Real Estate

“พฤกษา”จัดหนักทาวน์เฮาส์ลุย 20 เมืองรองใน2 ปี

ถือเป็นผู้ประกอบการที่ครองอันดับ 1 ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาอย่างต่อเนื่องสำหรับ ค่ายพฤกษา วึ่งในระยะหลังๆ ดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ๆ
ต่างหันมาให้ความสำคัญในตลาดทาวน์เฮ้าส์อันเนื่องมาจากการขยายตัวของชุมชมเมืองมาแรง พฤกษาซึ่งมีสัดส่วนรายได้จากทาวน์เฮ้าส์เกือบครึ่งหนึ่งของรายได้ทั้งหมดจำต้องออกมาตอบโต้เพื่อตอกย้ำความเป็นเบอร์หนึ่ง

นายธีรเดช เกิดสำอางค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดทาวน์เฮาส์ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลในปี 2561 คาดว่ามีมูลค่าตลาดประมาณ 88,705 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 14% โดยกลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ ยังถือเป็นพอร์ตหลักของพฤกษา และเพื่อตอกย้ำความสำเร็จที่สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดทาวน์เฮาส์เป็นอันดับหนึ่งมามากกว่า 10 ปี และส่งมอบบ้านคุณภาพให้ลูกค้าไปแล้วกว่า 130,000 ยูนิต พฤกษาจึงตั้งเป้ารักษาความเป็นเจ้าตลาด โดยมีแผนเจาะกลุ่มไปยังทาวน์เฮาส์ในระดับราคา 5-7 ล้านมากขึ้น โดยยังคงรุกตลาดระดับกลาง ราคา 1.5-2 และ 2-3 ล้านบาท ซึ่งพฤกษาเป็นผู้นำตลาดในระดับราคานี้อยู่แล้ว และจะพัฒนาตลาดในระดับราคาต่ำกว่า 1.5 ล้านบาทเพิ่มขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ นอกจากนี้ยังมีแผนรุกตลาดต่างจังหวัดทั่วประเทศ โดยเฉพาะในเขต EEC ที่เป็นหัวเมืองท่องเที่ยวและนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งมีมูลค่าตลาดใหญ่สูงเกือบ 60,000 ล้านบาท รวมทั้งจังหวัดหัวเมืองรองอีก 20 จังหวัดทั่วประเทศ อาทิ เชียงราย พิษณุโลก อุดรฯ อุบลฯ สระบุรี สงขลา นครศรีธรรมราช จันทบุรี เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะครอบคลุมภายในปี 2563

นอกจากกลยุทธ์ด้านการขยายตลาดแล้ว อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่วางไว้ เพื่อทำให้พฤกษาคงความเป็นอันดับหนึ่งในตลาดทาวน์เฮาส์ ก็คือการ “ใส่ใจ” พัฒนาคุณภาพสินค้า และบริการอย่างต่อเนื่อง โดยพฤกษามีจุดแข็งในด้านนวัตกรรมการก่อสร้าง เป็นอสังหาฯ รายแรกของประเทศไทยที่นำเทคโนโลยีพรีคาสท์ (Precast) จากเยอรมันมาใช้อย่างจริงจัง มีโรงงานผลิตแผ่นพรีคาสท์ที่มีมาตรฐานระดับโลก พฤกษายังได้ร่วมกับพันธมิตรเพื่อนำนวัตกรรม และอินโนเวชั่นมาใช้ในกลุ่มทาวน์เฮาส์อย่างต่อเนื่อง อาทิ นวัตกรรมบ้านหายใจได้ หรือ ออกแบบระบบไหลเวียนอากาศภายในบ้าน โดยใช้แนวคิดการดึงอากาศบริสุทธิ์จากภายนอกเข้าสู่ตัวบ้าน ทำให้อากาศภายในบ้านถ่ายเทได้ดีขึ้น ส่งผลให้ความร้อนในตัวบ้านลดลง โดยล่าสุดได้จดสิทธิบัตรแล้ว หรือการนำระบบ Home Automation ที่สามารถควบคุมและสั่งการเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านผ่าน Smart Phone ตลอดจนการใช้เสาเข็มมาตรฐาน มอก. พร้อมเสริมความแข็งแรงของพื้นที่หลังบ้านด้วยเสาเข็มขนาดยาวลึกเท่าตัวบ้าน เพื่อรองรับการใช้งานเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ของลูกค้า เป็นต้น

นอกจากนี้ยังได้ศึกษาเทรนด์โลก นำเครื่องมือและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้พัฒนาสินค้าและบริการอยู่เสมอ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทั้งในวันนี้และในอนาคต ทั้งการนำฐานข้อมูลลูกค้าของพฤกษาซึ่งมีอยู่กว่า 1 ล้านคน มาวิเคราะห์ประมวลผลเชิงลึก หรือที่เรียกว่า BIG DATA เพื่อนำมาพัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงความต้องการของลูกค้าได้มากที่สุด หรือเทรนด์เรื่องสังคมสูงวัย จึงพัฒนา HEALTH CARE PROJECT การออกแบบที่พักอาศัยให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุและผู้ใส่ใจด้านสุขภาพ และเล็งเห็นไลฟ์สไตล์ต่างๆ ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไป จึงพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ทั้ง Co-Working Space พื้นที่ส่วนกลางอเนกประสงค์, Solar Cell (Outdoor Light & Door Bell) ไฟทางเดินทั่วโครงการและกริ่งบ้านที่ใช้พลังงานจากโซลาร์เซลล์, Smart Delivery Box ตู้รับพัสดุกลางของโครงการ และ Smart Entry Gate การเปิดไม้กั้นประตูเข้า-ออก โครงการด้วยการสแกน QR Code จากมือถือ โดยฟังก์ชั่นทั้งหมดนี้ได้มีการทดลองใช้ในโครงการทาวน์เฮาส์บางส่วนแล้ว และด้วยแผนกลยุทธ์ดังกล่าวคาดว่าจะช่วยให้พฤกษา สามารถบรรลุเป้าหมายยอดขาย รายได้ และรักษาความเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดทาวน์เฮาส์ต่อไป

ส่วนกรณีที่มีดีเวลอปเปอร์รายใหญ่เข้ามาในเซกเมนท์ทาวน์เฮ้าส์มากขึ้นนั้น ธีรเดช มองว่า ถือเป็นสิ่งที่ดีทำให้ตลาดเกิดการแข่งขันซึ่งถือเป็นผลดีต่อผูเ้บริโภคที่ได้เปรียบในการเลือกบริโภคสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งพฤกษาเน้นการเติบโตโดยโฟกัสชัดเขนที่ตัวเองและมีเวทีของตัวเอง

Related Articles

Back to top button
X
%d bloggers like this: