สถานการณ์ของการทำธุรกิจท่ามกลางการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ยังคงเป็นไปด้วยความยากลำบากเหมือนกันทั่วโลก เราได้เห็นข่าวการปิดกิจการ การปลดพนักงานทั้งฉับพลันและบอกกล่าวล่วงหน้าทั้งธุรกิจเล็ก ใหญ่มีให้เห็นเรื่อยมา
ล่าสุด สั่นสะเทือนวงการธุรกิจฟาสต์ฟู้ดระดับโลก เมื่อสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า NPC International Inc. เจ้าของแฟรนไชส์ที่ใหญ่ที่สุดของเชนร้านพิซซ่าชื่อดังอย่าง Pizza Hut ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งปัจจุบันมีร้านอยู่ทั้งสิ้น 1,225 ร้าน และร้าน Wendy’s ซึ่งเน้นขายเบอร์เกอร์อีก 385 แห่งได้ยื่นขอล้มละลาย Chapter 11 แก่ศาลเขตทางใต้ของรัฐเท็กซัสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ อันเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
สำนักข่าว Bloomberg ระบุว่า NPC มีหนี้กว่า 903 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.88 หมื่นล้านบาท โดยได้เริ่มเจรจากับเจ้าหนี้ไปบางส่วนแล้ว แผนดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อลดภาระหนี้ ซึ่งข้อตกลงล่าสุดเจ้าหนี้จะมีส่วนร่วมในการเพิ่มทุนใหม่ แต่จะต้องขายร้านอาหารบางส่วนออกไปด้วย
ทั้งนี้ การยื่นขอล้มละลายในครั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่า NPC จะเลิกทำธุรกิจร้าน Pizza Hut และ Wendy’s แต่กลับกันคือกระบวนการดังกล่าวจะช่วยให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ ในขณะที่วางแผนหาหนทางชำระหนี้ ขณะเดียวกันการล้มละลายดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อร้าน Pizza Hut และ Wendy’s ซึ่งเป็นของแฟรนไชส์รายอื่นอีกหลายพันราย
สาเหตุที่ NPC ตัดสินใจยื่นขอล้มละลายดังกล่าว เนื่องมาจากการเผชิญแรงกดดันรอบด้าน ทั้งค่าจ้างแรงงานที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนอาหาร นอกจากนั้นยังเจอคู่แข่งรายใหญ่อย่าง Domino’s Pizza และ Papa John’s International ตัดราคา ซึ่งแม้ว่าที่ผ่านมาจะพยายามขยายตลาดสู่ Delivery ก็ไม่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
ผลจากการยื่นขอล้มละลายครั้งนี้ทำให้ NPC เปิดโต๊ะเจรจากับเจ้าหนี้ รวมถึงเปิดโอกาสในการปรับโครงสร้างองค์กร โดย Bloomberg ระบุว่า บริษัทมีแผนจะขายร้าน Wendy’s ที่ดูแลอยู่ 393 แห่งออกไปด้วย
อุตสาหกรรมร้านอาหารในสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับแรงกดดันใหม่จากการปิดสถานที่ต่างๆชั่วคราวทั่วประเทศ เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของ Coronavirus (COVID-19) ซึ่งสหรัฐอยู่อันดับ 1 ในขณะนี้
