สุดล้ำ!’ค้าปลีก-อสังหา-สายการบิน’ เปิดรับ’คริปโทฯ’ สนองยุค Digital Economy

เรียกได้ว่าเป็น ‘ปีทอง’ ของตลาด Cryptocurrency (คริปโตเคอร์เรนซี) หรือที่หลายคนมักเรียกย่อๆ ว่า “คริปโต” ได้รับการยอมรับว่าเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทหนึ่ง กำลังได้รับความสนใจจากบรรดานักลงทุนในปัจจุบัน ปัจจุบันหลากหลายวงการกำลังให้ความสนใจอย่างคึกคัก โดยเฉพาะภาคธุรกิจค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์
เปิดฉากกันที่สมรภูมิค้าปลีกเมืองไทยที่เกาะติดเมกะเทรนด์โลกในการใช้จ่ายด้วยเงินดิจิทัล หรือ คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) สู่โลกช้อปปิ้งดิจิทัลแห่งอนาคต
ประเดิมด้วยพี่ใหญ่อย่างกลุ่มเซ็นทรัล ภายใต้ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ “เซ็นทรัล รีเทล” โดยมี “Central Tech” เป็นเจ้าภาพในการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัล “C-Coin” ทดลองใช้กับพนักงานในเครือกว่า 1,000 ราย ที่จะได้รับ “C-Coin” เป็นโบนัสพิเศษ และสามารถใช้ซื้อสินค้าและบริการจากร้านค้าภายในเครือเซ็นทรัล
C-Coin แซนด์บ็อกซ์ อยู่ระหว่างกระบวนการเรียนรู้ พัฒนาประสิทธิภาพสูงสุด โดยจะทยอยขยายการใช้ครอบคลุมพนักงานกลุ่มเซ็นทรัลทั่วโลกกว่า 80,000 คน ในประเทศไทย เวียดนาม และอิตาลี เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับ “พนักงาน” เพื่อรองรับการใช้ของ “ลูกค้า” ในอนาคตเมื่อพร้อม 100%
ขยับมาที่ ‘กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์‘ เจ้าของและผู้บริหารศูนย์การค้ากลุ่มวันสยาม ประกอบด้วย สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยามและสยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ เปิดเกมสู่วงการคริปโทฯ ด้วยการจับมือพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญอย่าง ซิปเม็กซ์ (ZIPMEX) ผู้ให้บริการด้านการลงทุนและสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์ม “ZIPMEX”
โดยสยามพิวรรธน์ ดึงจุดแข็ง“ศูนย์การค้า”ในเครือที่ครองความเป็นที่หนึ่งในใจของลูกค้าคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ นั่นคือ ประสบการณ์ความหรูหราระดับโลกที่แตกต่างแบบครบทุกมิติของไลฟ์สไตล์ที่ไม่อาจหาซื้อได้จากโลก “ออฟไลน์” แพลตฟอร์ม “ออนไลน์” ผสานศักยภาพZIPMEX ผ่านแพลตฟอร์มที่เรียกว่า“ZipWorld”เปิดการซื้อขายสินค้าบนโลกดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ
โดยจะมีการนำเทคโนโลยี NFT (Non-Fungible Tokens) มาสู่ผู้ใช้งานทั่วไปได้ง่ายขึ้น โดยจะเปิดให้ลูกค้าใช้ ZIPMEX Token (ZMT) เป็นเครื่องมือในการแลกเป็นสินค้าหรือบริการที่จับต้องและสัมผัสได้จริง
ต่อกันที่ ‘ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์’ ใช้พื้นที่โซน MUNx2 (มัน มัน) ร่วมกับพันธมิตรเปิดตัวคาเฟ่ที่ใช้จ่ายผ่านสกุลเงินดิจิทัล “The Moon : Crypto & NFT Café” แห่งแรก เป็นคอมมูนิตี้สำหรับคนรุ่นใหม่ให้เข้ามาสัมผัสและเรียนรู้โลกคริปโทฯ กับผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ บนพื้นที่ Co-Trading Space ซึ่งจะมีข้อมูลเกี่ยวกับเหรียญต่าง ๆ ให้เลือกเทรด แกลลอรี่งานศิลปะที่ลอกเลียนแบบไม่ได้ หรือ NFT Gallery การลงทุนในการขุดเหรียญคริปโทฯ จาก EVO project และ Cafe รูปแบบคริปโทฯ จาก I Learn A Lot พร้อมฉากถ่ายรูปตามแบบฉบับของ BitToon คลาสอบรมเกี่ยวกับคริปโทฯ เป็นการปูทาง ก่อนต่อยอดในมิติต่างๆ
ล่าสุด ยักษ์ใหญ่ในวงการค้าปลีกอย่าง ‘เดอะมอลล์ กรุ๊ป‘ ลงมาเล่นเต็มตัว ด้วยการจับมือกับ บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ฯ ร่วมทุนจัดตั้ง “บริษัท บิทคับ เอ็ม จำกัด” ในสัดส่วน 50:50 เพื่อร่วมลงทุนและบริหาร บิทคับ เอ็ม โซเชียล ( BITKUB M SOCIAL) ให้เป็นดิจิทัลคอมมูนิตี้ (Digital Communiy) แห่งแรกของเมืองไทยที่จะเป็นศูนย์กลางของการแลกเปลี่ยน ความรู้ การจัดสัมมนาและการประชุม ทางด้านเศรษฐกิจดิจิทัล
BITKUB M SOCIAL จะเป็นดิจิทัล คอมมูนิดี้ ของผู้ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Community) แห่งแรกของประเทศไทย บนพื้นที่กว่า 2,000 ตารางเมตร ณ บริเวณชั้น 8-9 โซนฮีลิกซ์ ควอเทียร์ อาคาร A ดิ เอ็มควอเทียร์
BITKUB M SOCIAL ประกอบไปด้วยศูนย์การเรียนรู้ อบรม สัมมนา ห้องประชุม เอ็นเอฟทีแกลเลอรี่ (NFT Gallery) ร้านค้า คาเฟ่ และบาร์ พร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยตอบโจทย์นักลงทุนและผู้ที่สนใจในสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ พบปะ แลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้สำหรับคนรุ่นใหม่ ทั้งในเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัล, เศรษฐกิจ และไลฟ์สไตล์ เป็นต้น
สรุปง่ายๆ โปรเจค The Mall Group x Bitkub
นอกจากกลุ่มค้าปลีกแล้ว ยังขยายไปยังธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เมื่ออีกหนึ่งยักษ์ใหญ่อย่าง อนันดา ดีเวลลอปเม้นตท์ โดยนายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นตท์ จํากัด (มหาชน) กล่าวว่า ในฐานะของผู้นําการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ติดสถานีรถไฟฟ้าได้เล็งเห็นถึงกระแสการ เปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตและพฤติกรรมของผู้บริโภคในทุกมิติเข้าสู่ยุคของการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี และสังคมแห่งนวัตกรรม โดยเทคโนโลยีบล็อคเชนได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกอย่างก้าวกระโดด ซึ่งหน้าที่ของเราคือการทําความเข้าใจและปรับตัวให้ทันกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปรวดเร็ว
ทั้งนี้ บริษัทได้เริ่มมีเปิดรับ Digital asset และพัฒนาช่องทางการชําระเงินโดยนํา Cryptocurrency มาใช้ ชําระเงินสําหรับการซื้อขายบ้านและคอนโดมิเนียมใกล้รถไฟฟ้าของอนันดาฯ เป็นรายแรกของไทย โดยลูกค้า สามารถใช้เหรียญคริปโทฯ ชําระแทนเงินสดกับทุกโครงการของอนันดาฯ ผ่าน Wallet ของบิทคับ เพื่อเพิ่ม ความสะดวกสบายให้กับลูกค้าในแง่ของการจ่ายเงิน ซึ่งเป็นการมอบสิทธิพิเศษให้กับกลุ่มลูกค้าของอนันดาฯ และสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจในการแลกเปลี่ยนผ่านสกุลเงินคริปโทฯ นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของ อสังหาริมทรัพย์ไทยที่เป็นการปรับตัวสู่สังคมแห่งนวัตกรรมและเทคโนโลยี
นอกจากค่ายอนันดาฯ SC Asset คืออีกหนึ่งค่ายที่เล็งเห็นโอกาสดังกล่าวจาก Cryptocurrency ด้วยการจับมือ Zipmex แพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำของประเทศและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เปิดให้ซื้อบ้าน คอนโดผ่าน 5 สกุลเงินดิจิทัล พร้อมมีโรดแมพ ออก Morning Coin, ICO, และ NFT ในอนาคต
นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน market cap ของคริปโตฯ มีมูลค่ามากกว่า 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเติบโตจากปี 2562 ถึง 10 เท่า และเติบโตควบคู่ไปกับจำนวนผู้ใช้คริปโตฯ โดยที่ต้นปี 2564 มีจำนวนผู้ใช้มากกว่า 100 ล้านคน เพิ่มจากเดิม 35 ล้านคนในเวลา 2 ปี และมีการคาดการณ์จากกลุ่ม SFA (Singapore FinTech Association) ว่าจะเติบโตจาก 100 ล้าน เป็น 300 ล้านคน ณ ปลายปี 2564 การที่ผู้ใช้มีความคุ้นชิน ได้รับความสะดวก และมีความเชื่อมั่นที่มากขึ้นในสินทรัพย์ดิจิตอล โดยเฉพาะในกลุ่ม Young Generations จะทำให้คริปโตฯ ได้รับความนิยมมากขึ้นอีกในอนาคต จึงนับเป็นอีกหนึ่งความปกติใหม่ (New Normal)
ทั้งนี้จากจำนวนผู้ใช้ Cryptocurrency ที่มากขึ้น และดีมานด์ของอสังหาฯ ที่สูงขึ้นจากการเปิดประเทศ จะเป็นลมส่งสำคัญที่ขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาฯ ในปี 2565 บริษัทจึงร่วมกับพาร์ตเนอร์ธุรกิจที่แข็งแกร่งอย่าง Zipmex แพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำของประเทศและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อำนวยความสะดวกลูกค้าโดยเปิดรับ 5สกุลเงินดิจิทัลซื้อบ้านและคอนโดทุกแห่ง รองรับการขยายฐานกลุ่มลูกค้าอนาคตทั้งในไทยและต่างประเทศ เริ่มวันที่ 1 ธ.ค. เป็นต้นไป
โดยโครงการเพื่อขายทั้งหมดจะทำให้บริษัทมี inventory สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ มูลค่ารวม 24,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านและคอนโดของ SC Asset รวมถึงคอนโด Scope บริษัทในเครือ พร้อมรองรับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังมีพันธมิตรกลุ่ม BDMS และ สายการบิน Bangkok Airways เข้าร่วมด้วยเช่นกัน โดยได้มีการประกาศในงานแถลงข่าวว่า สายการบิน Bangkok Airways เตรียมจับมือกับ Bitkub ในการรับ Digital Asset ในการชำระเงิน โดยจะเริ่มรับที่สำนักงานใหญ่วิภาวดีรังสิต เป็นที่แรกวันที่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นไป