เปรียบเทียบ บริษัท Logistics เจ้าไหนตอบโจทย์ธุรกิจคุณ!

แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยในปี 2020 ที่เติบโตต่อเนื่องถึง 35%โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล ที่นิยมซื้อสินค้าผ่าน Online Platform มากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจโลจิสติกส์ โดยเฉพาะการขนส่งพัสดุด่วน เติบโตตามอย่างมีนัยยะสำคัญโดยยอดจัดส่งพัสดุมีแนวโน้มสูงขึ้นกว่า 4 ล้านชิ้น/วัน
.
มีการคาดการณ์มูลค่าตลาดขนส่งพัสดุที่จะมีมูลค่ามากถึง 66,000 ล้านบาทในปี 2020 สะท้อนให้เห็นการเจริญเติบโตของธุรกิจ รวมถึงการเเข่งขันของตลาดขนส่งพัสดุที่แข่งกันอย่างดุเดือดทั้งในด้านของบริการ และราคา ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของผู้ประกอบธุรกิจขนส่งที่จะต้องปรับตัว เพื่อตอบสนองการขยายตัวอย่างรวดเร็วของตลาดอีคอมเมิร์ซ
.
จากการเติบโตนี้ทำให้ผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ SME หรือผู้ค้าออนไลน์ หันมาพิจารณาเลือกใช้ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ที่จะสามารถตอบสนองต่อรูปแบบธุรกิจ และส่งเสริมพฤติกรรมผู้บริโภคแบบ On Demand การสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งในปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ให้บริการขนส่งพัสดุ และโลจิสติกส์มากกว่า 10 รายและยังมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งต่างมีบริการและจุดเด่นในหลายๆด้านให้พิจารณาเลือกใช้
.
ตอนนี้มีบริการให้พิจารณาเลือกใช้เพิ่มความสะดวกสบายผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นพัฒนาระบบแอปพลิเคชั่นให้ใช้งานง่าย รวดเร็วขึ้น เพิ่มอัตราการให้บริการ และขยายจุดบริการ ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เข้าถึงลูกค้าให้ได้มากที่สุดเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่มากขึ้นอย่างก้าวกระโดด อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ผู้ลูกค้า เช่น การตรวจสอบสถานะพัสดุแบบ Real-time การใช้ระบบเก็บเงินปลายทาง (COD) เป็นต้น
.
วันนี้ไพรซ์ซ่าจึงได้รวบรวมข้อมูลเปรียบเทียบการให้บริการขั้นพื้นฐาน เพื่อให้ผู้ประกอบการใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกใช้บริการของขนส่งสินค้าและพัสดุ หากผู้ให้บริการ ‘Logistic’ เจ้าใดมีข้อมูลหรืออยากแนะนำบริการเพิ่มเติมทาง Priceza Insights เรายินดีจะนำข้อมูลมานำเสนอแก่ผู้ประกอบการและผู้สนใจในโอกาสต่อไป
ที่มา Priceza Insights