เปิดพันธกิจ “ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค”
หลังจากยักษ์ใหญ่ธุรกิจน้ำดำและน้ำอัดลมระดับโลก “โคคา-โคลา” ประกาศรุกตลาดคาเฟอีนอีกขั้นด้วยการทุ่มเงิน 5,100 ล้านดอลลาร์ ซื้อร้านกาแฟชื่อดังในอังกฤษ “คอสต้า คอฟฟี” และเครือโรงแรม Whitbread
ฝั่งคู่รักคู่แค้นอย่าง เป๊ปซี่ หลังจากร่วมทุนกับอีกหนึ่งยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่างซันโตรี่กลายเป็น บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัดเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา กลายเป็นแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ในแวดวงธุรกิจน้ำอัดลมก็ว่าได้
ถือเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่เราจะได้เรียนรู้ในเรื่องพันธมิตรการทำธุรกิจเป๊ปซี่ที่เคยเป็นพันธมิตรกับกับเสริมสุขในอดีตแต่ตอนนี้ หันมาจับมือกับ ซันโทรี่”“เป๊ปซี่โค” บริษัทผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำจากประเทศสหรัฐอเมริกา เจ้าของแบรนด์ที่เรารู้จักกันดีชื่อ “เป๊ปซี่”ได้ประกาศปรับโมเดลการทำธุรกิจเครื่องดื่มในประเทศไทยอีกครั้ง หลังเลิกสัญญากับเสริมสุข และหันมาเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายด้วยตัวเองมากว่า 6 ปีโดยเลือกที่จะจับมือกับ “กลุ่มซันโทรี่” พันธมิตรจากญี่ปุ่น จัดตั้งบริษัทร่วมทุนที่ชื่อว่า “บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอร์เรจ ประเทศไทย จำกัด” (Suntory PepsiCo Beverage Thailand)เพื่อร่วมดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ในเมืองไทยแบบครบวงจร ตั้งแต่การผลิต การจัดจำหน่ายและกระจายสินค้า รวมไปถึงการสร้างแบรนด์และทำการตลาด
ล่าสุด บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ SPBT ซึ่งเกิดจากความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่างซันโทรี่และเป๊ปซี่โคในประเทศไทย ได้ประกาศวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด “GROWING FOR GOOD” เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยพอร์ตเครื่องดื่มที่ผู้บริโภครักมากที่สุด พร้อมมุ่งส่งเสริมสิ่งแวดล้อม ชุมชน และสังคมไทย
นายโอเมอร์ มาลิค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ซันโทรี่และเป๊ปซี่โคถือเป็นพันธมิตรที่มีความร่วมมือในประเทศอื่นๆ ทั่วโลกมามากกว่า 35 ปี หลังจากทั้งสองบริษัทได้ประกาศเปิดตัว SPBT ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ในวันนี้เราพร้อมแล้วที่จะแถลงวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ทางธุรกิจ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในตลาดเครื่องดื่มมูลค่า 154,000 ล้านบาท1ของไทย ด้วยพอร์ตโฟลิโอเครื่องดื่มและศักยภาพของบริษัทชั้นนำระดับโลกอย่างซันโทรี่และเป๊ปซี่โค
ทั้งนี้ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ SPBT ได้เริ่มผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มในเครือเป๊ปซี่โค อาทิ เครื่องดื่มเป๊ปซี่ มิรินด้า เซเว่นอัพ ชาพร้อมดื่มลิปตัน เครื่องดื่มเกลือแร่เกเตอเรด และเครื่องดื่มอควาฟิน่า มาตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2561 โดยมีทุนจดทะเบียนมูลค่า 19,680 ล้านบาท และจะเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมเครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จากซันโทรี่เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวไทยในอนาคต
“เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในตลาดน้ำอัดลมของไทยที่มีมูลค่า 5 หมื่นล้านบาท2 SPBT ได้ประกาศพันธกิจในการสร้างความพึงพอใจให้กับผู้บริโภคในฐานะแบรนด์เครื่องดื่มที่ผู้บริโภครักมากที่สุดในประเทศไทย โดยนำเสนอสินค้าคุณภาพสูงที่สร้างความสุขและชีวิตที่ดีให้กับผู้บริโภคในทุกๆ วัน ในขณะเดียวกันเราจะยึดมั่นในคุณค่าองค์กร และพัฒนาศักยภาพให้กับพนักงาน รวมทั้งสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคม”
นอกเหนือจากเครื่องดื่มที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน SPBT จะสร้างโอกาสในการเติบโตโดยขยายไปยังผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภค นับตั้งแต่เครื่องดื่มที่ช่วยเติมเต็มความสดชื่น เครื่องดื่มเกลือแร่ ชาและกาแฟพร้อมดื่ม น้ำดื่มบรรจุขวด และน้ำผลไม้ รวมถึงนวัตกรรมใหม่ๆ ในอนาคต โดยผลิตภัณฑ์ล่าสุดของ SPBT คือ มิรินด้า มิกซ์-อิท เครื่องดื่มน้ำอัดลมสองกลิ่นผลไม้ในขวดเดียว ซึ่งตอบสนองเทรนด์ของวัยรุ่นโดยเฉพาะผู้ที่ใส่ใจในสุขภาพ ด้วยสูตรน้ำตาลน้อยกว่า 6 กรัมต่อ 100 มล. และได้รับตราสัญลักษณ์โภชนาการเครื่องดื่ม“ทางเลือกสุขภาพ” (Healthier Choice)
ทั้งนี้จากแนวทางในการดำเนินธุรกิจของทั้งซันโทรี่และเป๊ปซี่โคที่มุ่งสร้างผลกำไรไปพร้อมๆ กับการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับโลกนั้น SPBT ได้ดำเนินตามแนวคิดดังกล่าว โดยเฉพาะนโยบาย Performance with Purpose ของเป๊ปซี่โคที่ตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนของเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลไม่เกิน 100 แคลอรี่ต่อปริมาตร 12 ออนซ์ ให้ได้ 2 ใน 3 ของพอร์ทโฟลิโอภายในปี 2568 ซึ่งที่ผ่านมา SPBT ได้นำเสนอสินค้าเครื่องดื่มที่ลดปริมาณน้ำตาลลง อาทิ เครื่องดื่มอความฟิน่า วิต ซ่า, มิรินด้า มิกซ์-อิท, เป๊ปซี่ แม็กซ์ เทสต์ (ปราศจากน้ำตาล), ชาเขียวลิปตัน กลิ่นมะม่วงใบเตย และเซเว่นอัพ โลว์ชูการ์ และเตรียมที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพิ่มเติมอีกมากมาย
เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว SPBT จะเดินหน้าดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มในประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบภายใต้วิสัยทัศน์ GROWING FOR GOOD เพื่อสร้างความยั่งยืนและการเติบโตทางธุรกิจในประเทศไทยผ่านกลยุทธ์หลักคือ การลงทุนในผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทสร้างแบรนด์เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดน้ำดำ การขยายพอร์ทโฟลิโอด้วยนวัตกรรมเครื่องดื่มใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพ การรุกขยายระบบการกระจายสินค้าและเพิ่มพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง และ การดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผู้บริโภค สังคมและสิ่งแวดล้อมตามหลัก มิซุ โตะ อิคิรุ (Mizu To Ikiru) หรือการอยู่ร่วมกับน้ำ
“เราจะให้ความสำคัญกับประเด็นที่เกี่ยวกับ “น้ำ” เนื่องจากน้ำเป็นหัวใจสำคัญในธุรกิจของ SPBT และเป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิต ในปีที่ผ่านมาซันโทรี่ได้ประกาศ “ปรัชญาการใช้น้ำอย่างยั่งยืน” (Sustainable Water Philosophy) ซึ่งเราจะนำปรัชญาดังกล่าวมาปรับใช้โดยให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาน้ำในทุกแห่งที่เราเข้าไปดำเนินธุรกิจ ผ่านกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมการใช้น้ำอย่างยั่งยืน”
ปัจจุบันเครื่องดื่มเป๊ปซี่ถือเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดน้ำดำในบรรจุภัณฑ์แบบไม่ต้องคืนขวด (ทั้งขวดพีอีทีและกระป๋อง) ด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่มากกว่า 45% และยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกปี
“ประเทศไทยเป็นตลาดผู้บริโภคที่มีขนาดใหญ่และมีการขยายตัวของกลุ่มคนชั้นกลางอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตลาดเครื่องดื่มมีการเติบโตและมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นตามไปด้วย แต่ด้วยพอร์ทโฟลิโอที่แตกต่างและสมดุล รวมทั้งความมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภคด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง และวิสัยทัศน์ GROWING FOR GOOD ที่มุ่งสร้างการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืนควบคู่กับการสร้างสรรค์สังคม เราเชื่อมั่นว่า SPBT จะเป็นหนึ่งในบริษัทที่แข็งแกร่งในตลาดเครื่องดื่มและตลาดน้ำอัดลมได้อย่างแน่นอน” นายโอเมอร์ กล่าว
ทั้งนี้ ในปี 2560 ตลาดเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ (Liquid Refreshment Beverage) ในประเทศไทย มีมูลค่าประมาณ 154,693 ล้านบาท อ้างอิงข้อมูล บริษัท เดอะ นีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด
ส่วนแบ่งการตลาดของเครื่องดื่มเป๊ปซี่ในบรรจุภัณฑ์แบบไม่ต้องคืนขวด ในปี 2560 อ้างอิงข้อมูล บริษัท เดอะ นีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด
ในปี 2560 ตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมในประเทศไทยมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 54,900 ล้านบาท อ้างอิงข้อมูล บริษัท เดอะ นีลเส็น คอมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด
บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ SPBT เกิดจากการร่วมทุนในเดือนพฤศจิกายน 2560 ระหว่างเป๊ปซี่โค อิงค์ บริษัทผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำจากประเทศสหรัฐอเมริกา และกลุ่มซันโทรี่ ผู้นำระดับโลกในธุรกิจเครื่องดื่มจากประเทศญี่ปุ่น โดยดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์ “GROWING FOR GOOD” เพื่อสร้างความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ มีทุนจดทะเบียนมูลค่า 19,680 ล้านบาท
หลังการประกาศร่วมทุนในเดือนพฤศจิกายน 2560 ได้มีการเปิดตัว บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด อย่างเป็นทางการในวันที่ 5 มีนาคม 2561 ซึ่งถือเป็นการพลิกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการเครื่องดื่มไทยอีกครั้ง เพราะเป็นการประสานความแข็งแกร่งและศักยภาพของสองบริษัทชั้นนำระดับโลก เพื่อเป้าหมายในการก้าวไปสู่ผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมในประเทศไทย
SPBT จะเป็นผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายเครื่องดื่มให้กับเครือเป๊ปซี่โค อาทิ เครื่องดื่ม “เป๊ปซี่” “มิรินด้า” “เซเว่น-อัพ” ชาพร้อมดื่ม “ลิปตัน” เครื่องดื่มเกลือแร่ “เกเตอเรด” และเครื่องดื่ม “อควาฟิน่า” รวมถึงพัฒนานวัตกรรมเครื่องดื่มและสินค้าใหม่ๆ จากซันโทรี่ในอนาคต เพื่อรุกขยายพอร์ตโฟลิโออย่างเต็มรูปแบบ และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทย
ในด้านการผลิต SPBT มีฐานการผลิตเครื่องดื่ม 2 แห่ง คือ โรงงานระยอง ซึ่งมีขนาด 96 ไร่ ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง และโรงงานสระบุรี บนพื้นที่ 104 ไร่ภายในนิคมอุตสาหกรรมหนองแค จังหวัดสระบุรี สำหรับในด้านการจัดจำหน่ายและกระจายสินค้า SPBT ยังคงผนึกพันธมิตรกับ “ดีเอชแอล” ผู้นำในด้านลอจิสติกส์และการบริหารคลังสินค้าระดับโลก ควบคู่ไปกับการใช้โมเดลธุรกิจแบบดิสทริบิวเตอร์เพื่อกระจายสินค้าไปยังท้องถิ่นผ่านตัวแทน 25 แห่งซึ่งสามารถเข้าถึงร้านค้าปลีก-ส่งและร้านโชห่วยกว่า 470,000 แห่งทั่วประเทศ
พันธกิจ
สร้างความสุขให้กับผู้บริโภค ด้วยเครื่องดื่มที่ผู้บริโภครักมากที่สุดในประเทศไทย
เราจะส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง เพื่อนำความสุขมาสู่ผู้บริโภคในทุกๆ วัน โดยยึดมั่นในค่านิยมขององค์กร พัฒนาบุคลากรที่มีความสามารถ เพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้แก่โลกของเรา
ค่านิยมองค์กร
1. เอาใจใส่ลูกค้า ผู้บริโภค และโลกที่เราอาศัย
เราใช้การแข่งขันที่รุนแรงของตลาดเป็นตัวขับเคลื่อน เพื่อหาผลลัพธ์ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จร่วมกัน ความสำเร็จของเรานั้นขึ้นอยู่กับความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับลูกค้า ผู้บริโภค และชุมชน โดยยึดหลักใส่ใจที่จะก้าวไปด้วยกันให้ไกลกว่าและเจริญเติบโตร่วมกันมากกว่าการมุ่งแต่ผลประโยชน์เพียงอย่างเดียว
2. จำหน่ายเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เราภาคภูมิใจ
การทดสอบมาตรฐานของเราก็คือ การที่พวกเราจะต้องสามารถรับรองผลิตภัณฑ์ของเราได้อย่างไม่ลังเล รวมถึงยินดีบริโภคผลิตภัณฑ์ของเราเอง หลักการนี้จะครอบคลุมไปทุกๆ ส่วนของธุรกิจ ตั้งแต่การจัดซื้อวัตถุดิบจนกระทั่งถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์ถึงมือผู้บริโภค
3. บอกกล่าวข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา และปราศจากอคติ
เราจะพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยให้บรรลุเป้าหมายได้ง่าย แต่ยังช่วยให้การสื่อสารชัดเจน และถูกต้อง เราทำทุกวิถีทางเพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่สื่อสารนั้นเป็นที่เข้าใจร่วมกัน
4. รักษาสมดุลระหว่างความเสี่ยง และผลประโยชน์ระยะสั้นและระยะยาว
เราจะมุ่งบริหารความเสี่ยงและสร้างผลประโยชน์อย่างสมดุล ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว หากปราศจากความความสมดุล เราจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายของการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนได้เลย
5. ชนะด้วยการรวมความหลากหลายเข้าด้วยกัน
ในการทำงานร่วมกัน เราจะยอมรับความแตกต่างของแต่ละบุคคลทั้งลักษณะเฉพาะตัว และวิธีคิดที่แตกต่างกัน สิ่งนี้จะก่อให้เกิดการสร้างนวัตกรรม และเปิดโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ รวมทั้งช่วยเพิ่มศักยภาพของพนักงานแต่ละคนเพื่อนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของเรา
6. เคารพผู้อื่น และประสบความสำเร็จร่วมกัน
แม้บริษัทจะสร้างขึ้นมาด้วยความเป็นเลิศและความรับผิดชอบในแต่ละบุคคล แต่ไม่มีใครสามารถบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจได้โดยลำพัง เราต้องการคนที่มีความสามารถเพื่อมาทำงานร่วมกัน ความสำเร็จร่วมกันจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยการปฎิบัติต่อกันด้วยความเคารพทั้งภายในและภายนอกบริษัท ความมีจิตสำนึก ความเคารพต่อผู้อื่น และค่านิยมที่เราปฏิบัติ ซึ่งหากทุกคนมีแล้วจะช่วยให้ผลงานมีมาตรฐานที่เป็นเลิศ
7. ปฏิบัติอย่างมีความรับผิดชอบ และสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ
ความรับผิดชอบและความไว้เนื้อเชื่อใจเป็นรากฐานของการเติบโตที่มีคุณภาพ ทั้งในแง่ของความเชื่อมั่นทั้งระหว่างเพื่อนร่วมงานและกับองค์กร ความรับผิดชอบหมายความว่าเราจะปฏิบัติต่อสิ่งที่เราทำเสมือนเราเป็นเจ้าขององค์กร ความไว้วางใจกันยังสร้างขึ้นได้ด้วยการทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด และมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จไปด้วยกัน
8. มีจิตวิญญาณของผู้กล้าลงมือทำ
เราจะร่วมกันสืบสานจิตวิญญาณของกลุ่มบริษัทซันโทรี่ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการเปิดรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ด้วยการทดลองสิ่งใหม่ และผนวกสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกัน รวมทั้งการลงมือทำให้เป็นจริง
วิสัยทัศน์
Growing for Good หรือ เติบโตอย่างยั่งยืน โดย
เสริมสร้างความแข็งแกร่งในผลิตภัณฑ์หลัก ด้วยการลงทุนในแบรนด์อย่างยั่งยืน
เสริมสร้างการเติบโตผ่านการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ สร้างนวัตกรรมสินค้าเพื่อสุขภาพในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มรสชาติต่างๆ และกลุ่มผลิตภัณฑ์อื่นๆ
ประสบความสำเร็จไปพร้อมกับลูกค้า
สร้างกลยุทธ์บุกตลาดที่เหนือชั้นเพื่อขยายตลาดทราดิชั่นนอลเทรด และการให้บริการที่ยอดเยี่ยมในโมเดิร์นเทรด
พิทักษ์การเติบโตระยะยาว เพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักรในการผลิตทุกๆ ปี ลดปริมาณแคลลอรี่ในผลิตภัณฑ์ และปริมาณการใช้น้ำในการผลิต เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรน้ำตามแนวคิด น้ำคือชีวิต (มิซูโตะ อิคิรุ)
พัฒนาองค์กร สร้างแบรนด์องค์กร และวัฒนธรรมการทำงานที่ดี
อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของนายใหม่อย่าง โอเมอร์ มาลิค ในฐานะ กรรมการผู้จัดการ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค บอกถึง Key Success ของการทำธุรกิจว่า ประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลักคือ 1 ผู้บริโภคชอบอะไร ต้องการอะไร ทำในสิ่งนั้น 2 แบรนด์ที่เข้มแข็ง ซึ่งมาจากคุณภาพผลิตภัณฑ์ ความไว้วางใจของผู้บรฺโภค (รอยัลตี้แบรนด์) และสุดท้าย ระบบการจัดจำหน่าย
กล่าวคือ การผลิตสินค้าที่ตรงใจผู้บริโภค ภายใต้แบรนด์ที่แข็งแกร่ง และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกที่ทุกเวลานั่นเอง