บทใหม่”คาราบาวแดง” อุ้มโชห่วยต่อยอดธุรกิจ
“การทำธุรกิจต้องมองอนาคตอีก 10-15 ปี ข้างหน้าว่าจะเป็นอย่างไร จะไปต่ออย่างไร เพื่อให้เตรียมพร้อมรับมือตลอดเวลาและปรับตัวได้ทัน”
คำกล่าวของ เสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท คาราบาวกรุ๊ป หรือ CBG สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจที่มองการณ์ไกล รอบคอบ และลุ่มลึก ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นได้จากการปรับโมเดลธุรกิจของคาราบาวแดงในวันนี้และจะเริ่มชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในแนวตั้งและแนวนอน
จากจุดเริ่มธุรกิจโรงเบียร์ตะวันแดง สู่เครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวแดง โรงงานผลิตเหล้าขาวและเหล้าสีที่ลงทุนถึง 3,000 ล้านบาท เพื่อเตรียมความพร้อมผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่นๆ มาจนถึง การขยายสู่ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจค้าปลีกภายใต้ขื่อ ซีเจเอ็กซ์เพรส และล่าสุดคือการผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ตัวเอง หรือ OWN BRAND โดยว่าจ้างโรงงานอื่นผลิตให้หรือโออีเอ็ม
ทั้งหมดนี้ นับเป็นการต่อยอดธุรกิจทั้งการขยายไลน์สินค้าในธุรกิจเดิม อันได้แก่ เครื่องดืมชูกำลังที่เร่งขยับขยายตลาดต่างประเทศทั้งในยุโรป อาเซียน ตะวันออกกลาง ด้วยการพัฒนารสชาติใหม่ๆ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในต่างแดน ไปจนถึงการบุกเบิกธุรกิจใหม่ๆ ที่มองว่ายังมีศักยภาพและมีช่องว่างให้สอดแทรกเข้าไปได้อย่างธุรกิจค้าปลีก และการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค
กล่าวได้ว่า ถึงวันนี้ กลุ่มคาราบาวกรุ๊ป ได้ขยายธุรกิจไปจนครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต การทำตลาด การจัดส่งกระจายสินค้า ไปจนถึงธุรกิจค้าปลีกอันเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่จะเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง
หากแต่ก้าวต่อไปของคาราบาวกรุ๊ปกลับยิ่งน่าสนใจ เมื่อ คาราบาวกรุ๊ป เตรียมเดินหน้าโครงการปั้นร้านโชห่วย ภายใต้ชื่อ ถูกดี ที่จะใช้นำหน้าร้านค้าในจังหวัดต่างๆ เช่น ร้านถูกดีศรีสะเกษ ถูกดีขอนแก่น เป็นต้น
ที่บอกว่าน่าสนใจเพราะ โครงการนี้จะเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในการเติมเต็มธุรกิจค้าปลีกขั้นตอนสุดท้ายให้แข็งแกร่งมากขึ้น และยังเป็นหมากสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจโลจิสติกส์ดำเนินการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงการเป็นโอกาสแจ้งเกิดสินค้าใหม่ๆ ที่เป็น OWN BRAND ของคาราบาวกรุ๊ป ที่ปัจจุบันมีแล้วกว่า 10 รายการ และตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 100-200 รายการในอนาคตอันใกล้
สำหรับร้านที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว เสถียรเล่าว่า จะคัดเลือกจำนวน 20% จากร้านค้ารายย่อยทั่วประเทศกว่า 2.2 แสนร้านค้าที่หน่วยรถของคาราบาวเข้าถึงในปัจจบัน โดยบริษัทจะให้การสนับสนุนในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นระบบการบริหารจัดการหลังบ้าน เช่น การสต็อกสินค้า ระบบบัญชี ไปจนถึงหน้าร้านอย่างการจัดวางสินค้า การนำระบบพีโอเอสมาใช้ รวมถึงเทคโนโลยีอื่นๆ ที่เหมาะสมกับร้านค้าปลีกมาใช้ คาดว่าปีแรกจะเริ่มได้ประมาณ 10-20 ร้านค้าเพื่อเป็นโครงการนำร่อง
เมื่อถามว่า ทำใมต้องสนับสนุนโชห่วย ทั้งที่คาราบาวกรุ๊ปเองก็มีร้านซีเจเอ็กซ์เพรสอยู่แล้ว เสถียรบอกว่า ซีเจเอ็กซ์เพรสแม้จะมีแผนขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าจะเปิดให้ครบ 650 สาขา ภายในปี 2563 ซึ่งจะเน้นขยายสาขาในภาคตะวันตก ภาคตะวันออก ภาคกลางและปริมณฑล เป็นหลัก แน่นอนว่า ไม่ได้ต้องการแข่งขันกับเซเว่นอีเลฟเว่น เพราะแข่งขันไม่ได้แน่นอน แต่ต้องการให้โชห่วยทั่วประเทศเป็นตัวเข้ามาเติมเต็มช่องทางการจำหน่ายสินค้าของบริษัทที่ซีเจเอ็กซ์เพรสยังขยายสาขาไปไม่ถึง
ที่สำคัญคือ เสถียรมองว่า ธุรกิจโลจิสติกส์ที่ลงทุนไปกว่า 400 ล้านบาท มีหน่วยรถแคชแวนกว่า 300 คัน จะเป็นสินทรัพย์ที่สำคัญในการต่อยอดธุรกิจและสร้างรายได้ในอนาคต เพราะธุรกิจสมัยนี้นับว่าโลจิสติกส์เป็นอีกดัชนีชี้วัดศักยภาพการแข็งขันที่สำคัญทีเดียว ประกอบกับเมื่อใช้โรงงานอื่นผลิตในรูปแบบโออีเอ็ม การไม่ต้องใช้งบการตลาด ไม่ผ่านคนกลาง ยิ่งส่งผลให้ต้นทุนสินค้าของบริษัทถูกลง ทำให้สินค้า โอนแบรนด์ของบริษัทขายถูกกว่าสินค้าแบรนด์ทั่วไปเฉลี่ยถึง 30%
ทั้งหมดนี้นับเป็นก้าวเดินสู่อนาคตของคาราบาวกรุ๊ปที่น่าสนใจและน่าจับตามองยิ่งนัก