รวมพลังฝ่าไวรัส ‘เซ็นทารา-บางกอกแอร์’ ให้พนักงาน “ลาไม่รับค่าจ้าง”

นายธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ตในเครือเซ็นทารา ได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 ความว่า
“เนื่องด้วยสถานการณ์การระบาดอย่างต่อเนื่องของโรคไวรัสโคโรน่า (COVID-19) ที่ส่งผลกระทบอย่างหนักกับธุรกิจทั่วโลก และประเทศไทย ส่งผลให้จำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการกับโรงแรมเราน้อยกว่าปกติ”
ดังนั้น บริษัทจึงขอความร่วมมือจากเพื่อนร่วมงานทุกท่าน สมัครใจใช้สิทธิ์การลาแบบไม่รับค่าจ้าง ตั้งแต่วันที่ 1-31 มีนาคม 2563 เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายของบริษัท
เงื่อนไขในการสมัคร
1.พนักงานที่จะใช้สิทธิ์จะต้องเป็นพนักงานประจำเท่านั้น
2.พนักงานที่ใช้สิทธิ์การลาแบบไม่รับค่าจ้างครั้งนี้ จะยังคงได้รับสวัสดิการต่าง ๆ ตามปกติ ทั้งเซอร์วิสชาร์จ และโบนัสประจำ
3.พนักงานสามารถขอลาแบบไม่ได้รับค่าจ้างได้โดยไม่มีจำนวนวันขั้นต่ำในการใช้สิทธิ์ดังกล่าว
4.ในกรณีที่พนักงานที่ขอใช้สิทธิ์ลาแบบไม่รับค่าจ้างตั้งแต่ 5 วันขึ้นไป พนักงานจะได้รับส่วนลดพิเศษ 20% สำหรับการลาแบบไม่รับค่าจ้างนั้น ๆ เช่น ขอลาแบบไม่รับค่าจ้าง 5 วัน แต่จะถูกหักค่าจ้างเพียงแค่ 4 วันเท่านั้น (5-20% = 4) หรือขอลาแบบไม่รับค่าจ้าง 9 วัน ถูกหักค่าจ้างเพียง 7.2 วันเท่านั้น (9-20% =7.2)
5.การลาแบบไม่รับค่าจ้างจะไม่รวมวันหยุดประจำสัปดาห์และจะได้รับวันหยุดประจำสัปดาห์ตามปกติ
6.พนักงานที่ต้องการใช้สิทธิ์จะต้องได้รับอนุมัติจากหัวหน้าแผนกโดยตรง หัวหน้าฝ่าย และฝ่ายทรัพยากรบุคคล
7.พนักงานที่ต้องการใช้สิทธิ์สามารถส่งเอกสารขอใช้วันลาได้ที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และใช้สิทธิ์ได้ถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2563 นี้เท่านั้น
8.พนักงานสามารถขอใช้ Staff Rate ในการจองห้องพักโรงแรมต่าง ๆ ในเครือเซนทารา ควบคู่ไปกับการลาครั้งนี้ได้
โดยทั้งนี้ผู้บริหารระดับสูงทุกคนที่สำนักงานใหญ่ได้สมัครใช้สิทธิ์การลาจำนวน 5 วัน (4 วันไม่ได้รับค่าจ้าง)
จึงเรียนมาเพื่อทราบและขอขอบคุณสำหรับความร่วมมือจากเพื่อนร่วมงานทุกท่าน
ด้านนายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เจ้าของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส กล่าวว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปัจจุบันมีภาวะชะลอตัวลง ประกอบกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมด้านการท่องเที่ยวและการบิน
บริษัทฯ จึงได้มีการทบทวนแผนธุรกิจและปรับกลยุทธ์ในการดำเนินงานเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ดังกล่าว รวมถึงการออกมาตรการปรับลดค่าใช้จ่ายด้านปฏิบัติการบินและค่าใช้จ่ายด้านบุคคลากร เพื่อให้การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
โดยมาตรการปรับลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการบินและค่าใช้จ่ายด้านบุคคลากร บริษัทฯ มีแผนดำเนินการ ดังนี้ 1.ปรับลดความถี่ของเที่ยวบิน ตลอดจนพิจารณายกเลิกเส้นทางบินในบางเส้นทาง เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการในการเดินทางของผู้โดยสาร ณ ปัจจุบัน
2.ปรับลดเงินเดือนของประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กรรมการ/รองผู้อำนวยการใหญ่สายงานบริหารกลาง และรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสสายงานการเงินและบัญชี ลง 50%
3.ยกเลิกการปรับขึ้นเงินเดือนประจำปี 2563 ของผู้บริหารสูงสุดของฝ่าย 4. ปรับลดสวัสดิการของผู้บริหารและพนักงาน 5.ให้นายสถานีและรองนายสถานี ที่ประจำอยู่ ณ สถานีต่างประเทศและสถานีอื่น ๆ ในประเทศ ทำการโยกย้ายกลับมาประจำการที่สถานีกรุงเทพฯ 6.ขอความร่วมมือจากผู้บริหารและพนักงาน ในการลางานโดยไม่รับค่าจ้าง (Leave without pay) จำนวน 10-30 วัน
นายพุฒิพงศ์ ระบุว่า มาตรการดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อมาตรฐานความปลอดภัยในการบิน และการบริการแก่ผู้โดยสาร