“รุ่นก่อนทำไว้ดี เราต้องทำให้ดีกว่า” ชยพล หลีระพันธ์ ทายาท “เย็นตาโฟเครื่องทรง”
ชื่อเสียงของ “ปอนด์-ชยพล หลีระพันธ์ ลูกชายคนโตวัย 35 ปี ของ “อ.มัลลิการ์ (ธรรมวัฒนะ) หลีระพันธ์” ” โด่งดังเป็นที่รู้จักในสังคมวงกว้าง หลังจากเปิดตัวเป็นแฟนกับนางเอกสาวคนดัง “นุ้ย-สุจิรา อรุณ-พิพัฒน์” นางสาวไทยประจำปปี 2544 ทั้งๆที่ ความจริงแล้วในแวดวงธุรกิจร้านอาหารรู้จักหนุ่มคนนี้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว เพราะนอกจากเขาจะเป็นทายาทสืบทอดธุรกิจร้านอาหารหลายร้อยล้านบาทในเครือมัลลิการ์ อินเตอร์ ฟู๊ด จำกัด เขายังได้รับเสียงชื่นชมในฐานะนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงอีกด้วย
“ปอนด์-ชยพล” ในฐานะกรรมการบริหารและผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจองค์กร บริษัท มัลลิการ์ อินเตอร์ฟู๊ด จำกัด ผู้บริหารร้านอาหารในเครือมัลลิการ์ บอกเล่าว่า เจน 2 อย่างเขาได้วางแผนงานระยะสั้นและระยะยาว โดยระยะสั้นคือการเพิ่มจำนวนสาขาแฟรนไชส์ให้มากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ ส่วนแผนระยะยาวคือ การนำแบรนด์เอกอย่างเย็นตาโฟเครื่องทรงไปเปิดสาขาในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจา โดยประเทศที่สนใจคือเวียดนาม กัมพูชา และสิงค์โปร์ คราดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างองค์กรให้เติบโต และลดความเสี่ยงจากการทำตลาดเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น ตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้จากแฟรนไชส์จากต่างประเทศไว้ที่ 20-30% ภายใน 5 ปี
นอกจากนี้ ยังวางแผนในการขยายธุรกิจด้วยการเปิดแบรนด์ใหม่เพื่อสร้างความหลากหลาย ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 6 แบรนด์ คาแรคเตอร์แตกต่างกันออกไป
ล่าสุด เตรียมเปิดแบรด์ใหม่เป็นแบรนด์ที่ 7 คือร้านของชอบ เป็นร้านขายของฝากของมัลลิการ์ทั้งหมด ได้แก่ ขนมครก ขนมถ้วยโบราณ สาคูไส้หมู และปาท่องโก๋สังขยา ซึ่งเป็นร้านในรูปแบบคีออส สาขาแรกที่ร้านเย็นตาโฟเครื่องทรง สาขามอเตอร์เวย์ฝั่งขาเข้า ในเดือนสิงหาคมนี้ และอยู่ระหว่างเปิดคีออสในห้างสรรพสินค้าด้วย
อย่างไรก็ตาม เพื่อฉลองครบรอบ 20 ปี ของแบรนด์ ร้านเย็นตาโฟเครื่องทรง ในเดือนสิงหาคมนี้ ได้จัดแคมเปญ “ 20 ปีเย็นตาโฟเครื่องทรง อร่อยสุดฟิน ลุ้นกินฟรีตลอดปี” โดยมอบควาทสุขให้ผู้บริโภค 3 ชั้น จากเซ็ทเมนูอาหารชุดอิ่มสุดฟิน มี 4 เมนูยอดฮิตคือ เย็นตาโฟเครื่องทรง เกี๊ยวกุ้งกรอบ ไอติมมะม่วง น้ำเก๊กฮวย
สุขชั้นที่ 1 มอบส่วนลดจากเซ็ทอิ่มสุดฟิน 20% จากราคาปกติ 275 บาท เหลือ 220 บาท สุขชั้นที่2 รับสิทธิ์ในการลุ้นโชครับประทานเย็นตาโฟฟรี สูงสุด 365 ชาม หรือ 180 ชาม 90 ชาม และ 30 ชาม รวมทั้งสิ้น 33 รางวัล มูลค่ารวมกว่า 150,000 บาท และสุขชั้นที่3 ได้ร่วมบริจาคเงินจากเซ็ทอิ่มฟินทุกเซ็ท เซ็ทละ 20 บาท เพื่อนำไปเป็นทุนสำหรับซื้อเตียงให้เคมีบำบัดสำหรับเด็ก จำนวน 8 เตียง มูลค่ารวม 560,000 บาท มอบให้กับกองทุนอาคารเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษามหาราชินี มูลนิธิโรงพยายาลเด็ก สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี
ซึ่งแคมเปญดังกล่าวจะมีขึ้นที่ร้านเย็นตาโฟเครื่องทรง โดย อ.มัลลิการ์ ทุกสาขาตลอดเดือนสิงหาคม 2561 ยกเว้นสาขาอิมแพ็คเมืองทองธานี สนามบินดอนเมือง สนามบินอุดรธานี และสาขาโพนต้อง ในสาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว
ในส่วนของการขยายสาขาธุรกิจร้านอาหารในเครือ ภายในครึ่งปีหลังสำหรับแบรนด์เย็นตาโฟเครื่องทรงซึ่งเป็นแบรนด์หลักของกลุ่มจะเปิด 2 สาขาใหม่ แบ่งเป็นร้านสแตนด์อะโลน 1 สาขา ได้แก่ สาขา WISDOM สุขุมวิท 101 ในเดือนตุลาคมนี้ และสาขาในสถานีบริการน้ำมัน 1 สาขาได้แก่ ปตท.เลียบด่วนรามอินทรา ในเดือนธันวาคม 2561
บริษัท มัลลิการ์ อินเตอร์ฟู๊ด จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 18 พฤษภาคม 2544 มีวัตถุประสงค์เพื่อบริหารจัดการและประสานงานธุรกิจร้านอาหารในเครือ อ.มัลลิการ์ ให้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนอนุรักษ์และคงไว้ซึ่งคุณประโยชน์ของอาหารไทยให้ชาวไทยและชาวต่างชาติได้รู้จัก
และหันมาบริโภคอาหารไทยให้แพร่หลายที่สุด ตอบสนองนโยบายของภาครัฐที่ต้องการยกระดับอาหารไทยให้เป็นอาหารที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพและมีคุณค่าได้รับการยอมรับของประชาชนทั่วโลก หรือ ที่เรียกว่า “ครัวไทย สู่ครัวโลก”
ร้านอาหารที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทประกอบด้วย ร้าน อ.มัลลิการ์ ให้บริการครั้งแรกเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2537 โดยเริ่มจากสาขาแจ้งวัฒนะ ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างดีจากลูกค้าจำนวนมาก แต่เนื่องด้วยสภาพพื้นที่ที่จำกัดไม่สามารถรองรับลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นได้ อ.มัลลิการ์ จึงได้ย้ายมาเปิดให้บริการที่สาขาเกษตร-นวมินทร์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2544 จนถึงปัจจุบัน
ร้าน อ.มัลลิการ์ สาขาสนามกอล์ฟลองเวียน ประเทศลาว เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2556 ภายในสนามกอล์ฟลองเวียนที่มีเนื้อที่กว่า 7,000 ไร่ ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศลาว โดยให้บริการอาหารไทย และ นานาชาตินับ 100 เมนูคุณภาพ
ร้านเย็นตาโฟเครื่องทรง โดย อ.มัลลิการ์ เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2541 ที่ซอยรัชดานิเวศน์ แยกเหม่งจ๋าย ก่อนจะขยายบริการไปอีกหลายสาขา ต่อมาใน พ.ศ. 2544 ร้านเย็นตาโฟเครื่องทรงได้พัฒนารูปแบบการบริการและตกแต่งร้านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพื่อพัฒนาร้านสู่ระบบมาตรฐานแฟรนไชส์ ยังคงรักษารสชาติที่จัดจ้าน การบริการเฉพาะเส้นใหญ่ เสิร์ฟมาในชามตราไก่ใบใหญ่ กับการแต่งร้านด้วยโทนสีแดงเพื่อให้สัมผัสถึงความเป็นเย็นตาโฟสัญชาติไทย ทันสมัยแบบอนุรักษ์ ปัจจุบันมีสาขาเปิดให้บริการทั้งสิ้น 35 สาขา ในประเทศไทย 34 สาขา และต่างประเทศคือ ประเทศลาว 1 สาขา ( สาขาแฟรนไชส์จะมี 3 สาขา คือ ที่สนามบินดอนเมือง 2 สาขา / สนามบินอุดรธานี 1 สาขา )
ร้านเรือนมัลลิการ์ ด้วยจุดเด่นของร้านอาหารไทย ที่คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์แห่งวัฒนธรรม ” กินอย่างไทย อยู่อย่างไทย ” เปิดให้บริการ 2 สาขา ได้แก่ * เรือนมัลลิการ์ สาขาสุขุมวิท เปิดให้บริการเป็นสาขาแรก เมื่อ 23 กันยายน 2545 * เรือนมัลลิการ์ สาขาคริสตัลดีไซน์เซ็นเตอร์ เปิดให้บริการ เมื่อ 9 มีนาคม 2553
ร้านปังยิ้ม คาเฟ่แอนด์เบเกอรี่ โดย อ.มัลลิการ์ เปิดให้บริการเมื่อ 29 พฤษภาคม 2547 จุดเด่นของร้านนอกจากขนมปังการ์ตูนเนื้อนุ่มไส้แน่นๆที่วาดรอยยิ้มด้วยช็อคโกแลต และเบเกอรี่สดใหม่สารพันชนิดไร้สารกันบูด ให้บริการอาหารเช้า อาหารกลางวัน ตลอดจนอาหารว่างสไตล์ไทยและเทศให้เลือกอิ่มอร่อย อารมณ์ดี ที่..ปังยิ้ม” ได้ตลอดวัน
ร้าน ปาป้าปอนด์ พิซซ่า พาย แอนด์ พาสต้า ( PaPaPond Pizza Pie & Pasta ) เปิดให้บริการเมื่อ 21 พฤษภาคม 2550 เป็นร้านอาหารไดเนอร์ฟู๊ดจานด่วน ปัจจุบัน เปิดให้บริการ 2 สาขา ได้แก่ สาขาเอสพลานาด รัตนาธิเบศร์ และสาขาเกษตร-นวมินทร์ ภายในร้าน อ.มัลลิการ์
ร้าน คุ้มกะตังค์ โดย อ.มัลลิการ์ เปิดให้บริการเมื่อ 20 กรกฎาคม 2559 ที่ สถานีบริการน้ำมันปิโตรเลียม อเวนิว แจ้งวัฒนะ
ในฐานะเจน 2 ของตระกูล “ปอนด์-ชยพล” บอกว่า จุดอ่อนของธุรกิจที่รุ่นพ่อแม่สรา้งมากับมือคือต้นทุนสูง เนื่องจากคุณแม่คือ อ.มัลลิการ์ต้องการฝห้ลุูกค้าบริโภคจของดีมีประโยชน์ ทำให้ยากในการควบคุมต้นทุนและโลเกชั่นที่ค่อนข้างเสียเปรียบคู่แข่ง แต่ในจุดอ่อนก็มีจุดแข็งนั่นคือเอกลักษณ์ของาหารไทยที่คนทั่วไปรู้จักเป็นอย่างดีทั้งคนไทยและต่างชาติ
“ปอนด์-ชยพล” ย้ำว่า รุ่นพ่อแม่ทำธุรกิจมาแล้วอย่างดี ในฐานะที่เขาเข้ามาสานต่อกิจการก็ต้องทำให้ดียิ่งๆ ขึ้น ภายใต้หลักในการบริหารงานคือ เน้นหลักธรรมาภิบาล ซื่อสัตย์กับลูกค้า การมีพาร์ทเนอร์ที่ดี สิ่งเหล่านี้จะเป็นเสมือนลมใต้ปีกขับเคลื่อนให้ธุรกิจเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน