ยักษ์ใหญ่ยังเซ! ปิดผับบาร์เพราะโควิด ทุบรายได้’ไทยเบฟฯ’ ร่วง 12%

ผ่านไปเรียบร้อยสำหรับการประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ของปี 2563 ของบรรดาบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ส่งผลกระทบกับผลการดำเนินงานของหลายธุรกิจอย่างหนักหน่วง
ไม่เว้นแม้กระทั่งยักษ์ใหญ่เจ้าของอาณาจักรเหล้า เบียร์อย่างไทยเบฟฯ เจ้าของเบียร์ตัวใหญ่อย่างช้าง และสารพัดยี่ห้อในเหล้าสีและเหล้าขาวรวมทั้งธุรกิจอื่นๆ ในมืออีกมากมาย
บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2 (1 ม.ค.-31 มี.ค. 63) ต่อตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ว่า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้หลายประเทศทั่วโลกต้องออกมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด ซึ่งมีผลกระทบอย่างมากต่อการดำเนินชีวิตของผู้คน รวมถึงกระบวนการผลิต และระบบซัพพลายเชนของสินค้าต่าง ๆ และที่สำคัญที่สุดผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการดำเนินงานของไทยเบฟกรุ๊ป
ทั้งนี้ ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ไทยเบฟฯ มีรายได้รวมที่ 61,411 ล้านบาท ลดลง 12.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 69,992 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5,576 ล้านบาท ลดลง 17.5% แบ่งออกเป็นธุรกิจเหล้า มีรายได้ที่ 29,841 ล้านบาท ลดลง 3.9% ธุรกิจเบียร์ 23,653 ล้านบาท ลดลง 23.5% ส่วนเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ 4,476 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.1% ธุรกิจอาหาร 3,477 ล้านบาท ลดลง 8.0%
อย่างไรก็ตาม หากเป็นรายได้รวมในช่วงครึ่งปีแรก (1 ต.ค. 62-31 มี.ค. 63) จะอยู่ที่ 137,092 ล้านบาท ลดลง 3.9% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีรายได้อยู่ที่ 142,619 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 14,789 ล้านบาท เติบโต 3.9%
โดยธุรกิจเหล้าในช่วงครึ่งปีแรกมีรายได้ที่ 64,262 ล้านบาท เติบโต 2.5% ธุรกิจเบียร์ 56,875 ล้านบาท ลดลง 11.2% เครื่องดื่มน็อนแอลกอฮอล์ 8,690 ล้านบาท เติบโต 4.9% ธุรกิจอาหาร 7,351 ล้านบาท ลดลง 3.2%
ขณะที่ธุรกิจในต่างประเทศช่วงครึ่งปีแรกมีรายได้อยู่ที่ 3.08 หมื่นล้านบาท ลดลง 24% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากยอดขายที่ลดลงทั้งในสินค้ากลุ่มเหล้าและเบียร์ โดยเหล้าลดลง 6% จากรายได้ของแกรนด์ รอยัล กรุ๊ปที่ลดลง ส่วนเบียร์ลดลง 28% จากรายได้ของซาเบโกที่ลดลง และการชะลอตัวของผลการดำเนินงานในตลาดอาเซียนบางประเทศ
ก่อนหน้านี้นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน)ได้แสดงวิสัยทัศน์ 2025 (2568) ที่จะผลักดันไทยเบฟให้เติบโตอย่างยั่งยืน และตอกย้ำเป็นผู้นำ “เครื่องดื่มครบวงจร” หรือ Total Beverage

ทั้งนี้ 6 ปีที่ผ่านมาของวิสัยทัศน์ 2020 ให้ความสำคัญการขยายธุรกิจผ่าน 5 กลยุทธ์ ได้แก่ การเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ (Growth) ความหลากหลายของตลาดและผลิตภัณฑ์ (Diversify) สร้างตราสินค้าที่โดนใจ (Brand) การขายและกระจายสินค้าที่แข็งแกร่ง(Reach) เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย และความเป็นมืออาชีพ (Professionalism) สร้างทีมงานที่มีความหลากหลายและประสิทธิภาพการทำงานสูง
ขณะที่ วิชั่น 2025 สร้างการเติบโตและความแข็งแกร่ง ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่
1.ปลดล็อกคุณค่าทางธุรกิจ (Unlock Value) โดยจะมีก่อตั้งกรุ๊ปสินค้าเป็นโฮลดิ้ง หรือเป็น Cosolidate กันมากขึ้น
2.ยุทธศาสตร์การสร้าง(Build) ยื่นข้อเสนอใหม่ๆ เพื่อระดมทุนรับเทรนด์ผู้บริโภคที่เปลี่ยน มุ่งนำเสนอสินค้าที่มีนวัตกรรมตอบสนองผู้บริโภค ลงทุนดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อทำตลาด และลุยสินค้าสุขภาพมากขึ้น รวมถึงผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ “กัญชา”
3.เพิ่มจุดแข็ง ซึ่งบริษัทจะเน้นกลยุทธ์การสร้างแบรนด์(Brand)และการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย(Reach) มากขึ้น ซึ่งหมายถึงฝ่ายการตลาดและการขายทำงานกันอย่างใกล้ชิดเข้มข้นขึ้น