ถอดรหัส “N-Squared” ธุรกิจพันล้าน มีวันนี้ได้เพราะ…ไม้ม๊อบ
“ไม่หมิ่นเงินน้อย ไม่คอยวาสนา” วลีที่อาจจะดูเชยในสายตาใครหลายคน แต่ทว่าอีกมุมหนึ่งมีอีกหลายชีวิตที่ได้ดิบได้ดีด้วยความขยัน มุมานะ อดทน หนักเอาเบาสู้ ไม่ดูถูกงาน ไม่ดูถูกตัวเอง จนสามารถพลิกผันเข้าขั้นระดับเศรษฐีมีให้เห็นมาแล้วมากมาย
“นัฐพล บุญภินนท์” Head of E-Commerce แห่ง New Step Asia ร้านค้าอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้านรายใหญ่บนโลกออนไลน์ คือบุคคลที่เรากำลังจะยกตัวอย่างให้เห็นถึงความอุสาหะเริ่มต้นธุรกิจด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ ‘ไม้ม๊อบ’ สินค้าง่ายๆ ธรรมดาๆ ของตนนั้นขายได้
ผลจากความวิริยะ หนักเอาเบาสู้ ไม่เพียงทำให้ไม้ม๊อบของเขาขายดีระดับหลักล้านชิ้น แต่ยังกรุยทางให้ธุรกิจแตกตัวเป็นสองขา คือ New Step Asia ที่กลายเป็น ร้านค้าอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้านรายใหญ่บนโลกออนไลน์ และ N-Squared eCommerce ผู้ให้บริการจัดจำหน่ายสินค้าออนไลน์ที่แบรนด์ชั้นนำเลือกใช้อีกด้วย
ย้อนกลับไปช่วงเริ่มธุรกิจ นัฐพลก็ไม่ต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ ที่พยายามมองหาสินค้าที่มีความโดดเด่น ถูกจริตผู้บริโภคมาทดลองขายในตลาด โดยเขาเริ่มนำเข้าไม้ม็อบพร้อมถังปั่นจากจีนมาวางขายหน้าร้าน สนนราคาอันละ 900 บาท ปรากฎว่าช่วงแรกขายได้เพียงวันละ 5 อัน แต่หันกลับไปดูกองสต็อกมากมายคิดคำนวณดูแล้วเขาต้องใช้เวลานานกว่า 1 ปีถึงจะขายสินค้าหมด ในขณะที่ต้องแบกภาระค่าเช่าโกดังอีกเดือนละหลายหมื่นบาท!
ขณะที่กำลังมองหาทางออกให้กับชีวิต เขาพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เมื่อคนชอบช้อปออนไลน์เขาจึงนำออนไลน์เข้ามาเป็นตัวช่วย โดยเลือกมาร์เก็ตเพลสบน Lazada ตลาดออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดเวลานั้น และไม่ผิดหวังเพียงแค่เปิดร้านขายในชื่อ New Step Asia เมื่อเมษายนปี 2558 มีออเดอร์ไม้ม๊อบเข้ามามากมาย ปัจจุบัน สินค้าพระเอกของเขาทำยอดขายทะลุล้านชิ้นเรียบร้อยแล้ว
จุดเริ่มต้นของธุรกิจ N-Squared
N-Squared เป็น Distributor ของยุคดิจิทัลที่ขายสินค้าเฉพาะออนไลน์เท่านั้น ปัจจุบันมีการขายสินค้าแบรนด์ต่าง ๆ มากกว่า 50 แบรนด์ ในรูปแบบการทำ OEM (Original Equipment Manufacturer) และการนำเข้าสินค้า โดยสินค้าที่ชำนาญจะอยู่ในหมวด Home & Living เนื่องจากเป็นสินค้าเริ่มแรกของการทำธุรกิจและยังเป็นประเภทสินค้าที่อยู่ได้นาน ไม่เหมือนสินค้าแฟชั่นหรือเทคโนโลยีที่ตกเทรนด์รวดเร็ว
โดยขณะนี้มีรายได้ 900 ล้านบาท (ข้อมูล ต.ค.2562) ซึ่งเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี 2561 ที่มีรายได้ประมาณ 730 ล้านบาท ในพื้นที่ตลาด 5 ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย และกำลังวางแผนขยายตลาดไปยังประเทศเวียดนาม
“สำหรับการขายสินค้าของเราจะอยู่ในทุกแพลตฟอร์มทั้ง Social Commerce ไม่ว่าจะเป็น Facebook LINE Instagram รวมถึง E-Marketplace ผ่าน Lazada Shopee JD Central และ ‘HomeHuk’ เว็บไซต์ของเราเอง ในรูปแบบเดียวกับ HomePro หรือ Index Living Mall จึงได้มีการพัฒนา Chatbot เองในชื่อว่า ‘Chatpify’ ที่ทำได้ตั้งแต่การพูดคุยกับลูกค้า ไปจนถึงจบออเดอร์ ส่งไปยัง Warehouse Fulfilment ของเราและสามารถคอนเฟิร์มเลขแทรคกิ้งกับลูกค้าด้วย โดยจะใช้คน 2-3 คนในการซัพพอร์ตการตอบคำถามที่ยาก ซึ่งปัจจุบันรับออเดอร์อยู่ที่ประมาณวันละ 2,000 ออเดอร์”
แนวทางความสำเร็จในการขายบนโซเชียลแพลตฟอร์ม
ในส่วนของแนวทางที่ มองเห็นและทำให้การทำธุรกิจบนโซเชียลแพลตฟอร์มต่างๆ ประสบความสำเร็จได้มี 3 ข้อ ได้แก่
- เป็นคนไทย ขายคนไทย
หลายๆ คนอาจจะได้โซลูชันมาจากต่างประเทศและนำมาใช้กับการขายในตลาดไทย แต่ไม่ใช่พฤติกรรมการซื้อสินค้าของคนไทย อาทิ การชำระเงินด้วยบัตรเครดิต QR Payment ซึ่งไม่ใช่พฤติกรรมการชำระเงินของคนไทยโดยส่วนมาก ดังนั้นการชำระเงินที่ดีของคนไทยที่เรามองก็คือ COD (Cash on Delivery) หรือการชำระเงินปลายทางจะตอบโจทย์ลูกค้ามากกว่า ต้องเลือกสิ่งที่ลูกค้าชอบ มากกว่าเจ้าของธุรกิจชอบ
- OMNI–Channel
การขายสินค้าในหลาย Channel อาจจะมองว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ง่าย แต่จะสื่อให้เข้าใจ เข้าถึง ครอบคลุม ทำได้ยากมาก เช่น การ Live ขายสินค้าในเฟซบุ๊กกับการขายสินค้าตอบแชทในเฟซบุ๊กก็ถือว่าเป็นคนละช่องทางการขาย บางทีลูกค้าอาจจะดูการขายสินค้าใน Live แต่สั่งซื้อผ่าน Messenger หรือลงสินค้าขายใน Instagram แต่แชทซื้อหรือสอบถามผ่านทาง LINE ดังนั้นไม่ควรมองว่าการขายผ่านโซเชียล คอมเมิร์ซ 1 Channel เท่ากับ 1 Channel ต้องมองเป็นโซเชียล คอมเมิร์ช เป็น OMNI-Channel ไม่เช่นนั้นจะทำให้การขายล้มเหลวได้
- Continuous Improvement
ถ้ามองในมุมของเทคโนโลยีคือต้องมีการพัฒนาบอทที่ใช้อย่างสม่ำเสมอ เช่น คำถามที่ลูกค้าถามบ่อยแต่บอทไม่สามารถตอบได้ ต้องพัฒนาและเก็บข้อมูลว่าลูกค้าต้องการคำตอบแบบไหนและพัฒนาบอทให้สามารถตอบสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้รูปภาพเพิ่มเติมในการอธิบายเพราะฉะนั้นต้องตระหนักเสมอว่า ไม่ใช่แค่บอทที่ต้องเรียนรู้ เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะปรับความรู้ให้กับบอทเช่นกัน ลูกค้าอาจจะไม่ได้รู้สึกแย่ที่ต้องคุยกับบอท แต่อาจจะแย่ที่คุยกับบอทที่ไม่สามารถทำงานได้ ดังนั้นจึงเป็นผลตอบรับระยะยาวที่จะให้ลูกค้าเลือกใช้บริการและซื้อสินค้าจากเรา
อย่างไรก็ตาม Social Commerce และ E-Marketplace ในปัจจุบันมีการแข่งขันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการวางกลยุทธ์และเทคนิคในการแข่งขันถือเป็นส่วนสำคัญของการทำธุรกิจ หากมีการวางกลยุทธ์ที่ดีและตามทันเกมที่ปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาก็จะสามารถแข่งขันในธุรกิจ E-Commerce ได้อย่างแข็งแกร่ง
การทำ Social Commerce หรือ E-Marketplace ให้ประสบความสำเร็จก็ต้องเรียนรู้และพัฒนาสินค้ารวมถึงธุรกิจอย่างสม่ำเสมอเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและการแข่งขันในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
นัฐพล ให้ข้อคิดว่า กว่า 4 ปีที่ทำธุรกิจมีชาเลนจ์เข้ามาตลอด เพราะโลกทุกวันนี้ค่อนข้างหมุนเร็ว บางเทคนิคที่เคยใช้ได้ในอดีต ตอนนี้ใช้ไม่ได้แล้ว คนทำธุรกิจออนไลน์ต้องปรับตัวให้ไว มองย้อนกลับไป เขายอมรับว่าไม่คิดว่าธุรกิจจะมาไกลขนาดนี้ ขอเพียงไม่ล้มเลิก ก็ย่อมจะเห็นทิศทางที่ธุรกิจจะไปต่อได้ตลอด