“ความดี” ที่เอ่ยอ้างไม่คุ้มครองคุณอีกต่อไปความสิ้นหวังมีหน้าตาแบบนี้
นี่เอง เมื่ออำนาจกลายไปเป็นความไม
่ยี่หระใดๆ ต่อผู้คนในสังคม กลายเป็นความมั่นใจผิดๆ ว่าต่อให้ทำอะไรผิด แค่ทำหน้านิ่งๆ ทื่อๆ เข้าไว้ก็ไม่มีใครมาทำอะไรฉ
ันได้ เมื่อความรับผิดชอบกลายเป็น
สิ่งที่คาดหวังไม่ได้จากคนท
ี่ควรคาดหวัง เมื่อความผิดไม่เคยถูกลงโทษ
ขอเพียงคุณอยู่ให้ถูกข้าง เมื่อผู้ตรวจสอบถูกประณามว่
าชังชาติ เมื่ออำนาจกลายเป็นความถูกต
้องไร้ขอบเขต และด้านชากับเสียงประชาชนความสิ้นหวังมีหน้าตาแบบนี้
นี่เอง เมื่อผู้บริหารคิดถึงการอยู
่รอดของตัวเองมากกว่าความเป
็นอยู่ของผู้คน เมื่อบุคลากรสาธารณสุขทำงาน
อย่างหนักเพื่อต่อสู้โรคระบ
าดรุนแรง แต่ยังมีคนคิดเอาเปรียบและฉ
วยโอกาสด้วยใบหน้าภาคภูมิใจ
โดยไม่มีแม้แต่เสี้ยวความคิ
ดว่ากำลังเริงร่าอยู่บนความ
เสี่ยงถึงชีวิตของผู้อื่นความสิ้นหวังมีหน้าตาแบบนี้
นี่เอง ขณะที่ประชาชนเดือดร้อนจากผ
ลกระทบของโรคระบาดทั่วทุกหย
่อมย่าน เราต้องตื่นมาพบข่าวสารที่ท
ำให้รู้สึกว่า “ยังแย่ลงไปได้อีก” ทุกวี่วัน ท่ามกลางฝุ่นจิ๋วที่สูดเข้า
ปอดตลอดเวลาโดยไม่มีที่ท่าว
่าจะมีนโยบายแก้ปัญหาระยะยา
วให้เห็นผลความสิ้นหวังมีหน้าตาแบบนี้
นี่เอง กระทั่งข้อเท็จจริงที่ชัดเจ
นหรือการบริหารงานที่ผิดพลา
ดซ้ำๆ ก็ยังได้รับความไว้วางใจจาก
ตัวแทนประชาชนในสภาที่ยกมือ
หราราวกับหุ่นที่ถูกกดปุ่มส
ั่ง
ความสิ้นหวังมีหน้าตาแบบนี้นี่เอง เมื่ออำนาจกลายเป็นคำว่า “ทำอะไรก็ได้” และเมื่อเสียงโกรธของสังคมดังขึ้นก็เริ่มวางกลยุทธ์ออกนโยบายเพื่อบรรเทาความโกรธไปวันต่อวัน ราวทำเพื่อประคับประคองอำนาจของตนต่อไป
ความสิ้นหวังมีหน้าตาแบบนี้นี่เอง เมื่อผู้บริหารไร้ความตระหนักว่าบทบาทของตัวเองนั้นมีผลต่อประชาชนมากเพียงใด และมองทุกเสียง ทุกการตรวจสอบ ทุกคำท้วงติงวิพากษ์วิจารณ์ในแว่นของการต่อสู้ทางการเมืองจากฝ่ายตรงข้ามตลอดเวลา แทนที่จะรับฟังแล้วนำไปตรวจสอบคณะของตนหรือนำไปปรับปรุงแก้ไข
ความสิ้นหวังมีหน้าตาแบบนี้นี่เอง เมื่ออำนาจกลับใช้อำนาจที่มีชี้นิ้วกลับมาที่ประชาชนเพื่อแบ่งแยกประชาชนออกเป็นสองฝั่ง สร้างความเกลียดชังด้วยภาษีประชาชนสร้างข่าวสารปลอมและมุมมองเลวร้าย
ความสิ้นหวังมีหน้าตาแบบนี้นี่เอง เมื่อมีความผิดเกิดขึ้นมากมาย แต่พวกเราประชาชนเองยังคงแยกฝ่ายและปกป้องผู้ทำผิดด้วยเหตุผลว่า “ใครเป็นก็เหมือนกัน” หรือ “ชุดที่แล้วเลวกว่านี้” แทนที่จะรวมพลังกันส่งเสียงตรวจสอบความผิดที่เห็น
ความสิ้นหวังมีหน้าตาแบบนี้นี่เอง เมื่อเกิดความปั่นป่วนในการบริหาร ข่าวลือยึดอำนาจครั้งใหม่ก็ค่อยๆ กระซิบกันตามหัวมุมถนน ราวกับว่านั่นคือหนทางเดียวในการแก้ปัญหาทั้งหมดในสังคมนี้
การมีชีวิตอยู่ท่ามกลางความสิ้นหวังนั้นสูญเสียพลังสร้างสรรค์ ห่อเหี่ยวใจ มองไปก็ไม่เห็นอนาคต อำนาจที่ไม่แยแสต่อเสียงของประชาชน ทำราวกับว่าประชาชนไม่มีตัวตนส่งผลทางจิตวิทยาให้ผู้คนในสังคมนั้นรู้สึกด้อยค่า ไร้เรี่ยวแรง เหมือนคนที่คิดไม่ได้ ถามไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ ราวกับเสียงของเราไม่มีคุณค่าอะไรเลยในบ้านเมืองนี้ ส่วนพวกเขาก็แค่ทำหน้านิ่งๆ ปฏิเสธหน้าตาเฉย แล้วครองอำนาจต่อไป
ความสิ้นหวังมีหน้าตาแบบนี้นี่เอง’