การชะลอตัวอย่างต่อเนื่องของภาวะเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศที่ผ่านมาส่งผลกระทบเป็นวงกว้างโดยเฉพาะกำลังซื้อที่ส่งต่อไปยังหนี้ครัวเรือนทำให้การจับจ่ายใช้สอยสินค้าเกือบทุกประเภทลดลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่เว้นแม่กระทั่งตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีอัตราการซื้อซ้ำน้อยมากเมื่อเทียบกับสินค้าประเภทอื่น
พานาโซนิค แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่จากแดนปลาดิบที่เข้ามาปักหลักในไทยมากว่า 60 ปี มีบริษัทในเครือกว่า 20 บริษัท ทั้งบริษัทขายและโรงงานผลิต แต่ที่คนไทยรู้จักอย่างดียังอยู่ในกลุ่มของเครื่องใช้ไฟฟ้าเพราะสัมผัสโดยตรงกับผู้บริโภค แต่อีกขาธุรกิจที่ใหญ่ไม่แพ้กันคือ สินค้าสำหรับภาคอุตสาหกรรม
จนกระทั่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พานาโซนิคเริ่มสนใจธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อันเป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ด้วยความที่เป็นเจ้าของหลากหลายสินค้าจนกระทั่งเกิดแนวคิดที่จะร่วมทุนกับบริษัทใดบริษัทหนึ่งในอสังหาริมทรัพย์แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า
Panasonic Smart Solution Center
ล่าสุด กลุ่มบริษัทพานาโซนิคในประเทศไทย ผนึกกำลังทำตลาดแบบ B2B เจาะกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Developer) และกลุ่มองค์กร ทุ่มงบกว่า 50 ล้านบาท เปิด “พานาโซนิค สมาร์ท โซลูชั่น เซ็นเตอร์ (Panasonic Smart Solution Center)” โชว์รูมด้าน Home & Commercial Solution ของพานาโซนิคแห่งแรกในไทย สำหรับจัดแสดง สาธิตผลิตภัณฑ์ นวัตกรรม และเทคโนโลยีแห่งอนาคตของทุกบริษัทในเครือไว้ในหนึ่งเดียว ครบทุกโซลูชั่นของการใช้ชีวิตยุคใหม่ โดยไทยเผยเป็น 1 ใน 4 ประเทศที่พานาโซนิคเปิดโชว์รูมเพิ่ม รองรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จากรายงาน Smart home, Seamless life – Unlocking a culture of convenience ของ PwC ที่อ้างอิงการคาดการณ์ของ Gartner Research ว่าในปี 2563 จะมีอุปกรณ์ประเภทไอโอทีสูงถึง 2.08 หมื่นล้านชิ้น ขณะที่ IDC ก็คาดว่ามูลค่าตลาดไอโอทีทั่วโลกจะแตะ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์1เช่นกัน การคาดการณ์เหล่านี้ ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปและโอกาสในการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฮม
สำหรับประเทศไทยนั้นต้องยอมรับว่า เทรนด์ของตลาดสมาร์ทโฮมกำลังค่อยๆเข้ามาจับลูกค้าที่เป็นชนชั้นกลางที่มีรายได้และมีกำลังซื้อ โดยมีการคาดการณ์ว่า มูลค่าตลาดผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฮมในปี 2563 จะสูงถึง 2,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่ 645 ล้านบาท หรือเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 40% ต่อปี6 ซึ่งที่ผ่านมา
ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นคือ การกระโดดเข้ามาช่วงชิงตลาดสมาร์ทโฮมอย่างดุเดือด โดยจะเห็นว่ามีผู้เล่นรายใหม่ทั้งในไทยและต่างประเทศเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดอุปกรณ์สมาร์ทโฮมเพิ่มขึ้น รวมไปถึงเกิดความร่วมมือใหม่ๆ ระหว่างเจ้าของเทคโนโลยีสมาร์ทโฮม กับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในการสร้างโครงการที่อยู่อาศัยอัจฉริยะ และการพัฒนาแอพพลิเคชันระบบบ้านอัจฉริยะเพื่อดูแลผู้สูงอายุ7 โดยคาดว่าจะมีความต้องการสูงขึ้น ตามแนวโน้มสังคมผู้สูงอายุของไทยที่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

ฮิเดคาสึ อิโตะ รองกรรมการผู้จัดการบริษัท พานาโซนิค แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) บอกว่า การเจรจากับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อร่วมทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับกลางถึงบน คาดว่าจะเห็นภาพชัดเจนและเริ่มดำเนินการได้ใน 2 ปีจากนี้เพื่อรุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทย
ก่อนที่จะไปถึงจุดนั้น พานาโซนิคก็ต้องเตรียมความพร้อมรองรับ รวมทั้งช่วงชิงตลาดที่กำลังมาแรง ล่าสุดจึงลงทุนกว่า 50 ล้านบาท เปิดตัวพานาโซนิค สมาร์ทโซลูชั่น เซ็นเตอร์เป็นแห่งแรกในประเทศไทย โดยเป็นโชว์รูมด้านโฮม แอนด์ คอมเมอร์เชียล โซลูชั่น สำหรับจัดแสดง สาธิตผลิตภัณฑ์นวัตกรรมและเทคโนโลยีแห่งอนาคตของทุกบริษัทในเครือ เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าองค์กร หรือบีทูบี รวมถึงรองรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไทย
“ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นเป้าหมายหนึ่งที่สำคัญ โดยในปีที่ผ่านมากลุ่มบริษัทพานาโซนิคในประเทศไทย ได้เริ่มรุกเข้าถึงกลุ่มนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น ด้วยการจัดแสดงโซลูชั่นและผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Home & Living ภายใน งานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 35 เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความสนใจและได้รับการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายเป็นจำนวนมาก”
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทพานาโซนิคในประเทศไทย ยังได้วางกลยุทธ์ในการทำตลาดแบบ B2B กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Developer) และกลุ่มองค์กรหรือสำนักงาน ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยจะใช้ พานาโซนิค สมาร์ทโซลูชั่น เซ็นเตอร์ เป็นสะพานเชื่อมเพื่อดึงลูกค้ากลุ่มดีเวลลอปเปอร์มาชมและร่วมกันพัฒนาโซชูชั่นสำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์ จากนั้นอาจต่อยอดไปถึงการร่วมทุนก็มีความเป็นไปได้

ปัจจุบัน กลุ่มพานาโซนิคมีรายได้หลักจากการทำตลาดแบบ B2C กว่า 90% เพื่อบริหารความเสี่ยงให้กับองค์กรในระยะยาวจึงต้องเพิ่มสัดส่วนการทำตลาดแบบ B2B จากปัจจุบัน 5% ให้เพิ่มเป็น 20% ในปี 2020 ด้วยการเล็งร่วมทุนกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับกลางถึงบน ซึ่งคาดว่าจะสรุปผลได้เร็วๆ นี้

Panasonic Smart Solution Center แห่งนี้ ถือเป็นโชว์รูมด้าน Home & Commercial Solution ของพานาโซนิคแห่งแรกในไทย และ เป็นโชว์รูม 1 ใน 4 ประเทศ ที่สร้างขึ้นเพิ่มเติม ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม และไทย เพื่อรองรับความต้องการของตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกเหนือจากโชว์รูมที่มีอยู่ในกรุงโตเกียวและโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น โดยแต่ละโชว์รูมจะถูกออกแบบให้เหมาะสมกับตลาดและความต้องการของแต่ละประเทศ
Panasonic Smart Solution Center
มารู้จักและชม พานาโซนิค สมาร์ทโซลูชั่น เซ็นเตอร์ ไปพร้อมๆกัน โดยตั้งอยู่ที่สำนักงานพานาโซนิค ถ.เสรีไทยภายในโชว์รูมมีการจำลองโซลูชั่นต่างๆ เข้ามาเพื่อให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนไทย บนมีพื้นที่ทั้งสิ้น 844 ตรม. (แบ่งเป็นพื้นที่จัดแสดงสินค้าขนาด 352 ตรม. พื้นที่เอนกประสงค์ขนาด 396 ตรม. และห้องประชุม/อบรมขนาด 96 ตรม.) โดยมีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นต่างๆ ไว้ถึง 6 โซน ได้แก่
1) Extreme Visual Space จัดแสดงนวัตกรรมในการแสดงภาพ โดยการใช้เครื่องโปรเจคเตอร์ พร้อมเลนส์ฉายภาพระยะสั้น
2) Smart & Healthy Living รวมสินค้า Smart & Healthy ไว้ด้วยกัน จัดแสดงสินค้าเพื่อดูแลและสร้างความสะดวกสบาย ปลอดภัย ให้ชีวิตง่ายขึ้นด้วยโซลูชั่นต่างๆ
3)Modernized Office จัดแสดงประสิทธิภาพของการเชื่อมต่อทุกการสื่อสารเข้าด้วยกัน
4) Advanced Retail รวมเทคโนโลยีที่ใช้ในการแสดงสินค้าในส่วนร้านค้าหรือห้างสรรพสินค้ารวมเข้ากับระบบรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจร
5) Future Lifestyle นำเสนอ แสดงสินค้าและเทคโนโลยีในอนาคต
6) Safety Town แสดงระบบรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจร
ยุคเทคโนโลยี ทำให้การทำ Cross Marketing และ Cross Business partner ง่ายดายยิ่งขึ้นและกลายเป็นเรื่องวินวินในธุรกิจไปแล้ว ใครที่มองเห็นโอกาสและก้าวเดินนำหน้าก่อนย่อมได้เปรียบ
Post Views:
950
Like this:
Like Loading...
Related