ลุคใหม่ “สัมมากร”
ด้วยอายุอานามที่ค่อนข้างเก่าแก่เมื่อเทียบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วท่ามกลางการไหลบ่าของเทคโนโลยีที่ยากจะตามได้หากไม่มีการปรับตัวการแข่งขันทางธุรกิจคงทำได้ยากยิ่ง
บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2513 จวบจนปัจจุบัน เป็นเวลา 48 ปีเต็มผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประเภทบ้านจัดสรรเพื่อการอยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 ส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยวพร้อมที่ดิน โดยจนถึงปัจจุบันได้ส่งมอบบ้านแก่ผู้ซื้อแล้วกว่า 6,000 หน่วย
สัมมากร วางเป้าหมายในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการในทำเลที่มีแนวโน้มในการขยายตัวของที่อยู่อาศัยเป็นหลัก เช่น บริเวณจุดตัดระหว่างถนนหลักสำคัญๆ กับทางด่วนที่สามารถเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองได้สะดวก และขยายกลุ่มลูกค้าเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ทันสมัยเพิ่มขึ้น
ล่าสุดเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายดังกล่าว สัมมากรเปิดฉากตั้งแต่ต้นปีด้วยการปรับภาพลักษณ์ทันสมัยขึ้น ผ่านสโลแกนใหม่ “สัมมากร สร้างจากความเข้าใจชีวิต” โดยวางแผนปรับเปลี่ยนทั้งระบบ ได้แก่ วัฒนธรรมองค์กร ภาพลักษณ์ โลโก้ รวมถึงการออกแบบบ้านให้ตอบโจทย์ชีวิตคนรุ่นใหม่ พร้อมรุกการสื่อสารแบรนด์ผ่านสื่อดิจิทัลในทุกแพลตฟอร์ม
นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ปี 2561 คาดว่าเติบโตกว่าปีที่ผ่านมาถึง 6-8% เนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น หลังจากภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศปีที่ผ่านมาการเติบโตไม่สูงนัก ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีมูลค่าติดลบ 5-6% ในขณะที่ผู้บริโภคมีความต้องการในอสังหาริมทรัพย์แต่ขาดศักยภาพทางการเงิน โดยปี 2561 สัมมากรคาดว่า จะมีแนวโน้มเติบโตตามสภาพเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น สัมมากรพร้อมเปิดตัวโครงการใหม่ ครอบคลุมทุกความต้องการของตลาด ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ ซึ่งจะเอื้อให้สัมมากรมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่พร้อมสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ
ทั้งนี้ สัมมากรวางแผนปรับลุค “สัมมากร” ใหม่ จากเดิมภาพลักษณ์ดูเป็นผู้ใหญ่และคอนเซอร์เวทีฟ (Conservative) ให้ดูทันสมัยขึ้น แต่ยังคงจุดเด่นของสัมมากร ความเป็นแบรนด์คุณภาพที่ลูกค้าให้ความไว้วางใจมานานกว่า 48 ปี การสื่อสารจุดเด่นแบรนด์สัมมากรผ่านสื่อรูปแบบใหม่ๆ โดยเฉพาะสื่อดิจิทัลในหลากหลายแพลตฟอร์ม เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค คนรุ่นใหม่ คนวัยทำงาน ครอบครัวใหม่ และครอบครัวขยาย การปรับภาพลักษณ์แบรนด์ สัมมากร ครั้งนี้ ถือเป็นการปรับภาพลักษณ์ครั้งใหญ่เป็นองค์รวมทั้งระบบ โดยปรับใน 3 ส่วนหลัก คือ 1) วัฒนธรรมองค์กร ค่านิยมองค์กร ระบบการทำงานของพนักงาน 2) ภาพลักษณ์ของบริษัท ปรับโลโก้ใหม่ การสื่อสารกับลูกค้า ยูนิฟอร์มพนักงาน และอื่นๆ และ 3) การออกแบบสินค้า ปรับการออกแบบบ้านให้สวยและทันสมัยยิ่งขึ้น โดยยังคงคุณภาพความเป็นสัมมากรไว้ แต่เพิ่มความใส่ใจในรายละเอียดการออกแบบบ้าน ด้วยฟังก์ชันการใช้งานภายในบ้านที่สัมมากรคิดค้นให้ตอบโจทย์ความต้องการ และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ ซึ่งบ้านรูปแบบใหม่ จะพบได้ในโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในปี 2561 นี้
นอกจากนี้ สัมมากร ได้เปลี่ยนสโลแกนใหม่ จากเดิม “เราไม่เพียงแต่สร้างบ้าน เราสร้างสังคม” เป็น “สัมมากร สร้างจากความเข้าใจชีวิต” สะท้อนถึงภาพลักษณ์ใหม่ของสัมมากรที่พัฒนามาจากสโลแกนเดิม คือ ความตั้งใจและนโยบายของสัมมากรที่ต้องการให้ลูกบ้านสัมมากรอยู่ในสังคมที่ดี มีเพื่อนบ้านที่ดี ช่วยเหลือกัน และอบอุ่น นำไปสู่การพัฒนาให้บ้านเป็นพื้นที่แห่งการพักผ่อนของทุกคนในครอบครัวอย่างแท้จริง ซึ่งจะประกอบด้วยองค์ประกอบต่างๆ เช่น ระบบการรักษาความปลอดภัย กฎเกณฑ์การอยู่ร่วมกันภายในหมู่บ้าน การออกแบบบ้านที่ตอบโจทย์การใช้งาน และอื่นๆ เพื่อช่วยลดปัญหาความเดือดร้อนใจให้กับผู้อยู่อาศัย ทั้งนี้ สัมมากร ได้สื่อสารภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ผ่านหนังสั้น 3 ตอน ชื่อ Saturday Life the Series ซึ่งเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียเป็นที่เรียบร้อย
ด้านนายณพน เจนธรรมนุกูล ผู้จัดการทั่วไปสายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงปลายปี 2560 สัมมากรได้เปิดตัว 2 โครงการใหม่ ได้แก่ 1) โครงการสัมมากร อเวนิว สุวรรณภูมิ ในรูปแบบทาวน์โฮม 272 ยูนิต บนพื้นที่ 31 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท และ 2) โครงการสัมมากร อเวนิว ชัยพฤกษ์-วงแหวน ทาวน์โฮม 292 ยูนิตบนพื้นที่ 27 ไร่ มูลค่าโครงการ 930 ล้านบาท ราคาต่อยูนิต เฉลี่ย 3.0-4.0 ล้านบาท โดยในปีนี้ สัมมากร วางแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 3 โครงการ ได้แก่ 1) โครงการออฟฟิศ พาร์ค รามอินทรา-วงแหวน โฮม ออฟฟิศ 4 ชั้น 22 ยูนิต บนพื้นที่ 3 ไร่ มูลค่าโครงการ 143 ล้านบาท ราคาต่อยูนิต เฉลี่ย 6.5 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่เลื่อนเปิดจากปีที่ผ่านมา พร้อมเปิดตัวในไตรมาสแรกของปีนี้ และ 2) โครงการสัมมากร รังสิต คลอง 7 ขยายเฟสใหม่ จำนวน 271 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,270 ล้านบาท ราคาต่อยูนิต เฉลี่ย 3.5-6.0 ล้านบาท โดยวางแผนที่จะเปิดตัวในไตรมาสที่ 3 และ 3) โครงการสัมมากร ชัยพฤกษ์ วงแหวน 2 จำนวน 171 ยูนิต บนพื้นที่ 44 ไร่ มูลค่าโครงการ 971 ล้านบาท ราคาต่อยูนิต เฉลี่ย 4.2-5.2 ล้านบาท คาดว่าพร้อมเปิดตัวไตรมาสที่ 3
ขณะเดียวกัน ธุรกิจศูนย์การค้าขนาดย่อม หรือ คอมมูนิตี้มอลล์ (Community Mall) หลังจากรีแบรนด์อย่างเป็นทางการเมื่อปลายปี 2560 ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งจากผู้เช่าและลูกค้าที่มาใช้บริการ โดยได้ปรับชื่อจาก “เพียวเพลส” เป็น “สัมมากร เพลส” ให้สอดคล้องกับแบรนด์สัมมากร เพื่อให้ภาพลักษณ์ของ สัมมากร เพลส เป็นศูนย์รวมของลูกบ้านสัมมากร สร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของให้กับลูกบ้านสัมมากร นอกจากนี้ ยังปรับเปลี่ยนโลโก้เป็นรูปคล้ายพลุ ถือเป็นการจุดพลุว่า สัมมากร เป็นแลนด์มาร์คของคนในชุมชน เส้นสายของโลโก้ที่มาบรรจบกันสะท้อนถึงความเป็นศูนย์การค้าที่เป็นศูนย์กลางชุมชนและศูนย์รวมของทุกคนในครอบครัว การปรับร้านค้าภายในศูนย์ ปรับรูปโฉมใหม่ และเพิ่มกิจกรรมเพื่อดึงดูดให้ลูกบ้านสัมมากร และลูกค้าในละแวกใกล้เคียงมาจับจ่ายใช้สอยภายในศูนย์มากขึ้น ซึ่งจะทยอยปรับศูนย์การค้า สัมมากร เพลส ให้แล้วเสร็จทั้ง 3 สาขา ได้แก่ รามคำแหง 110 รังสิต คลอง 2 และราชพฤกษ์ ภายในกลางปีนี้
จุดเด่นของศูนย์การค้าสัมมากร เพลส อยู่ที่การให้ความสำคัญกับการสำรวจความคิดเห็น ความต้องการรูปแบบร้านค้า ไลฟ์สไตล์ของคนในชุมชน และสำรวจความพึงพอใจการใช้บริการของลูกค้าอยู่เสมอ เพื่อนำมาพัฒนาและคัดเลือกร้านค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง ปัจจุบันมีผู้เช่ารวมแล้ว 95 % ของพื้นที่และมีพันธมิตรที่ให้ความเชื่อมั่นในแบรนด์สัมมากร เพลส อาทิ แม็คโครฟู๊ดเซอร์วิส วิลล่ามาร์เก็ต แม็กซ์แวลู สตาร์บัคส์ ธนาคารชั้นนำ ฯลฯ ทั้งนี้หลังจากปรับโฉมแล้วเสร็จกลางปี 2561 คาดว่าจะมีจำนวนลูกค้ามาจับจ่ายใช้จ่ายที่ศูนย์การค้า สัมมากร เพลส เพิ่มขึ้น 20%
จากนี้ไปภาพของสัมมากรน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบที่ทันสมัยขึ้น แต่ก็มิได้ละทิ้งดีเอ็นเอของความเป็นสัมมากรแต่อย่างใด