระหน่ำขนาดนี้มูลตลาดยีนส์มูลคากว่าหมื่นล้านบาทยังไม่เติบโต ต้องจับตากลยุทธ์ของ Mc ว่าจะช่วยกระตุ้นตลาดให้เติบโตได้มากน้อยแค่ไหน ภายใต้ความเชื่อมั่นที่ว่าเศรษฐกิจปีจอจะเป็นปีหมาที่ร่าเริง
อีกทั้งสโลแกนที่ว่า “ถ้าคุณชอบยีนส์ เราคือแม็ค” จะยังขลังอยู่หรือไม่ ต้องติดตาม
ผลประกอบการบริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
งบกำไรขาดทุน 2557 2558 2559
รายได้จากการขาย 3,470,000 3,895,000 4,442,000
รายได้รวม 3,538,000 3,951,000 4,479,000
กำไรสุทธิ (ขาดทุนสุทธิ) 712 732 843
รายได้ 9 เดือน ปี 2560 อยู่ที่ 3,072,395,000
รายได้ 9 เดือน ปี 2559 3,050,978,000