Biznews

เปิดที่มา ‘ข้าวหม้อใหม่’ แบรนด์น้องใหม่ป้ายแดง ‘โคคาสุกี้ ‘

ระยะเวลากว่า 60 ปีถ้าเปรียบกับชีวิคคนคนหนึ่ง อาจจะเรียกได้ว่า ค่อนชีวิตเข้าไปแล้ว ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน หลากหลายรสชาติชีวิต สุขบ้าง ทุกข์ก็มี เป็นธรรมดาของชีวิต  

เช่นเดียวกับเรื่องราวของ สุกี้โคคา ที่วันนี้เส้นทางชีวิตเดินทางมาถึง 63 ปี แน่นอนกว่าจะเดินทางมาถึงวันนี้ได้ต้องไม่ธรรมดา ประสบความสำเร็จมาก็มาก ผิดพลาดมาก็มี ซึ่งผู้ที่จะมาบอกเล่าเรื่องราวในวันนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากผู้ชายคนนี้  ‘พิทยา  พันธ์เพ็ญโสภณ’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โคคา สุกี้ จำกัด ที่วันนี้แม้ว่าจะถอยไปยืนเบื้องหลังโดยให้ลูกๆ อย่าง “นัฐธารี พันธุ์เพ็ญโสภณ” ทายาทคนโต เข้ามาทำหน้าที่เคลื่อนทัพแทน แต่เจ้าพ่อสุกี้อย่างพิทยาก็ยังไม่ห่างหายไปไหน

 

พิทยา พันธุ์เพ็ญโสภณ วันนี้ในวัย 62  เขาขยับมาอยู่เบื้องหลังและให้ลุูกสาวคนโตเข้ามาพิสูจน์ฝีไม้ลายมือแทนโดยมีตัวเขาคอยยืนคุมเชิงอยู่ห่างๆ  มาแล้ว 2 ปี  โดยดูเฉพาะภาพใหญ่อย่าง Vision

พิทยา ฉายภาพว่า ในปีที่ผ่านมาในสายตาเขามองว่าไม่เลวถ้าเทียบกับความคาดหวังของปีนี้น่าจะดีกว่า ปีนี้เศรษฐกิจโดยรวมมองว่ายังไม่มีปัจจัยอะไรที่ทำให้คนอยากใช้เงิน ปีที่แล้วทุกคนคิดว่าเมื่อไหร่จะเผาจริงแต่ที่แปลกใจก็คือตัวเลขของคนที่ไปท่องเที่ยวต่างประเทศเยอะขึ้นอาจเป็นเพราะค่าเงินบาทก็ได้

พิทยา บอกว่า ปีนี้เผาจริง  เพราะดูจากเดือนแรกมีปัจจัยลบเข้ามามากมายซึ่งกระทบเศรษฐกิจโดยรวม ปีที่แล้วที่บอกว่าไม่มีปัจจัยอะไรที่น่าสนใจเพราะรัฐบาลมาใหม่ทุกคนพยายามให้ยาแก้ปวดหัวไปก่อนอย่างเช่นแจกคนละพันซึ่งไม่ได้อะไรมากมายในแง่ของนักธุรกิจคนที่ได้คือเซเว่นร้านค้าในโครงการชิมช้อปใช้

สำหรับโคคา ปีที่แล้วโตประมาณ 10% ปกติยอดขายอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านซึ่ง 10% ถือว่าต่ำกว่าคาดการณ์ไว้เพราะโดยปกติโคคาจะมีนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะจีน ฮ่องกงเข้ามาใช้บริการแต่ปลายปีที่แล้วมีเหตุการณ์ประท้วงฮ่องกงทำให้ลูกค้าลดลง แต่เราก็หันมาโฟกัสกลุ่มลูกค้าในประเทศมากขึ้น และมีการรีเฟรชแบรนด์ เพราะความที่เป็นแบรนด์ที่อยู่มานานกว่า 62 ปี แบรนด์เราถือว่าสำหรับเบบี้บูมเมอร์ทุกคนรู้จักซึ่งเป็นโจทก์ที่ค่อนข้างท้าทายในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาว่าทำยังไงให้แบรนด์เราเป็นที่รู้จักของเด็กรุ่นใหม่ด้วยโดยไม่กระทบฐานลูกค้าเดิมเพราะฉะนั้นถ้าจะเปลี่ยนเมนูเลยหรือเปลี่ยนภาพลักษณ์ไปเลยจะไม่เวิร์คเพราะส่วนใหญ่รายได้ของเรายังมาจากกลุ่มลูกค้าอายุ 30 ขึ้นไป

จึงเป็นที่มาของการเปิดสาขาใหม่ที่ เซ็นทรัลเวิลด์ซึ่งมีการนำ Concept รักษ์โลก sustainability เข้ามาใช้ เรามีความสุขเราเองปลูกผักเองนำมาใช้ในเมนูต่างๆของเราทำให้ลูกค้าสนใจค่อนข้างเยอะแล้วทำให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่เข้ามาโคคามากขึ้นด้วย

ปัจจุบันโคคามีทั้งหมด 10 สาขา แบ่งเป็น 2 โมเดล โมเดลแรกคือ โคคาเฮอริเทจ สาขาต้นตำรับที่สุรวงศ์

โมเดลที่ 2 คือสาขาที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า ซึ่งมีการปรับเมนูให้สอดคล้องกับสไตล์คนรุ่นใหม่มากขึ้นและการตกแต่งที่ดูลอฟขึ้น วัยรุ่นมากขึ้น ซึ่งปีนี้จะเน้นการปรับปรุงสาขามากกว่าเปิดสาขาใหม่  โดยปีนี้ตั้งงบสำหรับปรับปรุงสาขาประมาณ 30 ล้านบาทโดยจะเห็นล่าสุดก็คือโคคาสยามสแควร์ที่กำลังจะปรับปรุงบนถนนอังรีดูนังต์

นอกจากการปรับปรุงสาขาเดิมแล้วในปีนี้จะให้ความสำคัญกับการเปิดร้านแบรนด์ใหม่นั่นคือ ‘ข้าวหม้อใหม่’โดยเปิดสาขาเแรกที่ปั้ม S STATION บางนา ตราด กม.34 ซึ่งเป็นปั้มปตท.ภายใต้การบริหารของแพ็ทโก้กรุ๊ป ในเครือมารวยเอสเตท

พิทยา บอกว่า ที่มาของร้านข้าวหม้อใหม่เกิดจากหลังจากที่เขาเกษียณก็อยากจะทำอะไรเพื่อสังคมซึ่งเป็นความตั้งใจมานานแล้ว ตอนแรกว่าจะไปสอนหนังสือ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปสอนที่ไหนเพราะช่วงที่ทำงานเราไม่เคยไปสอนอะไรมากมาย จนกระทั่งลูกสาวไปทำออแกนิค เลยเกิดความสนใจเข้าไปเรียนรู้อย่างจริงจัง จนรู้ว่า อาชีพเกษตรกรเป็นอาชีพที่น่าสงสารมากเพราะถูกเอารัดเอาเปรียบมาตลอดเวลา

เมื่อลูกสาวไปทำเกษตรอินทรีย์ ลูกสาวบอกว่าเคมีทุกวันนี้ที่เรากินเข้าไปทำให้ร่างกายเราอ่อนแอ จริงอยู่ที่ว่าสารเคมีไม่ฆ่าเรา ยกเว้นเราจะไปหยิบมากิน จะเห็นได้ว่าคนเราอ่อนแอขึ้นทุกวันเพราะเคมีต่างๆเข้าไปสะสมอยู่ในร่างกาย

จนกระทั่งได้คุยกับพนักงานคนหนึ่งที่บ้านเขาทั้งลุงทั้งน้าอายุไม่ถึง 50 ก็เสียชีวิตเป็นเกษตรกรเป็นชาวนา เขาจึงเกิดความสนใจที่จะเรียนรู้อย่างจริงจัง เข้าไปปรึกษากับกรมการข้าวเรื่องการทำเกษตรอินทรีย์แล้วมาหาลูกน้องที่บ้านยังทำนาอยู่ ขอคุยกับคนรุ่นใหม่เท่านั้น เพราะคนรุ่นเก่ายังยึดติดความคิดแบบเดิมๆ  จนได้มาเจอหลานของพนักงานคนหนึ่งมีที่นาอยู่ 3 ไร่ จึงเริ่มด้วยการสอนปลูกอินทรีย์ โดยมีข้อแม้ว่าเมื่อเรียนรู้แล้วต้องกระจายต่อ

ฤดูกาลแรกปลูกอินทรีย์ค่าปุ๋ยประหยัดไปหมื่นกว่าบาท เราไปสอนเทคนิคการปลูกเม็ดเดียวจากข้าวที่ต้องหว่าน 2 ไร่ใช้ 15 กิโลกรัม เหลือครึ่งกิโล ข้างบ้านบอกไม่ขึ้นหรอกแต่พิสูจน์แล้วว่าขึ้นมาเท่ากับวิธีหว่านแล้วไปดำใหม่ ใช้วิธีการเพาะไว้ก่อนแล้วไปดำทีละ 1 เม็ด ล่าสุดเห็นเทคนิคจากเมืองจีนใช้วิธีหยอดเลยทีละเม็ดฤดูกาลใหม่จะทดลองใช้ ซึ่งหลังจากได้ผลผลิต พิทยา รับซื้อทั้งหมด

ปัจจุบัน พื้นที่ทำนาแบบเกษตรอินทรีย์ยังมีอยู่น้อย พิทยา ต้องการขยายประมาณ 16 ไร่จึงจะเพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งผลผลิตจากที่นาเหล่านี้นำมาใช้ที่ร้านข้าวหม้อใหม่  แบรนด์น้องใหม่ล่าสุดของโคคาสุกี้ ซึ่งมีความหมายว่า หุงใหม่ทุกหม้อซึ่งจะมีกลิ่นหอมข้าวหุงใหม่ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของทางร้านซึ่งที่ร้านอื่นไม่มี  และหม้อใหม่ก็คือเกษตรกรรุ่นใหม่นั่นเอง

นอกจากผลผลิตที่ได้จะนำมาใช้ในร้านข้าวหม้อใหม่แล้วยังผลิตเป็นข้าวสารบรรจุถุงเพื่อจำหน่ายในร้านเครือโคคาโดยผลิตภายใต้แบรนด์ของเกษตรกรเอง เช่นชาวนาชื่อจอห์นจะใช้ชื่อแบรนด์ว่าข้าวอินทรีย์นาย John เพื่อให้เขาสามารถขยายตลาดเองและสร้างแบรนด์ของตัวเองได้

นี่คือความรักที่จะทำเป็น Concept ของข้าวหม้อใหม่ ซึ่งต่อไปร้านโคคาและแมงโก้ทรีรวมถึงร้านข้าวหม้อใหม่จะใช้ข้าวสารที่เป็นอินทรีย์ทั้งหมดซึ่งคาดว่าจะใช้ประมาณ 16 ไร่ในการผลิตเพื่อ support ร้านอาหารในเครือทั้งหมด

สิ่งที่จะได้คือชาวนาไม่ตาย ลูกค้าทานข้าวได้อย่างสบายใจ

 

 

 

Related Articles

Back to top button
X
%d bloggers like this: