ร้อนตับแล่บ “ทาซากิ” จัดทัพชิงแชร์ตลาดแอร์บ้านและอุตสาหกรรม
หมดยุคขายแอร์หน้าร้อน อุณหภูมิโลกสูงขึ้นทุกปีทำความต้องการเครื่องปรับอากาศพุ่งต่อเนื่องทั้งปี ฝั่งแอร์ไทยหลังปล่อยให้ค่ายใหญ่ๆ ต่างประเทศเดินหน้าทำตลาดไปพักใหญ่ ก็ถึงยุคสร้างแบรนด์ “ทาซากิ” ภายใต้การบริหารงานโดย “บิทไว้ส์” นับเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศรายใหญ่ของไทยและมีประสบการณ์กว่า 30 ปี
โดยที่ผ่านมาเน้นผลิตแอร์ขนาดใหญ่ และ OEM ให้บริษัทชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ทั้งยุโรป อเมริกา แอฟริกา และ เอเชีย ซึ่งในส่วนของโรงงานนั้นมีการลงทุนแล้วกว่า 1,500 ล้านบาท บนพื้นที่ 25 ไร่ ตั้งอยู่ที่ อ.บางพลี จังหวัดสมุทรปราการ สามารถผลิตเครื่องปรับอากาศได้ตั้งแต่ 1 – 4,000 ตันความเย็น กำลังการผลิต 400,000 ชุด / ปีและยังคงลงทุนต่อเนื่อง โดยปีนี้ได้ลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตและอาคารสำนักงานใหญ่เพื่อจัดตั้งเป็นศูนย์ฝึกอบรมระบบปรับอากาศแบบครบวงจร รวมเป็นมูลค่า 300 ล้านบาท เพื่อเดินหน้าในการรุกตลาดใน 2 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มเครื่องปรับอากาศที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมและอาคารขนาดใหญ่ และ กลุ่มเครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัยและธุรกิจขนาดเล็ก (SME) โดยมีแบรนด์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นหัวหอกสำคัญในการทำตลาดคือ ทาซากิ ที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ
ล่าสุด ประกาศจัดทัพชิงแชร์ตลาดเครื่องปรับอากาศบ้านและอุตสาหกรรม ล่าสุดโชว์นวัตกรรมประหยัดพลังงานระดับโลก ตั้งเป้าปีนี้เติบโตกว่า 40% กวาดยอด 1 พันล้านบาท หลังแนวโน้มตลาดสดใสเติบโตต่อเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดทั่วโลกและการขยายตัวด้านเศรษฐกิจและลงทุนของภาครัฐและเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้น
ดร.สมยศ กีรติชีวนันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิทไว้ส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศแบรนด์ ทาซากิ (Tasaki) กล่าวถึงการรุกตลาดในครั้งนี้ว่า บิทไว้ส์ นับเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศรายใหญ่ของไทยและมีประสบการณ์กว่า 30 ปี โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ มุ่งเน้นผลิตแอร์ขนาดใหญ่ และ OEM ให้บริษัทชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ทั้งยุโรป อเมริกา แอฟริกา และ เอเชีย ซึ่งในส่วนของโรงงานนั้นมีการลงทุนแล้วกว่า 1,500 ล้านบาท บนพื้นที่ 25 ไร่ ตั้งอยู่ที่ อ.บางพลี จังหวัดสมุทรปราการ สามารถผลิตเครื่องปรับอากาศได้ตั้งแต่ 1 – 4,000 ตันความเย็น กำลังการผลิต 400,000 ชุด / ปี
แบรนด์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นหัวหอกสำคัญในการทำตลาดคือ ทาซากิ ที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ให้การยอมรับในด้านคุณภาพและเทคโนโลยีการประหยัดพลังงาน ส่วนแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปีนี้บริษัทฯ ได้มีการลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตและอาคารสำนักงานใหญ่เพื่อจัดตั้งเป็นศูนย์ฝึกอบรมระบบปรับอากาศแบบครบวงจร รวมเป็นมูลค่า 300 ล้านบาท เพื่อเดินหน้าในการรุกตลาดใน 2 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มเครื่องปรับอากาศที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมและอาคารขนาดใหญ่ และ กลุ่มเครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัยและธุรกิจขนาดเล็ก (SME)
โดยในกลุ่มเครื่องปรับอากาศที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมและอาคารขนาดใหญ่นั้น ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล โรงแรม สนามบิน สถานที่ราชการ ฯลฯ ซึ่งต้องใช้เครื่องปรับอากาศขนาด 100 ตันความเย็น ขึ้นไป โดยจะเน้นไปที่กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศแบบรวมศูนย์ วีอาร์เอฟ (VRF – Variable Refrigerant Flow) ซึ่งเป็นระบบปรับอากาศที่สามารถติดตั้งเครื่องส่งลมเย็นหลายชุดโดยมีชุดระบายความร้อนเพียงชุดเดียวและควบคุมได้จากส่วนกลาง ส่วนของการผลิตนั้นจะเป็นไปตามความต้องการของลูกค้า (Made to Order) โดยทางบริษัทฯ มีทีมงานและวิศวกรผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาและแนะนำแก่ลูกค้าในทุกกระบวนการ ด้านแนวโน้มการเติบโตของตลาดกลุ่มนี้ยังมีการเติบโตได้มากกว่า 20% ต่อปี โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญคือภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนจากภาครัฐและเอกชน
ส่วนกลุ่มเครื่องปรับอากาศสำหรับที่พักอาศัยและธุรกิจขนาดเล็ก (SME) ระดับ 9,000-60,000 BTU ถือเป็นกลุ่มใหญ่ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมีจำนวนมากตามจำนวนครัวเรือนและธุรกิจขนาดกลางและเล็กที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นในทุกปี ประกอบกับอุณหภูมิความร้อนของอากาศที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้การทำตลาดเครื่องปรับอากาศไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เฉพาะฤดูร้อน