Biznews

สงครามการแย่งม้นสมองหัวกะทิอยู่ที่พื้นที่ทำงานที่ให้ความยืดหยุ่น

ถือเป็นครั้งแรกที่ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรบุคลลทั่วโลกต่างหันมาให้ความสนใจในอสังหาริมทรัพย์ขององค์กร อันเนื่องมาจากความต้องการเฟ้นหาพนักงานที่มีความรู้ความสามารถนั้นเปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน จากผลการศึกษาล่าสุดพบว่ากว่าร้อยละ 87 ของคนทำงานต้องการรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น ต่างจากวิถีเดิมของการทำงานแบบเก้าโมงเช้าถึงห้าโมงเย็น ซึ่งนับเป็นเทรนด์ที่ล้าสมัยแล้ว ทุกคนจึงเริ่มมองหากลยุทธ์สำคัญท่ามกลางสงครามแห่งการแย่งชิงคนเก่งหรือพนักงานที่มีความสามารถสูง ธุรกิจต่างๆ เริ่มมุ่งมั่นนำรูปแบบการทำงานแบบใหม่มาใช้มากขึ้น และสิ่งนี้นำไปสู่การปฏิวัติพื้นที่การทำงานแนวใหม่

การดึงดูด รักษา และสร้างความผูกพันต่อองค์กรให้กับพนักงานที่มีความสามารถนั้นถือเป็นความท้าท้ายประการสำคัญที่ส่งผลต่อธุรกิจทุกขนาด เนื่องจากประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานส่งผลโดยตรงต่อธุรกิจ เป็นที่ยอมรับกันว่าการออกแบบพื้นที่ทำงานได้อย่างเหมาะสมสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับพนักงานได้ ยกตัวอย่างเช่น ซัมซุง ได้เปิดสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ในปีพศ. 2557 พร้อมความคิดที่ว่า “ไอเดียที่ดีที่สุดจะไม่เกิดขึ้นหากนั่งจมอยู่หน้าจอคอมฯ” และยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “อาคารสำนักงานแห่งใหม่นั้น ได้รับการออกแบบมาเพื่อจุดประกายความคิด ไม่ใช่เพียงแค่การสร้างความร่วมมือเท่านั้น แต่เราอาจได้เห็นนวัตกรรมใหม่ๆ จากกลุ่มคนที่มานั่งทำงานร่วมกัน” ขณะที่ Amazon ได้เปิดตัว Spheres สำนักงานแห่งใหม่ในซีแอตเทิล ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในการเติบโตทางธุรกิจ พร้อมกล่าวว่าพื้นที่ทำงานอันน่าประทับใจคือเครื่องมือในการเฟ้นหาพนักงานได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันเหล่าธุรกิจต่างตระหนักดีว่าการทำงานที่มีความยืดหยุ่นช่วยสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขัน ฝ่ายทรัพยากรบุคคลเองก็เริ่มสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงนี้มากขึ้น

จากผลสำรวจนักธุรกิจจำนวนกว่า 18,000 คน ใน 96 บริษัททั่วโลก ได้เผยถึงผลการสำรวจอันน่าสนใจดังนี้

· ร้อยละ 91 เผยว่า พื้นที่ทำงานที่ยืดหยุ่นช่วยให้พนักงานนั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นแม้ใขณะเดินทาง

· ร้อยละ 80 เผยว่า การที่พนักงานสามารถทำงานจากที่ใดก็ได้นั้น ช่วยดึงดูดเละรักษาเหล่าคนเก่งขององค์กรได้เป็นอย่างดี

· ร้อยละ 78 เผยว่า สัดส่วนของบริษัทที่เลือกพื้นที่สำนักงานที่มีความยืดหยุ่น เพื่อให้พนักงานสามารถแวะทำงานจากที่ใดก็ได้ มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น

· ร้อยละ 72 เผยว่า การให้พนักงานสามารถเลือกมีพื้นที่ทำงานที่ยืดหยุ่นได้ในหลากหลายพื้นที่ เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถดึงดูดคนเก่งได้ดียิ่งขึ้น

ผลสำรวจประจำปี ผ่านการสอบถามผู้นำธุรกิจถึงความคิดเห็นที่มีต่อการทำงานแบบยืดหยุ่นในรอบทศวรรษ ชี้ให้เห็นถึงผลลัพธ์ในสองปีที่ผ่านมาว่าเรากำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนอย่างแท้จริง โดยใน พ.ศ. 2559 พบว่าร้อยละ 64 ของผู้ตอบแบบสอบถามให้ความเห็นว่า การให้อิสระแก่พนักงานในการทำงานจากที่ใดก็ได้นั้น สามารถช่วยดึงดูดและรักษาเหล่าคนเก่งขององค์กรได้เป็นอย่างดี ขณะที่ปัจจุบันมีอัตราเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 80 และคาดว่าตัวเลขจะเพิ่มเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มได้ภายในสองปี

คุณควรทำอย่างไรหากพบว่าเจอพนักงานที่เหมาะสมกับงานแล้ว แต่บุคคลนั้นไม่ได้มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ที่มีสำนักงานตั้งอยู่ โดยปกติแล้วคุณอาจโน้มน้าวให้เขาต้องโยกย้ายทั้งบ้านและครอบครัว ซึ่งอาจจะฟังดูล้าสมัยไปแล้ว ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเราต่างใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางยุคแห่งการปฏิวัติทางเทคโนโลยี ซึ่งส่งผลให้อุตสาหกรรมต่างๆ เริ่มเกิดความเปลี่ยนแปลง การก้าวสู่โลกดิจิทัลและการเชื่อมต่อที่เพิ่มขึ้น ทำให้ทุกคนสามารถเดินทางไปที่ใดก็ได้ แต่ยังสามารถเข้าถึงระบบคลาวด์ช่วยอำนวยความสะดวกต่อการแชร์และเข้าถึงข้อมูลได้อย่างปลอดภัยจากทุกที่ ยกตัวอย่างเช่น ในประเทศสหรัฐอเมริกามีจำนวนตำแหน่งงานทีไม่จำเป็นต้องให้พนักงานอยู่ประจำที่เพิ่มสูงขึ้นถึงหนึ่งเท่าตัวนับตั้งแต่ปี 2548 หากในวันนี้คนที่เหมาะกับงานที่สุดไม่ได้อยู่ใกล้กับสำนักงาน ทำไมคุณไม่ขยับไปใกล้พนักงานคนนั้นเสียเอง

เทรนด์ต่างๆ นี้ช่วยชี้ให้เห็นถึงเหตุผลที่องค์กรธุรกิจชั้นนำในเกือบทุกวงการเริ่มนำกลยุทธ์การมอบพื้นที่ทำงานที่มีความยืดหยุ่นมาใช้มากขึ้น ทั้งยังช่วยเพิ่มข้อได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ช่วยดึงดูดเหล่าคนเก่งให้สนใจมาร่วมงานกับองค์กรเท่านั้น แต่ยังเป็นการรักษาคนภายในองค์กรไว้ได้ดีอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ จึงไม่ใช่เพียงหัวหน้าฝ่ายอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทที่จะต้องให้ความสนใจในเรื่องนี้เท่านั้น แต่หัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคลหลายบริษัทต่างก็กำลังผลักดันเรื่องนี้อย่างจริงจังเช่นกัน

ถ้าพนักงานของคุณรักในการทำงานแต่ไม่อยากอยู่ในตัวเมือง ต้องการอยู่ต่างประเทศหรือท่องเที่ยวไปตามประเทศต่างๆ ก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เพราะพวกเขาจะสามารถทำงานได้และคุณก็ยังสามารถรักษาเขาเอาไว้ในองค์กรได้ต่อไป เพียงแค่มอบเครือข่ายพื้นที่ทำงานที่ครอบคลุมไปทั่วโลกอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ พื้นที่การทำงานที่ยืดหยุ่นยังช่วยรักษาพนักงานที่อาจมีเหตุผลให้ต้องออกจากการเป็นพนักงาน เช่น พนักงานที่รับหน้าที่เป็นคุณพ่อ คุณแม่และมีบุตรหลานต้องดูแล หรือพนักงานที่เข้าสู่วัยเกษียณ เป็นต้น อย่างไรก็ตามการนำกลยุทธ์การมอบพื้นที่ทำงานที่ยืดหยุ่นจะช่วยลดระยะเวลาการเดินทาง ทำให้พนักงานที่มีบุตรหลาน สามารถใกล้ชิดบุตรหลานและอยู่ใกล้กับพื้นที่ของศูนย์เด็กเล็กมากขึ้น นับเป็นการแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจขององค์กรในการรักษาพนักงาน อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้พนักงานที่มีอายุสามารถทำงานต่อได้โดยไม่ต้องเดินทางมาสถานที่นั้นจริงๆ

ความมุ่งมั่นดังกล่าวคือการแสดงจุดยืนขององค์กรที่แสดงออกให้พนักงานเห็นอย่างชัดเจน ซึ่งอาจพลิกให้องค์กรนั้นกลายเป็นผู้ได้เปรียบในสงครามการชิงคนเก่งไปโดยปริยาย ทั้งยังส่งผลเชิงบวกต่อธุรกิจอีกด้วย โดยผู้นำในวงการธุรกิจหลายรายต่างระบุในผลการสำรวจว่า

· ร้อยละ 89 เชื่อว่าการมอบพื้นที่การทำงานที่ยืดหยุ่นช่วยให้ธุรกิจเติบโตมากขึ้น

· ร้อยละ 87 เชื่อว่าการมอบพื้นที่การทำงานที่ยืดหยุ่นช่วยเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ

· ร้อยละ 83 เชื่อว่าพื้นที่การทำงานที่ยืดหยุ่นช่วยเพิ่มผลกำไรให้แก่องค์กร

· ร้อยละ 82 กล่าวว่าการมอบพื้นที่การทำงานที่ยืดหยุ่นทำให้องค์กรได้กลายเป็นที่รู้จักในกลุ่มตลาดใหม่ๆ

· ร้อยละ 73 ยังกล่าวว่าการมอบพื้นที่การทำงานที่ยืดหยุ่นช่วยลดความเสี่ยงทางธุรกิจ

พื้นที่การทำงานที่ยืดหยุ่นไม่เพียงช่วยให้คุณสามารถจ้างและรักษาคนเก่งไว้ได้เท่านั้น แต่ยังช่วยให้องค์กรเติบโต เพิ่มการแข่งขันทางธุรกิจ เพิ่มผลกำไร โอกาสในการเข้าสู่ตลาดใหม่ๆและช่วยลดความเสี่ยงทางธุรกิจได้ด้วย จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคลหลายคนถึงได้ผันตัวมาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ขององค์กรด้วย

Related Articles

Back to top button
X
%d bloggers like this: