Columnist

มีนัดกับหมอ (1)

มีนัดกับหมอ (1)
โดย ธนก บังผล

คุณหมอนัดฟังผลตรวจเลือดและเอ็กซเรย์ปอด ด้วยการเปิดคอมพิวเตอร์ให้ผมดูผลต่างๆที่วัดได้ ทั้ง ตับ ไต เม็ดเลือด การทำงานของปอด ปรากฏว่าทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์ปกติไม่มีอะไรพัง ยกเว้นเสียแต่ว่าถ้าไม่ใช่ผู้ป่วย การเริ่มให้ยาวันนี้จึงเป็นวันแรก
“พร้อมที่จะรับยาเลยมั้ย” คุณหมอหยั่งเชิง เนื่องจากสุขภาพแข็งแรงดี แต่ก็แอบแนะนำนิดนึง “ถ้ารับยาเร็วก็จะทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานได้เร็วขึ้น”

“รับเลยครับ” ผมไม่ลังเล

“แต่คนไข้ต้องสัญญาก่อนนะว่าจะต้องมีวินัยในการทานยา” คุณหมอกำชับด้วยสีหน้าจริงจังตามปกติ
ยาชนิดนี้เป็นยาที่ต้องรับประทานให้เป็นเวลา ถ้ากิน 3 ทุ่มก็ต้องกิน 3 ทุ่มทุกวันติดต่อกัน 2 สัปดาห์ เลทหรือลืมได้ไม่เกินครึ่งชั่วโมง
“ถ้าออกไปสังสรรค์กับเพื่อนแล้วนึกขึ้นได้ว่าลืมกินยาต้องทำยังไง นึกได้ปุ๊บก็ให้ทานยาทันที ภายใน 12 ชั่วโมงยังพอทัน แต่ถ้าเลยนี้ปล่อยไปอีกวันหนึ่งเลย ยานี้ทานก่อนนอน และจะได้ผลดีขณะที่ท้องว่าง ทานปุ๊บนอนเลย บางคนทานแล้วจะมีเอฟเฟ็คต์คือเวียนหัว แต่สำหรับคนที่กินเหล้าเก่งๆบางคนเขาก็ไม่รู้สึกอะไรนะ” คุณหมออธิบายยาว

คำพูดของคุณหมอปาริชาติ สาลี เวลาฟังๆไปแล้วเพลินดีครับ จับประเด็นแล้วทำให้คิดตาม บางครั้งก็ทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้ บางทีก็เผลอหัวเราะออกมาด้วยซ้ำ …..#บางวินาทียังลืมไปด้วยซ้ำว่ากำลังป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย
นอกจากจิตวิทยาที่คุณหมอยกมาอธิบายผลกระทบของยาที่ต้องทาน ท่าทาง หน้าตาคุณหมอก็ออกจะเป็นคนจริงจังเอามากๆ ด้วยอาจเพราะในอีกบทบาทหนึ่งในโรงพยาบาลมหาราช คุณหมอยังเป็น อาจารย์หมออีกด้วย

“เรารุ่นเดียวกันเหรอ” คุณหมอดูแปลกใจเมื่อผมมีคำถามเซอร์ไพรส์ ก่อนจะตอบว่า “หมอเป็นคนลำปาง แต่แม่ให้มาอยู่เชียงใหม่ ตอนเด็กเรียนอนุบาลลำปาง จบบุญวาทย์”

“ผมจบกัลยาณีครับ” ผมบอกเรื่องส่วนตัวบ้าง
เวลาส่วนใหญ่ที่คุณหมอนัดมาพบ มักจะเป็นการพูดคุยเรื่องโรคภัยที่ผมต้องเผชิญอยู่กับมันไปทั้งชีวิต คุณหมอจะบอกว่าจะให้ยาอะไร เป็นยาที่มีคุณภาพหรือได้รับการยอมรับมากน้อยอย่างไร

“อย่าคิดมากนะ” ในทุกๆระยะของการพูดคุยคุณหมอมักจะพูดคำนี้เสมอ “มะเร็งยังน่ากลัวกว่านี้อีก ต้องให้คีโม ต้องเจ็บปวด”
“คืนนี้จะนอนกี่โมง” คุณหมอถาม เพราะอย่างที่ทราบคือต้องมีวินัยในการทานยา
“สี่ทุ่มก่อนละกันครับ เดี๋ยวลองดูอีกทีคืนนี้”

“งั้นหมอเขียนไว้ 4 ทุ่มก่อนละกันนะ” ว่าแล้วก็ก้มหน้าเขียนใบสั่งยาให้
นอกเหนือจากโรคภัยที่พูดคุยแล้ว เรื่องการรักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายก็ถูกนำมาเป็นบทสนทนาเพื่อให้คำแนะนำกับผม และเรื่องนี้เองที่ผมพบว่าคุณหมอเป็นคนที่ให้กำลังใจคนดีมาก จิตวิทยาการทำเรื่องยากให้กลายเป็นเรื่องง่าย ทำให้เราสบายใจนั้นถือว่าอยู่ในขั้นเชี่ยวชาญ เพราะหมอเป็นแพทย์รักษาโรคนี้โดยเฉพาะ เรื่องยาวิธีการรักษา และการจ่ายค่ารักษาจึงสามารถให้คำแนะนำได้กระจ่าง

“ระหว่างนี้ดื่มแอลกอฮอล์ได้มั้ย” คุณหมอพูดขึ้นมาลอยๆเหมือนดักคอแล้วหันมาสบตา “หมออยากให้งดดื่มก่อน 2 สัปดาห์ เพราะจะได้ดูว่ายาตัวนี้จะมีปฏิกิริยาอะไรกับร่างกายของคุณหรือไม่ ครั้งหน้าที่หมอนัดคุณต้องไปเจาะเลือดเพื่อให้หมอดูอีกทีว่าเลือด ตับ ไต ปอด จะมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปจากผลตรวจวันนี้หรือเปล่า หลังจากนั้นจะลั้นลาก็ค่อยว่ากัน”

มีคุณหมอเจ้าของไข้รุ่นราวคราวเดียวกัน พูดจาประสาเดียวกัน คนบ้านเดียวกัน #ใครๆก็อยากจะฝากไข้รักษาด้วยทั้งนั้น
สรุปอีก 2 สัปดาห์ เจาะเลือดดูอีกครั้ง (อีกแล้ว) ว่าร่างกายโอเคกับยาตัวนี้หรือไม่ ในระหว่างนี้ถ้าแพ้ยาโดยมีอาการผื่นขึ้น หรือปากบวม ให้รีบไปโรงพยาบาลทันที

Related Articles

Back to top button
X
%d bloggers like this: