ธุรกิจหมอดู กรณี “เมย์-เจ”
ดวงชะตาพาณิชย์
ธุรกิจหมอดู กรณี “เมย์-เจ”
โดย…ธนก บังผล
คู่รักที่ต้องเลิกรากันไปล่าสุด จนสร้างแรงสั่นสะเทือนให้ขาเม้าท์ได้อย่างรุนแรง เห็นจะหนีไม่พ้น “เมย์-เจ” พิชญ์นาฏ สาขากร ดาราสาวสวย กับ นักฟุตบอลทีมชาติอนาคตไกล ชนาธิป สรงกระสินธุ์
“เมย์ยอมรับว่าดีใจมาก พ่อแม่เราก็ยินดี เมย์เองอายุ 36 แล้ว เมย์พร้อม เอาตรงๆคือรอแค่ผู้ชายมาขอ เมื่อเจไปคุยกับพ่อแม่ เมย์ก็ไปคุยด้วยแต่คำตอบที่ได้คือฤกษ์ไม่มี ถ้าจะแต่งต้องรออีก 3 ปี และอีกเหตุผลของแม่เจคือเมย์กับเจเกิดปีไก่เหมือนกัน อยู่ด้วยกันไม่ได้หรอก ตีกันตาย” ดาราสาว เปิดใจถึงสาเหตุที่ยุติความสัมพันธ์ข้ามวงการกว่า 2 ปี
ทำไมปีไก่กับปีไก่ ถึงอยู่ด้วยกันไมได้ จริงหรือ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความเชื่อจับต้องไม่ได้ แต่ที่ชัดเจนและเคยมีสถิติทำเก็บไว้นานแล้วคือ ธุรกิจหมอดู
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เคยทำสำรวจ “คนกรุงเทพฯกับการใช้บริการหมอดู” ตั้งแต่ปี 2548 หรือประมาณ 13 ปีที่ผ่านมา ระบุว่ามีเม็ดเงินสะพัดมากถึง 2,400 ล้านบาท โดยธุรกิจหมอดูยังก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดในธุรกิจต่อเนื่องอื่นๆ เช่น ธุรกิจทำบุญ/สะเดาะเคราะห์ ธุรกิจหนังสือพยากรณ์ดวงชะตา รวมไปถึงธุรกิจสื่อสารประเภทอินเตอร์เน็ตและออร์ดิโอเท็กซ์ที่ให้บริการดูหมอ เป็นต้น
ลักษณะการพึ่งพาธุรกิจหมอดู แยกออกเป็นผู้ที่ดูหมอเป็นประจำร้อยละ 23.0 ของกลุ่มตัวอย่าง กลุ่มที่ดูหมอทุกครั้งที่มีโอกาสร้อยละ 33.1 และกลุ่มที่ดูหมอเฉพาะเวลาที่มีปัญหาร้อยละ 38.4 และที่เหลืออีกร้อยละ 5.6 นั้นจะพึ่งบริการหมอดูตามความสะดวก อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับพฤติกรรมการดูหมอของคนกรุงเทพฯที่ทางศูนย์วิจัยกสิกรไทยเคยทำการสำรวจในปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ คือ คนกรุงเทพฯที่เป็นกลุ่มตัวอย่างหันมาสนใจพึ่งพาธุรกิจหมอดูเป็นประจำมากขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2547 ที่ผ่านมา
ปัญหายอดนิยม ปัญหายอดนิยม 3 อันดับแรกที่นำไปปรึกษาหมอดู คือ ปัญหาในเรื่องการงาน ปัญหาเรื่องการเงิน และปัญหาความรัก ซึ่งแตกต่างจากผลการสำรวจในครั้งที่ผ่านมา กล่าวคือคนกรุงเทพฯเริ่มให้ความสำคัญกับปัญหาในเรื่องการงานมากขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับผลสำรวจที่ผ่านมา
ความถี่ในการใช้บริการหมอดู ในปี 2549 คนกรุงเทพฯที่เป็นกลุ่มตัวอย่างใช้บริการหมอดูเฉลี่ย 5.23 ครั้ง และเสียค่าใช้จ่ายในการดูหมอเฉลี่ย 154.87 บาทต่อครั้ง อย่างไรก็ตามความถี่ในการไปดูหมอและค่าใช้จ่ายในการดูหมอนั้นมีความแตกต่างกันอย่างมากเมื่อเทียบระหว่างกลุ่มตัวอย่างทั้งในแง่ของเพศ ระดับการศึกษาและอาชีพ เนื่องจากคนส่วนใหญ่เสียค่าใช้จ่ายต่ำกว่า 200 บาทต่อครั้ง แต่ก็มีกลุ่มตัวอย่างบางรายยินดีจะจ่ายเกินกว่า 1,000 บาทต่อครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเชื่อถือในตัวหมอดูแต่ละคน
แม้จะเป็นข้อมูลเก่าเก็บมากว่า 13 ปี แต่ปรากฏว่าด้วยวัฒนธรรมความเชื่อของคนไทยกลับทำให้เด็กในสมัยนั้น เมื่อเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ในวันนี้ เข้ามาเป็นลูกค้าหมอดูเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งลูกค้าเดิมก็ยังมีพฤติกรรมไม่เปลี่ยนแปลง นั่นคือ ยังคงพึ่งพาหมอดูในเรื่องหลักๆ 3 เรื่อง คือ เงิน งาน และความรัก
ไม่เพียงเฉพาะหมอดูอาชีพเท่านั้น แต่ยังขยายไปกลุ่มของพระสงฆ์ตามวัดต่างๆที่ตั้งตนขึ้นมามีญาณวิเศษ ซึ่งคาดกันว่าค่าบริการก็ไม่ได้ถูกกว่าตั้งโต๊ะพยากรณ์เลย
อย่างที่ทราบกันดีว่า เจ-ชนาธิป เพิ่งจะลาสิกขาบท หลังจากบวชทดแทนคุณพ่อแม่ หลายคนก็คาดเดากันว่าคนที่กำหนดเป็นเจ้าชะตาความรักให้กับเมย์-เจ ตัวจริงก็คือ “พระ” ที่ครอบครัวของเจไปขอฤกษ์ยาม ส่วนจะเท็จจริงประการใดไม่สามารถยืนยันได้ แต่ที่ยืนยันได้คือการดูดวงไม่ใช่กิจของสงฆ์อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามประเด็นที่น่าสนใจจากการถูกหมอดูหลอกโดยเฉพาะการเรียกเงินเป็นจำนวนสูงเพื่อทำพิธีสะเดาะเคราะห์/ทำเสน่ห์ ก็เป็นประเด็นที่ต้องระมัดระวังมากขึ้น โดยบรรดาหมอดูที่ดีมีจรรยาบรรณต่อวิชาชีพนั้นมีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีมิจฉาชีพแฝงตัวอยู่ในธุรกิจหมอดูด้วย โดยอาศัยความเชื่อถือวิชาชีพหมอดูเพื่อเอารัดเอาเปรียบ ซึ่งก็มีข่าวคราวปรากฏในสื่อต่างๆอยู่เสมอ
คนกรุงเทพฯที่ใช้บริการหมอดูนั้นร้อยละ 14.6 ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดระบุว่าถูกหมอดูหลอก ร้อยละ 49.9 นั้นไม่แน่ใจว่าถูกหลอกหรือไม่ และร้อยละ 35.5 นั้นไม่เคยถูกหมอดูหลอก
นอกจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการทำบุญ/สะเดาะเคราะห์แล้วบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ยังสำรวจพบว่าคนกรุงเทพฯที่สนใจธุรกิจหมอดูร้อยละ 39.7 ซื้อหนังสือทำนายดวงชะตามาอ่าน ร้อยละ 32.3 ซื้อทัวร์เพื่อตระเวนไหว้พระในประเทศ ร้อยละ 4.8 ซื้อเทป/ซีดีทำนายดวง และร้อยละ 2.3 ซื้อทัวร์เพื่อไหว้พระในต่างประเทศ และที่เหลืออีกร้อยละ 20.9 เลือกทำกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหมอดู ซึ่งกิจกรรมที่นิยมมากที่สุดคือการเลือกเรียน/ศึกษาหมอดู ซึ่งเมื่อนำมาคำนวณเป็นเม็ดเงินสะพัดในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเหล่านี้แล้วพบว่าก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดประมาณ 200 ล้านบาท ธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในการดูหมอ โดยเฉพาะตำราที่ใช้ประกอบในการดูหมอ ซึ่งมีวางจำหน่ายอย่างหลากหลาย สำหรับผู้ที่สนใจจะหาซื้อไว้เพื่อศึกษาด้วยตนเอง หรือซื้อไปใช้สำหรับการประกอบอาชีพหมอดูในอนาคต
ไม่เว้นแม้กระทั่งการส่งข้อความดูดวงทางโทรศัพท์ การดูดวงผ่านชื่อ นามสกุล เบอร์โทร วันเดือนปีเกิด เส้นลายมือ ซึ่งล้วนแล้วแต่อยู่ในวงจรธุรกิจหมอดูทั้งสิ้น
ล่าสุด ผมเข้าไปค้นหาข้อมูลราคาการดูหมอก็พบว่า ไม่จำกัดค่าครู หรือที่เรียกว่า “ตามศรัทธา” นั้นมีอยู่ค่อนข้างเยอะ ส่วนที่ต้องใส่ขันเป็นจริงเป็นจังนั้นก็แล้วแต่เจ้า เริ่มที่ 99 บาท ไปจนถึงหลักพัน
ในขณะที่กลุ่มไฮโซจะใช้บริการหมอดู คิดเป็นค่าพยากรณ์ : ไพ่ยิบซี 2,500 – 4,000 บาท / 30 นาที ฮวงจุ้ย และ โหงวเฮ้ง 48,000 – 120,000 บาท
อย่างไรก็ตามแม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะไม่ดี แต่ธุรกิจหมอดูไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด หาก 13 ปีที่แล้วมีเม็ดเงินสะพัดในดวงชะตาพาณิชย์กว่า 2,000 ล้านบาท ปัจจุบันปี 2561 นี้ก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 4,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน