Biznews

สมรภูมิ Luxury Outlet เดือด! วัดขุมกำลัง ‘สยามพิวรรธน์’ดับเครื่องชน’เซ็นทรัล’

เปิดให้บริการใกล้จะครบ 1 ปีเต็มสำหรับ’เซ็นทรัล วิลเลจ’ Luxury Outlet แห่งแรกของไทยภายใต้การบริหารของยักษ์ค้าปลีกอย่างกลุ่มเซ็นทรัล ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ถือว่าสร้างความแปลกใหม่ในการมีเอาท์เล็ตเทียบชั้นเมืองนอกให้แวดวงรีเทลสายแบรนด์แฟชั่นได้พอสมควร และเป็นทางเลือกใหม่ที่สำคัญให้กับคอแฟชั่นไทยที่ไม่อยากจ่ายแพง  ซึ่งแม้ว่าในช่วงแรกจะต้องเผชิญกับปัญหาสารพันกว่าจะเปิดให้บริการได้แต่ก็สามารถฝ่าฟันอุปสรรคมาได้สำเร็จ

โครงการ #CentralVillage Luxury Outlet ผู้นำเจ้าแรกของไทยหลังเปิดตัวเมื่อวันที่ 31 ส.ค. 62 โดยวันแรกมีผู้เข้ามาใช้บริการล้นหลาม  เนื่องจากเป็นโครงการ Luxury Outlet แห่งแรกของเซ็นทรัลพัฒนา หลังจากที่สร้าง Shopping Mall ทั้งหมด 33 ศูนย์ฯ ทั่วประเทศ จนโด่งดังไปทั่วประเทศมาเกือบ 40 ปี ตั้งแต่เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ จนถึงเซ็นทรัลภูเก็ต

 

โดยต่อมาเซ็นทรัล วิลเลจ ได้มีพันธมิตรต่างชาติคือ Mitsubishi Estate Asia บิ๊กอสังหาฯ ระดับโลกจากญี่ปุ่นที่มีบริษัทในเครือเป็นผู้พัฒนาเอาท์เล็ตกว่า 9 แห่งทั่วญี่ปุ่น อาทิ โกเทมบะ ริงกุ ชิซุย มาช่วยเสริมทัพ

 

เซ็นทรัล วิลเลจ มีขนาดพื้นที่ 40,000 ตร.ม.หรือประมาณ 100 ไร่ เป็นอาคารแนวราบสไตล์หมู่บ้านตามหลักอาคารเชิงพาณิชย์ ตกแต่งด้วยบรรยากาศร่มรื่นสวยงามแบบธรรมชาติและสถาปัตยกรรมสไตล์ไทยโมเดิร์น
อยู่ห่างจากสนามบินประมาณ 10 นาที และห่างจาก CBD ประมาณ 30-40 นาทีมีที่จอดรถกลางแจ้งถึง 1,500 คัน มูลค่าโครงการประมาณ 5,000 ล้านบาท

เพื่อไม่ให้เสียชื่อกลุ่มเซ็นทรัล ‘เซ็นทรัล วิลเลจ’ขนทัพ แบรนด์ดังชั้นนำมาให้คนไทยช้อปถึงที่ อาทิ  COACH, KATE SPADE, MICHAEL KORS, CALVIN KLEIN, JIM THOMPSON โดยมีแบรนด์ที่ Exclusive เฉพาะที่เซ็นทรัลวิลเลจเท่านั้น ได้แก่ POLO RALPH LAUREN, SALVATORE FERRAGAMO, CHLOÉ, JIMMY CHOO, MOSCHINO, VALENTINO, KENZO, ERMENEGILDO ZEGNA, MARIMEKKO, ETRO, TOMMY HILFIGER, VICTORIA’S SECRET

นอกจากแบรนด์แฟชั่นชั้นนำแล้ว เซ็นทรัล วิลเลจยังมีร้านอาหารกับร้านค้าต่างๆ เปิดให้บริการ พร้อมด้วยซูเปอร์มาร์เก็ต ฟู้ดคอร์ท ร้านนวดสปา ร้านทำเล็บ ร้านขายยา ชานมไข่มุก กาแฟดริป ของเล่น สนามเด็กเล่น ฯลฯ เรียกได้ว่าครบทุก category

 

ขณะที่แบรนด์คู่แข่งที่กำลังจะเปิดในวันพรุ่งนี้ (19มิ.ย.2563) อย่าง ‘Siam Premium Outlets’ ของกลุ่มสยามพิวรรธน์นั้นก็มีความน่าสนใจไม่น้อย

ขาช้อปไฮโซน่าจะคุ้นเคยกับเอาต์เล็ตระดับโลกมาแล้ว  อาทิ Woodbury Common Premium Outlets ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา Gotemba Premium Outlets ที่ญี่ปุ่น Yeoju Premium Outlets ที่เกาหลีใต้

รู้หรือไม่ว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังโครงการเหล่านี้ ก็คือ Simon Property Group บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกอันดับต้นๆ ของโลก มีประสบการณ์ในการให้บริการเอาต์เล็ตมากกว่า 200 สาขาในสหรัฐอเมริกาและยังให้บริการเอาต์เล็ตชั้นนำในหลายพื้นที่ทั่วโลก ทั้งภูมิภาคอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชีย

 

รวมถึง Siam Premium Outlets Bangkok ที่ Simon จับมือกับสยามพิวรรธน์ เจ้าของและผู้บริหารโครงการค้าปลีกระดับประเทศเช่น Siam Paragon, Siam Center, Siam Discovery รวมถึง Iconsiamจัดตั้งบริษัท สยามพิวรรธน์ ไซม่อน จำกัด ด้วยมูลค่าการลงทุน 4,000 ล้านบาทเพื่อพัฒนาและบริหารโครงการนี้โดยเฉพาะ

โครงการ Siam Premium Outlets Bangkok โดดเด่นด้วยแบรนด์หรูระดับโลกไม่แพ้เซ็นทรัล วิลเลจ  แบรนด์ต่างชาติที่กำลังได้รับความนิยม รวมถึงแบรนด์ไทยชื่อดังเริ่มตั้งแต่ Burberry, Balenciaga, Bally, Coach, Furla, Kate Spade, Adidas, Nike, Calvin Klein, Club21, EVEANDBOY, Jim Thompson และแบรนด์สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่จะเผยโฉมเร็วๆ นี้

ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้มาในราคาลดสูงสุดกว่า 70-90% ที่สำคัญ ยังมีส่วนลดพิเศษเพิ่มอีก 10 – 15% เพื่อฉลองการเปิดอย่างเป็นทางการอีกด้วย

นอกจากนั้น ผู้มาใช้บริการยังสามารถเพลิดเพลินกับหลายเมนูอาหารทั้งไทยและเทศด้วยร้านอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำ เช่น Starbucks และ Food Republicรวมทั้งหมดมากกว่า 200 แบรนด์ บนพื้นที่ 50,000 ตารางเมตร

ด้านสถานที่ตั้งของโครงการก็เดินทางไม่ยาก ตั้งอยู่บนทางหลวงพิเศษมอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ – ชลบุรี หมายเลข 7 เดินทางสะดวกเพียง 15 นาทีจากสนามบินสุวรรณภูมิ หรือ 30 นาที จากย่านศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพ

 

 

ที่สำคัญ Siam Premium Outlets Bangkok ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ของ Simon และสยามพิวรรธน์โดยนำโมเดลธุรกิจของ Premium Outlet ที่เคยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าในต่างประเทศมาเป็นต้นแบบแต่ปรับให้เข้ากับบริบทของประเทศไทย โดยใส่เอกลักษณ์ความเป็นไทยเข้าไปในทุกการออกแบบ

จะเห็นได้ว่า ศึก Luxury Outlet  ค่อนข้างสมน้ำสมเนื้อกัน ในฐานะเจ้าถิ่น เมื่อมีผู้มาเยือนต้องรับน้องกันเป็นธรรมดา เราจึงได้เห็นฝั่งเซ็นทรัลวิลเลจประกาศลดราคาสินค้าถึง 90% เพื่อดึงขาช้อปคนไทยมากขึ้นทดแทนกลุ่มนักท่องเที่ยวที่หายไป

ขณะที่ฝั่งผู้มาเยือนอย่างสยามพิวรรธน์งานนี้ก็ไม่ง่าย เพราะมาทีหลังแถมอยู่ในช่วงโควิด นอกจากจะโดนรับน้องใหม่แล้ว ยังเจอปัญหาเดียวกับรุ่นพี่ในเรื่องกำลังซื้อต่างชาติที่หายไป รวมทั้งความท้าทายในฐานะผู้ท้าชิงที่จะสามารถแย่งซีนให้โดนใจลูกค้าคนไทยในช่วงหลังล็อกดาวน์ได้มากน้อยแค่ไหน

เหนือสิ่งอื่นใด  ผู้ที่จะได้รับประโยชน์เต็มๆ  คือ ผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อ ไม่ต้องนั่งเครื่องไปไกลโดยเฉพาะในยามโควิดระบาดที่ต้องหลีกเลี่ยงการเดินทางเช่นเวลานี้…..  

 

Related Articles

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Back to top button
X
%d bloggers like this: