ยนตรกรรม 2 ล้อมอเตอร์เอ็กซ์โป
เปิดฉากแล้วตั้งแต่วันนี้สำหรับงานแสดงรถยนต์สุดยิ่งใหญ่ส่งท้ายปีอย่างมอเตอร์ เอ็กโป ครั้งที่ 34 ภายในงานเต็มไปด้วยยนตรกรรมมากมายหลายแบรนด์ที่ขนทัพรถยนต์รุ่นใหม่ๆ มายั่วกระเป๋าสตางค์กัน วันนี้เราจะพาไปเยี่ยมชมบูทแสดงรถมอเตอร์ไซด์สำหรับคนรักความเร็วสไตล์ 2 ล้อกัน
ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน บริษัทผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ชั้นนำสัญชาติอเมริกันเดินหน้ารุกตลาดประเทศไทยในสัปดาห์นี้ด้วยการจัดแสดงรถมอเตอร์ไซค์ รุ่นตกแต่งพิเศษประจำปี 2018 (2018 CVO™) และตระกูลซอฟเทล (SOFTAIL™) รุ่นใหม่ล่าสุดครั้งแรกในงานมหกรรมยานยนต์ ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์เอ็กซ์โป ครั้งที่ 34
ไฮไลท์เด่นภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป ยังรวมถึงการเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยของรุ่น สตรีท บ๊อบ (2018 Street Bob™) แฟต บ๊อบ (Fat Bob™) เบรกเอาท์ (Breakout™) เดอลุกซ์ (Deluxe™) ซอฟเทล สลิม (Softail Slim™) โลว์ ไรเดอร์ (Low Rider™) รวมถึงแฟต บอย (Fat Boy™) และเฮอริเทจ คลาสสิก (Heritage Classic™) ซึ่งมาพร้อมการตกแต่งตามความต้องการด้วยระบบโฮลด์ฟาสต์ (Holdfast) ที่มีอุปกรณ์ตกแต่งแบบถอดได้ กระเป๋าติดเบาะที่นั่ง พนักพิงผู้โดยสาร แผงกันลม และอื่นๆ เพื่อเพิ่มความง่ายดายและรวดเร็วให้ผู้ขับขี่สามารถปรับเปลี่ยนรถมอเตอร์ไซค์ของตนเองจากการขับขี่ท่ามกลางจราจรที่หนาแน่นในกรุงเทพฯไปสู่การโลดแล่นบนถนนนอกเมือง
เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 115 ปี ฮาร์ลีย์-เดวิดสันปฏิวัติแนวคิดคัสตอมด้วยการเปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ตระกูล Softail™ ใหม่ล่าสุดจำนวน 8 รุ่นที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาใหม่ทั้งหมดทั้ง Fat bob™, Street Bob™, Breakout™, Deluxe™, Softail Slim™, Fat Boy™, Heritage Classic™ และ Low Rider™ ผนวกรวมสมรรถนะการขับขี่อย่างสมบุกสมบันของ Dyna™ เข้าไว้กับรูปลักษณ์ตกแต่งพิเศษของตระกูล Softail มาพร้อมกับเฟรมที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ เพื่อรองรับพละกำลังมหาศาลของเครื่องยนต์มิลวอกี-เอต 107 (Milwaukee-Eight™ 107) และยังมี อ็อปชั่นเครื่องยนต์ 114 สำหรับบางรุ่น ถือเป็นการผสมผสานจิตวิญญาณแบบคัสตอม และตำนานแบบของแท้ดั้งเดิมเข้ากับความล้ำสมัยและเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 999,000 บาท
รถมอเตอร์ไซค์ CVO™ ปี 2018 ยังคงมอบสไตล์ที่โดดเด่น นวัตกรรมที่ล้ำสมัย และสมรรถนะที่เป็นเลิศแบบฮาร์ลีย์-เดวิดสันให้แก่ลูกค้าต่อไปด้วยการนำเสนอสตรีมไกลด์ (Street Glide™) ซีวีโอ โรด ไกลด์ (CVO Road Glide™) และซีวีโอ ลิมิเต็ด (CVO™ Limited) แต่ละรุ่นเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ตกแต่งสร้างเอกลักษณ์ให้แก่รถมอเตอร์ไซค์ที่ผลิตจำนวนจำกัดได้เองทั้งหมดจากโรงงาน พร้อมการรับประกัน 2 ปีแบบไม่จำกัดระยะทางขับขี่ เริ่มต้นด้วยรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์มาตรฐานจากโรงงานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ฮาร์ลีย์-เดวิดสันเคยผลิตมา และมีเฉพาะตระกูล CVO™ เท่านั้น รถมอเตอร์ไซค์ทั้ง 3 รุ่นได้ยกระดับขุมพลังสครีมมิ่ง อีเกิล (Screamin’ Eagle™) ด้วยเครื่องยนต์ Milwaukee-Eight™ ความจุ 1,923 ซีซี มีแรงบิดสูงสุด 166 นิวตันเมตร รถมอเตอร์ไซค์ CVO™ มีจำนวนการผลิตจำกัดและ ในปีนี้มาพร้อมสีตัวถังที่โดดเด่นที่สุดที่ฮาร์ลีย์-เดวิดสันเคยออกแบบและผลิตมา นอกจากนี้ รถมอเตอร์ไซค์ทั้ง 3 รุ่นยังมีเทคโนโลยีการสื่อสารที่ก้าวล้ำหน้าอย่างอุปกรณ์หูฟังไร้สาย ผู้ขับขี่สามารถใช้หูฟังบลูทูธเพื่อสื่อสารกับระบบอินโฟเทนเมนท์ของตัวรถ ผู้โดยสาร และผู้ขับขี่คันอื่นได้ ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 2,876,000 บาท
ด้านรอยัล เอนฟิลด์ รถมอเตอร์ไซค์คลาสสิคขนาดกลางสายพันธุ์อังกฤษ เปิดตัวมอเตอร์ไซค์รอยัล เอนฟิลด์ คลาสสิค 2 สีใหม่อย่างเป็นทางการได้แก่ รอยัล เอนฟิลด์ คลาสสิค สเตลท์ แบล็ค (Royal Enfield Classic Stealth Black) และรอยัล เอนฟิลด์ คลาสสิค กันเมทัล เกรย์ (Royal Enfield Classic Gunmetal Grey) ในราคา 196,800 บาท พร้อมประกาศราคาและเปิดให้จองรถมอเตอร์ไซค์รอยัล เอนฟิลด์ หิมาลายัน (Royal Enfield Himalayan) ในราคา 169,800 บาท สำหรับ Royal Enfield Himalayan รุ่น Street Edition และราคา 186,300 บาท สำหรับ Royal Enfield Himalayan รุ่น Touring Edition ที่มาพร้อมปี๊บ พลาดไม่ได้กับโปรโมชั่นสุดคุ้มจากรอยัล เอนฟิลด์ ฟรีค่าจดทะเบียน เมื่อซื้อรถเงินสดหรือผ่อนดาวน์เริ่มต้น 0% พร้อมรับ Gift Voucher มูลค่า 10,000 บาท เพื่อนำมาแลกรับสินค้าหรือชุดแต่งพิเศษสำหรับรถมอเตอร์ไซค์รอยัล เอนฟิลด์รุ่นต่างๆ และของสมนาคุณพิเศษภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2017 ตั้งแต่วันนี้ถึง 11 ธันวาคม 2560
เป็น 2 สีใหม่ล่าสุดจากมอเตอร์ไซค์รุ่นคลาสสิค ซึ่งเป็นมอเตอร์ไซค์รุ่นที่ขายดีที่สุดของรอยัล เอนฟิลด์ ในประเทศไทย โดยรอยัล เอนฟิลด์ คลาสสิค สเตลท์ แบล็ค (Royal Enfield Classic Stealth Black) และรอยัล เอนฟิลด์ คลาสสิค กันเมทัล เกรย์ (Royal Enfield Classic Gunmetal Grey) มาในเครื่องยนต์ขนาด 500 ซีซี มอเตอร์ไซค์ทั้ง 2 สีใหม่นี้ได้รับการพ่นสีในสไตล์สีแบบด้าน (Matt Finish) ให้คงความคลาสสิคแต่ยังแฝงไว้ด้วยความดุดัน และติดตั้งดิสก์เบรกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมรถ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของมอเตอร์ไซค์รุ่นคลาสสิคที่ติดตั้งดิสก์เบรกทั้งสองล้ออีกด้วย
ทั้งนี้ มอเตอร์ไซค์รอยัล เอนฟิลด์ รุ่นคลาสสิค เปิดตัวในระดับโลกครั้งแรกในปี 2008 โดยยึดการออกแบบด้วยรูปลักษณ์แบบย้อนยุค สไตล์มอเตอร์ไซค์สัญชาติอังกฤษช่วงยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 คงเอกลักษณ์ของความเป็นมอเตอร์ไซค์อังกฤษในสไตล์ยุค 50 ที่เรียบง่ายลงตัว รอยัล เอนฟิลด์ คลาสสิคติดตั้งเครื่องยนต์รอยัล เอนฟิลด์ ขนาด 500 ซีซี (UCE) พร้อมติดบังโคลนหน้า-หลัง ครอบไฟหน้า ตัวถังน้ำมัน กล่องเก็บเครื่องมือข้างรถทรงรี แผงระบายความร้อน มาตรวัดความเร็วแบบเข็ม เบาะนั่งตัวเดียวแบบติดสปริง ทั้งหมดในสไตล์ย้อนยุคให้ลุคแบบมอเตอร์ไซค์สัญชาติอังกฤษยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ขนานแท้
สนใจรุ่นไหน หอบสตางค์ตรงไปที่งานมอเตอร์ เอ็กซ์โปครั้งที่ 34 เมืองทองธานี ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 11 ธันวาคมนี้