Biznews

สายบิวตี้ช็อก ‘NYX’ ประกาศปิดทุกสาขาทั่วไทย 1 ธ.ค.นี้

NYX แบรนด์เครื่องสำอางชื่อดังจากประเทศสหรัฐอเมริกา ได้โพสต์ข้อความประกาศผ่านทางแฟนเพจเฟซบุ๊ก NYX Professional Makeup Thailand ระบุว่า

“ถึงสาวกนิกซ์ที่รักทุกคน ทางแบรนด์ NYX Professional Makeup Thailand มีความเสียใจที่ต้องแจ้งให้ทราบว่า ช็อปนิกซ์ทุกสาขาจะปิดให้บริการในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 นี้เป็นวันสุดท้าย

ทางแบรนด์ขอขอบคุณจากใจ ในความรักและแรงบันดาลใจที่ได้รับจากสาวกนิกซ์ทุกคนตลอดเวลาที่ผ่านมา และนี่ไม่ใช่การบอกลานะคะซิส ! ทุกคนยังสามารถติดตามอัปเดตจากเราได้ที่ Instagram : @nyxcosmetics”

สำหรับ NYX ก่อตั้งโดย สาววัย 25 ปี  นามว่า Toni Ko  ซึ่งครอบครัวของเธออพยพจากเกาหลีมาอยู่ที่สหรัฐอเมริกา และเริ่มต้นเปิดร้านขายเครื่องสำอางที่รัฐแคลิฟอร์เนียในปี 1986 ก่อนจะกลายเป็นผู้ค้าส่งในเวลาต่อมา

 

Toni Ko มองเห็นช่องว่างทางการตลาด ได้ยืมเงินจากพ่อแม่ 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 8 ล้านบาท ก่อตั้ง NYX Cosmetics ในปี 1999  จากการมีพนักงานคนเดียวเท่านั้นคือเธอที่ทำทุกอย่างจนในที่สุดผลิตภัณฑ์แรกของ NYX ก็ถือกำเนิดนั่นคือ อายไลเนอร์ ที่มีราคาเพียงแค่แท่งละ 2 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่แบรนด์อื่นในตลาดอย่าง MAC ในขณะนั้นขายถึงแท่งละ 10 ดอลลาร์สหรัฐ เธอทำยอดขายในปีแรก 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 60 ล้านบาท มากเกินพอสำหรับการใช้หนี้พ่อแม่ที่ยืมมาและสามารถพา NYX เข้าไปอยู่ในทุกสาขาของ Sephora

ในปี 2014 NYX ได้ขายกิจการให้ L’Oréal ด้วยมูลค่ากว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 15,000 ล้านบาท
และนั่นส่งผลให้ Toni Ko ในวัย 41 ปี ติดอันดับผู้หญิงที่รวยที่สุดด้วยตนเองในสหรัฐอเมริกาลำดับที่ 57 จากนิตยสาร Forbes ด้วยมูลค่าทรัพย์สินกว่า 270 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 8,000 ล้านบาท

สำหรับ ประเทศไทย  NYX  มีสาขาแฟลกชิพสโตร์ที่สยามสแควร์วัน ถือเป็นการเปิดแฟลกชิพสโตร์ของเอเชีย เป็นแห่งที่ 2 ของโลก เนื่องจากไทยเป็นตลาดที่แข็งแกร่ง ระดับต้นๆในเอเชีย

ถือเป็นอีกตัวอย่างของหนึ่งในผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จระดับโลก จากโอกาสที่เธอเห็น แล้วไม่ยอมปล่อยให้ผ่านไป แต่  “Just do it”  โดยเริ่มต้นจาก Passion ในธุรกิจที่คุณทำ และความสำเร็จก็จะตามมาเอง..

 

Related Articles

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Back to top button
X
%d bloggers like this: