‘โคคา 500 ปี’ ภารกิจท้าทายทายาทรุ่น 3 ‘นัฐธารี พันธุ์เพ็ญโสภณ’

เอ่ยชื่อสุกี้ เจ้าต้นตำรับ คงไม่มีใครไม่รู้จัก ‘โคคา สุกี้’ ด้วยความสำเร็จที่ผ่านมาถึง 2 เจนเนอเรชั่น ปัจจุบันอยู่ภายใต้การบริหารของเจน 3 อย่าง ‘นัฐธารี พันธุ์เพ็ญโสภณ’ หรือคุณแนท ที่อาสาเป็นตัวแทนครอบครัวสานต่อภารกิจในการเดินหน้าสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งกว่าเดิม
แม้ว่าจะเป็นภัตตาคารที่ก่อตั้งมายาวนานถึง 62 ปี สำหรับ ‘ COCA’ อาณาจักรสุกี้ที่สร้างชื่อจากเมนูสุกี้ก่อนจะขยายไปยังธุรกิจร้านอาหารไทยที่โด่งดังต่างชาติอย่าง ‘Mango Tree’ รวมทั้ง Food Service ซึ่งปัจจุบันบริหารโดยทายาทเจน 3 อย่าง ‘นัฐธารี พันธุ์เพ็ญโสภณ’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท โคคา โฮลดิ้ง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเธอบอกว่า โจทย์ที่คุณพ่อ (พิทยา พันธุ์เพ็ญโสภณ) ทิ้งไว้ให้สานต่อคือ การเป็นองค์กร 500 ปี
นั่นจึงเป็นที่มาของการขยับปรับตัวครั้งใหญ่ของโคคาด้วยการขยายไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้มากขึ้น หลังจากที่ครองใจเจนเอ็กซ์ ไปจนถึงเบบี้บูมมาแล้ว ทั้งการปรับรูปลักษณ์สาขา ตลอดจนการริเริ่มโครงการที่มีชื่อว่า COCA Boutique Farm เพื่อสื่อสารถึงการใส่ใจต่อสุขภาพของผู้บริโภคอย่างยั่งยืน
COCA วันนี้สานต่อโดยทายาทรุ่น 3 ซึ่งเริ่มบริหารอย่างเป็นทางการเมื่อ 4 ปีก่อนโดยมีคุณพ่ออยู่เบื้องหลัง ซึ่งในวันที่สถานการณ์ในไทยไม่ปรกติเนื่องจากต้องเผชิญกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 กลายเป็นอีกหนึ่งบททดสอบครั้งสำคัญของ นัฐธารี ที่ต้องปรับแผนใหม่ โดยหันมาให้ความสำคัญกับช่องทาง Delivery ให้มากขึ้น พร้อมด้วยรายการโปรโมชั่นต่างๆ ที่ต้องงัดอออกมาใช้ เพื่อรับมือกับยอดขายที่หดหายไป
หลังจากเรียนจบระดับมัธยมจากโรงเรียนประจำในประเทศอังกฤษ เธอศึกษาต่อด้านโภชนาการและด้านอาหารโดยตรงจนกระทั่งเธอสามารถคว้าปริญญาตรีด้านโภชนาการอาหารจาก King’s College และปริญญาโทด้านวิทยาศาสตร์การอาหารจาก Reading University ประเทศอังกฤษ ก่อนที่จะกลับมาสานต่อธุรกิจที่ประเทศไทย แต่เธอผู้นี้ไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองหยุดนิ่ง หลังจากเรียนจบเธอจึงขอเก็บประสบการณ์ชีวิตต่อโดยการเข้าทำงานที่ The Fat Duck ร้านอาหารสุดหรูในประเทศอังกฤษ ที่มีเชฟชื่อดัง Chef Heston Blumenthal เป็นเจ้าของ
ในฐานะพี่สาวคนโตจากลูก 4 คน ความคาดหวังนั้นทวีคูณเมื่อเธอเป็นลูกเพียงคนเดียวที่เข้ามาสานต่อธุรกิจครอบครัว ในขณะที่น้องชายของเธอเป็นสถาปนิก น้องสาวเป็นทนายความที่กำลังจะผลันตัวมาทำสวนและผู้ซึ่งคอยให้คำแนะนำแก่เธอในเรื่องวัตถุดิบและการเกษตรอย่างยั่งยืน ในขณะที่น้องคนสุดท้องกำลังศึกษา
แม้จากสายตาคนภายนอกอาจจะมองว่าคนรุ่นก่อนได้ปูทางไว้ให้หมดแล้ว จึงไม่ยากนักหากทายาทจะมารับไม้ต่อ ทว่าในความเป็นจริงแล้วสิ่งที่นัฐธารีต้องพบเจอเมื่อมารับบทบาทผู้นำรุ่นใหม่ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการกลับไม่ง่ายเช่นนั้น
การสานต่อองค์กรเก่าแก่ที่ทำมาค่อนข้างดีอยู่แล้ว ถือเป็นโจทย์ยากที่ทายาทเจน 3 ต้องพินิจพิเคราะห์เส้นทางการเดินต่อจากนี้ด้วยความรอบคอบ การผนวกกันอย่างลงตัวของงานหน้าบ้าน หลังบ้าน และที่สำคัญการต้องทำงานกับคนหลายรุ่นในองค์กรเดียวกัน ถือเป็นความท้าทายของเธอ เพื่อทำให้คนทุกรุ่นเข้าใจและเดินไปในทางเดียวกัน นัฐธารี ใช้วิธีเข้าไปพูดคุยและสื่อสารกับพนักงานด้วยตัวเธอเอง
โคคา ปีที่แล้วมียอดขายประมาณ 500 ล้านบาท เติบโต 10% ถือว่าต่ำกว่าคาดการณ์ไว้เพราะโดยปกติโคคาจะมีนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะจีน ฮ่องกงเข้ามาใช้บริการแต่ปลายปีที่แล้วมีเหตุการณ์ประท้วงฮ่องกงทำให้ลูกค้าลดลง แต่เราก็หันมาโฟกัสกลุ่มลูกค้าในประเทศมากขึ้น และมีการรีเฟรชแบรนด์ เพราะความที่เป็นแบรนด์ที่อยู่มานานกว่า 62 ปี แบรนด์เราถือว่าสำหรับเบบี้บูมเมอร์ทุกคนรู้จักซึ่งเป็นโจทก์ที่ค่อนข้างท้าทายในช่วง 3 ปีที่ผ่านจึงเป็นที่มาของการเปิดสาขาใหม่ที่ เซ็นทรัลเวิลด์ซึ่งมีการนำ Concept รักษ์โลก sustainability เข้ามาใช้
ปัจจุบันโคคามีทั้งหมด 10 สาขา แบ่งเป็น 2 โมเดล โมเดลแรกคือ โคคาเฮอริเทจ สาขาต้นตำรับที่สุรวงศ์ โมเดลที่ 2 คือสาขาที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า ซึ่งมีการปรับเมนูให้สอดคล้องกับสไตล์คนรุ่นใหม่มากขึ้นและการตกแต่งที่ดูลอฟขึ้น วัยรุ่นมากขึ้น ซึ่งปีนี้จะเน้นการปรับปรุงสาขามากกว่าเปิดสาขาใหม่ โดยเฉพาะโคคาสยามสแควร์ที่กำลังปรับปรุง
นอกจากการปรับปรุงสาขาเดิมแล้วในปีนี้จะให้ความสำคัญกับการเปิดร้านแบรนด์ใหม่นั่นคือ ‘ข้าวหม้อใหม่’โดยเปิดสาขาเแรกที่ปั้ม S STATION บางนา ตราด กม.34 ซึ่งเป็นปั้มปตท.ภายใต้การบริหารของแพ็ทโก้กรุ๊ป ในเครือมารวยเอสเตท
แน่นอน ความเป็นทายาทรุ่น 3 ย่อมต้องมีแรงกดดันในการรับภารกิจผู้นำนั่นคือ “ความคาดหวัง” เป็นที่มาของสิ่งที่คุณพ่อทิ้งโจทย์ไว้คือ การขอให้ COCA อยู่ไปได้ 500 ปี
แม้ว่า COCA เป็น Brand ที่ชื่นชอบของคนยุค Baby Boomer (คนที่คือคนที่เกิดในช่วง พ.ศ. 2489-2507) แต่โจทย์ที่สำคัญต่อไปของนัฐธารีคือต้องทำให้สามารถชนะใจเด็กรุ่นใหม่ ๆ ในยุค Millennials (คนที่เกิดในช่วง พ.ศ. 2523-2540) ได้ด้วย ทว่ายังคงรักษาแนวคิดหลักที่ต้องการสื่อสารกับกลุ่มผู้บริโภคให้เหมือนเดิมตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ซึ่งก็คือ ‘อาหารอร่อยต้องมาจากวัตถุดิบที่ดีเท่านั้น’
หนึ่งในตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมของการทำ Brand Refreshening หรือการปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้ดูวัยรุ่นขึ้น แต่ยังคงรักษาจุดยืนของ brand ไว้ คือสาขาโฉมใหม่ที่สาขาในห้างสรรพสินค้า Central World ชั้น 6 ซึ่งครอบคลุมทั้งการออกแบบตกแต่งภายในของร้าน เครื่องแบบของพนักงาน และ รายการอาหาร
ขณะที่รูปแบบการสื่อสาร Brand ที่ออกมาก็ต้องให้ดูวัยรุ่นขึ้น ต้องมีเหตุมีผล และซื่อสัตย์ เพราะทุกวันนี้ผู้บริโภคยุคใหม่ที่อยู่บนโลกออนไลน์สามารถค้นหาความจริงได้ทั้งหมดและยังง่ายกว่าในอดีต
นอกจากนี้ด้วยกระแสที่คนใส่ใจเรื่องดูแลสุขภาพและให้ความสำคัญกับการดูแลรูปร่างมากขึ้น จึงสอดคล้องกับแนวทางของ COCA ที่เน้นวัตถุดิบที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะหลังเกิด Covid-19 ก็ยิ่งทำให้ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับเรื่องอาหารที่ปลอดภัยและช่วยให้มีภูมิคุ้นกันในการต่อสู้เชื้อโรคต่าง ๆ ขึ้นด้วย
ซึ่งเชื่อว่าพฤติกรรมผู้บริโภคจะเปลี่ยนไปอย่างมากนับจากนี้