อึ้ง! กลับไทยในรอบ 2 ปี เจอศุลกากรรื้อกระเป๋า คัดของแบรนด์เนม เก็บภาษีกว่าครึ่งแสน

ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Pang Ban แชร์ประสบการณ์หลังเดินทางกลับไทยในรอบ 2 ปี โดยเดินทางมากับแฟนชาวต่างชาติ ขณะผ่านด่านศุลกากรที่สนามบินสุวรรณภูมิ ถูกเจ้าหน้าที่เข้ามาดึงและบอกให้เธอกับแฟนเอากระเป๋าไปสแกนจากนั้นเรียกให้เข้าไปในห้องตรวจค้น
ต่อมามีเจ้าหน้าที่เข้ามา 8-9 คน เปิดค้นกระเป๋าทีละใบอย่างละเอียด ก่อนจะแยกไปเฉพาะของแบรนด์เนม ทั้ง เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า หมวก แว่นตากันแดด แว่นสายตา กระเป๋าตังค์ กางเกง แต่ที่ตกใจที่สุดคือบอกให้ถอดเครื่องประดับที่สวมใส่ ทั้ง กำไล สร้อยคอ ต่างหูด้วย แหวน ก่อนจะพาเข้าอีกห้องเพื่อค้นร่างกาย ทั้งเธอกับแฟน โดยไม่ให้บันทึกภาพอะไรทั้งนั้น
เจ้าหน้าที่ทำการตรวจว่าของแต่ละชิ้นมีมูลค่าเท่าไหร่ โดยไม่สนว่าชิ้นนั้นใช้แล้วหรือไม่ เธออธิบายว่าของทุกชิ้นใช้แล้ว และมีหลักฐานยืนยัน ยกเว้น รองเท้า 2 คู่ 1 คู่เพิ่งซื้อที่ดิวตี้ฟรีเกาหลีใต้ ซึ่งแฟนเป็นคนซื้อมาฝากน้องสาวซึ่งมีหลักฐานการคุย อีกคู่ของใหม่แต่ทำส้นแล้ว จะเอามาใช้ที่ไทย ของทุกชิ้นเราอธิบายหมดแล้ว มีหลักฐานการใช้ แม้กระทั่งเสื้อผ้า มีการซักแห้งมาแล้ว มีกลิ่นน้ำยาหมด กางเกง Gucci ของแฟนซึ่งใส่กล่องมา ก็มีหลักฐานว่าใส่แล้ว เธอบอกไปว่าไม่เชื่อก็ลองดม ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่หนึ่งคนดมจริง ๆ
สักพักหนึ่งเจ้าหน้าที่อีกคนเดินมาบอกว่า ของที่อยู่ตรงนี้ทั้งหมดจะถูกยึด เธอตกใจมากจึงถามไปว่าทำอะไรผิด ใช้ของแบรด์เนมไม่ได้เลยหรือ เจ้าหน้าที่บอกว่า ใช้ได้ แต่ต้องเสียภาษี คุณไม่ทราบหรือว่า ของติดตัวเข้าประเทศได้ทั้งหมดไม่เกิน 20,000 บาท เธอจึงบอกว่า มาในฐานะนักท่องเที่ยวและก็ไม่ค่อยได้อยู่ที่ไทย มาครั้งนี้ของทุกชิ้นก็จะกลับเอากลับไปเหมือนเดิม ซ้ำแฟนของเธอเป็นชาวต่างชาติทำไมต้องเสียภาษีให้ แต่เจ้าหน้าที่ยืนกรานว่าถ้าไม่จ่ายจะยึดของ และจะขึ้นแบล็กลิสต์ไม่ให้เข้าประเทศได้อีก เธอก็ยังไม่ยอม และได้ทำการปรึกษาทางพี่ ๆ เพราะดูแล้วเหตุการณ์แบบนี้ไม่สมควรที่จะเกิดขึ้น
สักพักหนึ่งทางเจ้าหน้าที่อีกคนบอกว่า ถ้าชิ้นไหนมีหลักฐานการใช้แล้วจะยอมปล่อยไป แต่ถ้าชิ้นไหนไม่มีหลักฐานจะถูกคิดภาษี ปรากฏว่ากระเป๋า Chanel เพิ่งเอามาใช้ กับ รองเท้าอีก 2 คู่ และเสื้อคลุม Gucci เพิ่งใช้ไปไม่มีรูปถ่ายมาก่อนจึงโดนภาษีไป เกือบ 7 หมื่นบาท และยืนยันจะเก็บภาษีกับแฟนของเธอค่ารองเท้า ซึ่งแฟนเธอไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน
โดยอัตราการคิดภาษี กระเป๋า 20% (+vat 7%) รวม 27% ส่วนรองเท้าและเสื้อผ้า 30% (+vat7%) = 37% ซึ่งเธอก็ไม่ยอม จึงยืนรอจนเวลาผ่านไปกว่า 3 ชั่วโมง มีเจ้าหน้าที่อีกกลุ่มมา ลดหย่อนให้จนเหลือ 54,000 บาท
เจ้าของเรื่องราวฝากเตือนว่า ต่อไปนี้ใครจะใส่แบรนด์เนมต้องระวัง เพราะอาจจะถูกจ้องตั้งแต่ลงจากเครื่อง ดังนั้นหลักฐานที่แสดงการใช้งานต้องมีให้ครบ ยอมรับว่าเสียความรู้สึกมากเพราะเดินทางมาแบบไม่คิดจะปกปิดอะไรแต่กลับเจอแบบนี้ ซ้ำยังมาเก็บภาษีกับชาวต่างชาติจึงเสียความรู้สึกมาก ยืนยันว่าที่ประเทศอย่างเกาหลีใต้ไม่มีเคสแบบนี้