ป้องกันก่อนสายเกินไป?10 พฤติกรรมเสี่ยงกล้ามเนื้อหัวใจวายเฉียบพลัน

ภาวะหัวใจวาย ทางการแพทย์เรียกว่า หัวใจขาดเลือด (Heart Attack) หรือหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน เกิดจากเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจอุดตัน ภาวะที่หัวใจอ่อนแอไม่สามารถบีบตัวเพื่อส่งเลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่างๆ ในร่างกายได้เพียงพอ ถือว่าเป็นภัยเงียบที่เกิดได้ในทุกเพศทุกวัยที่ต้องใส่ใจอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นภาวะที่มักไม่มีสัญญาณเตือนก่อนเหมือนโรคอื่นๆ หรือไม่แสดงอาการชัดเจนในระยะเริ่ม ซึ่งกว่าจะรู้อาจจะสายเกินไป ดังนั้น เมื่อพบอาการผิดปกติไม่ควรละเลยเด็ดขาด เพราะทุกนาทีมีค่าต่อชีวิตสิ่งสำคัญที่สุดในการช่วยลดอัตราการเสียชีวิต
10 พฤติกรรมเสี่ยงกล้ามเนื้อหัวใจวายเฉียบพลัน
อาการผิดปกติของโรคหัวใจที่อาจเป็นสัญญาณเตือน “หัวใจวายเฉียบพลัน” ได้แก่
เจ็บแน่นหน้าอกเหมือนมีอะไรมากดทับอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะตรงกลางอก และเป็นนานเกินกว่า 1 นาทีขึ้นไป หรือแน่นหน้าอกนานกว่า 20 นาที
เหงื่อออก ตัวเย็น
คลื่นไส้ อาเจียน หน้ามืด เป็นลม แน่นหน้าอก
ปวดจุกท้อง บริเวณลิ้นปี่ หรือปวดร้าวขึ้นไปที่กรามหรือไหล่โดยเฉพาะไหล่ซ้าย
หายใจหอบ หายใจไม่พอ หายใจสั้น ชีพจรเต้นเร็ว
ผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว หรือภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน มักจะมีอาการเหนื่อยง่าย หรือหอบ นอนราบไม่ได้ ต้องหนุนหมอนเพิ่มหรือนั่งหลับ สะดุ้งตื่นมาตอนกลางคืน เพราะอึดอัดหายใจลำบาก บวมที่ข้อเท้าและหน้าแข้ง น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมากกว่า 2 กิโลกรัม ใน 2 วัน อ่อนเพลีย ไม่มีแรง คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร และท้องอืด
10 พฤติกรรมเสี่ยงกล้ามเนื้อหัวใจวายเฉียบพลัน
1. ชอบกินอาหารไขมันสูง
การกินอาหารคอเลสเตอรอลสูงเป็นประจำ เช่น เค้ก เบเกอรี่ เนื้อสัตว์ติดมัน ชีส อาหารสำเร็จรูป ฟาสต์ฟู้ด และอาหารปิ้งย่าง อาจส่งผลให้เกิดภาวะไขมันในเลือดสูง คอเลสเตอรอลสูงจนไปอุดตันในหลอดเลือดหัวใจ และเกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้
2. อ้วน น้ำหนักเกิน
การปล่อยให้ตัวเองมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน ก็ทำให้เสี่ยงต่อโรคเรื้อรังและเป็นอันตรายต่อการทำงานของหัวใจเป็นอย่างมาก ตั้งแต่โรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน และโรคหัวใจ ซึ่งมักจะเกิดจากการมีไขมันในหลอดเลือดมาก ส่งผลให้การไหลเวียนโลหิตติดขัด กระทั่งหัวใจขาดเลือดและเสียชีวิตอย่างกระทันหัน
3. ออกกำลังกายมากเกินไป
ปัจจัยนี้มักเกิดขึ้นกับคนที่เป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว ทั้งแบบรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ได้ โดยการออกกำลังกายมากเกินไปจะเพิ่มภาระให้ระบบหัวใจและปอดต้องทำงานอย่างหนัก กระทั่งสูญเสียความสามารถในการทำงาน กล้ามเนื้อหัวใจตายลงไปในที่สุด
ดังนั้นหากออกกำลังกายแล้วรู้สึกเหนื่อยเกินพอดี (เหนื่อยหอบจนไม่สามารถพูดคุยได้แม้แต่คำสั้น ๆ) แนะนำให้ชะลอการออกกำลังกาย หยุดพักดีกว่าฝืนออกกำลังกายต่อไป ที่สำคัญอย่าหยุดออกกำลังกายอย่างกะทันหัน เพราะเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเช่นกัน
4. ไม่ออกกำลังกาย
พฤติกรรมขาดการออกกำลังกายมักจะนำภาวะอ้วนมาให้ ซึ่งเมื่ออ้วนขึ้นก็เสี่ยงต่อโรคไขมันในเลือดสูง หรืออาจเกิดภาวะไขมันอุดตันเส้นเลือด ทำให้หัวใจขาดเลือดได้
5. ดื่มกาเฟอีนมากเกินไป
เมื่อร่างกายได้รับกาเฟอีนในปริมาณที่มากเกินไป อาจส่งผลให้เกิดภาวะเสียสมดุลของสารเกลือแร่ในร่างกาย ก่อให้เกิดอาการชักเกร็ง หลังแอ่น ปอดแฟบ ความดันโลหิตพุ่งสูงอย่างเฉียบพลัน หัวใจบีบรัดมากเกินไป ส่งผลให้ภาวะการหายใจและระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลวจนถึงแก่ชีวิตได้
6. เสียใจอย่างหนัก สะเทือนใจอย่างแรง
ความรู้สึกที่รุนแรงก็อาจส่งผลถึงชีวิตได้เช่นกัน ทางการแพทย์จะเรียกกันว่า ภาวะหัวใจสลาย หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า โรคกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติทาโคสึโบะ โดยผู้ป่วยโรคนี้จะมีระดับฮอร์โมนความเครียดหลั่งออกมาสูงมากอย่างเฉียบพลัน ส่งผลกระทบโดยตรงต่อหัวใจและหลอดเลือด โดยอาจเกี่ยวกับการที่หัวใจด้านซ้ายไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
อาการที่เกิดขึ้นมีส่วนเกี่ยวเนื่องมาจากสมองมีการหลั่งสารแคทีโคลามีน หรือสารสื่อประสาท เช่น อีพิเนฟริน นอร์อีพิเนฟริน และโดพามีน ในขณะที่เกิดความเครียดมาก ๆ หรือมีสิ่งสะเทือนใจอย่างรุนแรง เช่น สูญเสียคนรักอย่างกะทันหัน พ่อ แม่ ญาติสนิทเสียชีวิต เจอความผิดหวังเสียใจหนัก ๆ ทำให้หลอดเลือดหัวใจเกร็งและแข็งตัวทันที เลือดจึงไม่สามารถผ่านไปเลี้ยงหัวใจ และหากเป็นในเวลานาน หัวใจก็ไม่อาจสูบฉีดเลือดได้ตามปกติ นำมาซึ่งภาวะหัวใจล้มเหลว และอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตในที่สุด
7. ภาวะช็อก
ภาวะช็อกมักจะเกิดจากการสูญเสียเลือดในปริมาณมาก เช่น คนที่ประสบอุบัติเหตุ เสียเลือดมาก ส่งผลให้หัวใจมีเลือดไปหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอหรือเกิดภาวะหัวใจขาดเลือดได้
8. การใช้สารเสพติด
พฤติกรรมเสพยาเสพติด เช่น โคเคน แอมเฟตามีน หรือการได้รับยาเกินขนาด อาจส่งผลให้หลอดเลือดมีการหดตัวอย่างรุนแรง ก่อให้เกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลันได้เช่นกัน
9. สูบบุหรี่
คนที่สูบบุหรี่จัด ๆ ขอเตือนให้ระวังสุขภาพโดยด่วน เพราะบุหรี่จะทำให้หลอดเลือดหัวใจหดตัว มีการจับตัวของไขมันที่ผนังหลอดเลือด ส่งผลให้หลอดเลือดหัวใจตีบลง จนเกิดภาวะหัวใจขาดออกซิเจน เส้นเลือดหัวใจตีบ เมื่อเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่ได้ จะเกิดอาการจุกเสียด เจ็บหน้าอก โดยเฉพาะเวลาออกกำลังกาย มีโอกาสเกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลันจนเสียชีวิตได้โดยไม่รู้ตัว
10. เครียดง่าย
คนที่ทำงานหนักและมีความเครียดสูง ๆ คือกลุ่มเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจเต้นผิดปกติมากที่สุด เพราะความเครียดจะไปกระตุ้นให้หัวใจเต้นผิดจังหวะได้ รวมไปถึงอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคหลอดเลือดแดงแข็งตัว ซึ่งเป็นภาวะที่หลอดเลือดแดงมีไขมัน มีการอักเสบต่าง ๆ มาเกาะอยู่ตามผนังหลอดเลือด ก่อให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดแดง และเสี่ยงต่อภาวะหัวใจขาดเลือดได้ โดยเฉพาะคนที่มีความเครียดมาก ๆ และเครียดอยู่เป็นประจำ
ข้อมูล : สถาบันโรคทรวงอก