รีเทลรัชดาคืนชีพ!’พร็อพเพอร์ตี้เพอร์เฟคฯผุดมิกซ์ยูสดึง‘จ๊อดแฟร์’ปั้นไนท์มาร์เก็ต

ย่านรัชดาภิเษก เป็นหนึ่งในทำเลทองที่นักลงทุนมองว่าจะเป็นย่านธุรกิจแห่งใหม่ (CBD) เนื่องจากสามารถเชื่อมต่อถนนพระรามเก้า และถนนเพชรบุรี และมีรถไฟฟ้าตัดผ่าน 3 สาย คือ สายสีน้ำเงิน แอร์พอร์ตเรลลิงก์ และสายสีส้ม (ในอนาคต) รวมถึงเป็นแหล่งทราฟฟิกสูงจากห้าง อาคารสำนักงาน และที่อยู่อาศัย จึงทำให้ ‘พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค’ หนึ่งในยักษ์ใหญ่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์งัดที่ดินในมือมาพัฒนาเป็นตึกมิกซ์ยูส รองรับการเติบโตในอนาคต
นายศานิต อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า เพอร์เฟคมองการลงทุนสร้างการเติบโตให้แก่บริษัทฯ ผ่านการสร้างรายได้ประจำ ที่ผ่านมาเพอร์เฟคสนใจเข้ามาในตลาดรีเทล และได้ลงทุนใน บมจ.วีรีเทล ในสัดส่วน 100%
ขณะที่เพอร์เฟค มีสิทธิ์ที่ดินจากการเช่าระยะยาว 20 ปี จากแลนด์ลอร์ดรายใหญ่รัชดาภิเษก จึงนำที่ดินริมถนนรัชดาภิเษก บริเวณติด MRT สถานีศูนย์วัฒนธรรม รวม 13 ไร่ มาพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูส ประกอบด้วย อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้าในอาคาร และพื้นที่กลางแจ้งโดยมีงบลงทุน 7,000 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าก่อสร้าง 2,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นค่าที่ดิน และค่าเช่า 20 ปี
ไฮไลต์โครงการมิกซ์ยูสดังกล่าว คือ การประกาศความร่วมมือกับ “จ๊อดแฟร์” ผู้บริหารตลาดรถไฟศรีนครินทร์ และตลาดจ๊อดแฟร์ ซึ่งจ๊อดแฟร์จะเข้ามาบริหารพื้นที่รีเทลทั้งหมดของโครงการ เพื่อปั้นไลฟ์สไตล์มอลล์ เป็นแหล่งรวมอาหารสตรีทฟู้ด และตลาดกลางคืน (Night Market) หลังจากจ๊อดแฟร์สามารถบริหารไนท์มาร์เก็ตของตนเองให้ติด 1 ใน 5 ของแหล่งท่องเที่ยว กทม.ที่นักท่องเที่ยวค้นหามากที่สุด ตามข้อมูลจาก Grab โดยคาดว่าโครงการมิกซ์ยูสย่านรัชดาแห่งนี้จะสามารถเปิดบริการได้ภายในปี 2567
เบื้องต้น เพอร์เฟค เตรียมขอต่อสัญญาเช่าพื้นที่รัชดากับแลนด์ลอร์ดเจ้าของที่ดินอีก 10 ปี รวมเป็น 30 ปี และตั้งเป้าขยับพอร์ตรายได้ส่วนรีเทลเป็น 30% ภายในปี 2569 ซึ่งจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2567 และประเมินว่าจะถึงจุดคุ้มทุนได้ภายใน 1 ปี
อย่างไรก็ดี หากโมเดลมิกซ์ยูส รัชดาภิเษก ที่มีตัวตลาดกลางคืน และไลฟ์สไตล์มอลล์เป็นตัวชูโรงได้รับผลตอบรับดี จะขยายการลงทุนในพื้นที่ฝั่งตรงข้ามโครงการอีก 11 ไร่ หากนับรวมกับการลงทุนโครงการดังกล่าว 13 ไร่ จะเป็น 24 ไร่
นายไพโรจน์ ร้อยแก้ว ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารตลาดรถไฟและตลาดจ๊อดแฟร์ ในฐานะผู้บริหารส่วนรีเทลของโครงการมิกซ์ยูส กล่าวว่า จ๊อดแฟร์จะเป็นผู้บริหารจัดการพื้นที่รีเทลทั้งหมด ประกอบด้วย พื้นที่ร้านค้าภายในอาคาร 25,000 ตร.ม. จำนวน 3 ชั้น มีร้านค้ารวม 928 ร้านค้าโดยวางคอนเซ็ปต์ให้เป็นแหล่งรวมสินค้าและอาหารสตรีทฟู้ด ดึงดูดนักท่องเที่ยว ส่วนพื้นที่กลางแจ้งประมาณ 5.6 ไร่ จะเป็นไนท์มาร์เก็ตแห่งใหม่ มีทั้งพื้นที่เป็นล็อค ร้านค้า และคีออส รวม 798 ร้านค้า วางค่าเช่าในส่วนไนท์มาร์เก็ตไว้ที่ 500 บาท/วัน ส่วนร้านค้าในอาคาร 700 บาท/วัน โดยกลยุทธ์การดึงดูดกลุ่มผู้บริโภค คือ การผลัดเปลี่ยนกิจกรรมตลอดเพื่อให้ผู้ใช้บริการรู้สึกถึงความสดใหม่อยู่เสมอ
สำหรับรูปแบบโครงการ ประกอบด้วย 2 โซน ได้แก่ อาคารสูง 12 ชั้น และพื้นที่ร้านค้าด้านหน้าอาคาร ตัวอาคารมีพื้นที่รวมกว่า 93,000 ตร.ม. แบ่งเป็นพื้นที่สำนักงาน 5 ชั้น 20,000 ตร.ม. พื้นที่ร้านค้า 3 ชั้น 25,000 ตร.ม. พื้นที่จอดรถ 4 ชั้น 33,000 ตร.ม. จอดรถได้ 750 คัน พื้นที่บริการและสัญจร สวน ล็อบบี้อีก 15,000 ตร.ม.
ส่วนพื้นที่สำนักงาน จะเป็นสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค และบริษัทในกลุ่ม เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ โดยรวมพนักงานที่อยู่ตามอาคารสำนักงานต่างๆ เข้ามาอยู่ศูนย์กลางที่เดียวประมาณ 1,000 คน พร้อมสำนักงานขายใจกลางเมือง มีแผนพัฒนาให้เป็นสำนักงานทันสมัย ภายใต้แนวคิด Smart Green Office ทั้งการอนุรักษ์พลังงานเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายในมีทั้งพื้นที่สำนักงานเต็มรูปแบบ และพื้นที่แบบ Co-Working Space พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและสันทนาการที่ตอบสนองการใช้ชีวิตของคนทำงานได้ครบ
ด้านผู้ก่อตั้งและผู้บริหารตลาดรถไฟและตลาดจ๊อดแฟร์ นายไพโรจน์ ร้อยแก้ว เปิดเผยว่า “จ๊อดแฟร์” จะเป็นผู้บริหารจัดการพื้นที่รีเทลทั้งหมด ประกอบด้วย พื้นที่ร้านค้าภายในอาคารขนาด 25,000 ตร.ม. จำนวน 3 ชั้น มีร้านค้ารวม 928 ร้าน แนวคิดหลัก คือการใช้สถาปัตยกรรมเป็นเครื่องบ่งชี้ความแตกต่าง สร้างภาพจำให้ลูกค้าและผู้ที่มาใช้บริการให้เห็นและจดจำได้แม้เห็นเพียงแค่ครั้งเดียว เป็นการนำเอาสถาปัตยกรรมเก่าๆ กึ่งโรงงานเข้ามาใช้ และนำแฟชั่นสมัยใหม่เข้ามาผสมผสานกัน ร้านค้าภายในตัวอาคารจะถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมสำหรับร้านค้าในหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นแนววินเทจ แฟชั่น สตรีท แฟชั่น อาหาร เฟอร์นิเจอร์ ดนตรี งานศิลปะ งานคราฟต์ เป็นต้น
สำหรับพื้นที่กลางแจ้งด้านหน้าอาคาร ประมาณ 5.6 ไร่ จะเป็นไนท์มาร์เกตแห่งใหม่ ที่มีทั้งพื้นที่เป็นล็อก ร้านค้า และร้านในรูปแบบคีออสก์ รวม 798 ร้าน จะใช้รูปแบบของ “จ๊อดแฟร์” เดิมเป็นหลัก และจะเพิ่มเติมในส่วนอื่นๆ อีกหลากหลาย โดยยังคงคอนเซ็ปต์ไนท์มาร์เกตที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในแบบของ “จ๊อดแฟร์” เพื่อให้โดนใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งจะมีทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ