หากินกับความสงสาร!ถอดบทเรียน”แม่ปุ๊ก” ฟันเงินบริจาค เตือนสังคมหยุดโอนไว !

จากกรณีข่าวสะเทือนสังคม ‘แม่ปุ๊ก แม่เลี้ยงเดี่ยว’ ซึ่งเป็นแม่ของน้อง’อมยิ้ม’ เด็กหญิง อายุ 4 ขวบ และ น้องอิ่มบุญ เด็กชายอายุ 3 ขวบ ที่ถูกจับคดีฉ้อโกง และทำร้ายร่างกายเด็กจนได้รับอันตรายสาหัส ปัจจุบันถูกฝากขังที่เรือนจำคลองเปรม และคัดค้านการประกันตัว โดยมีเพจคลิปวงจรตั้งข้อสังเกตว่า แม่ปุ๊ก อาจวางยา น้องอมยิ้ม จนกระทั่งเสียชีวิต เพื่อฮุบเงินบริจาค 20 ล้านบาทนั้น
เพจเฟซบุ๊ก “นักสังคมสงเคราะห์เล่าเรื่อง” โพสต์ข้อความกรณีน้องอมยิ้มที่เสียชีวิต โดยมีแม่เป็นผู้ต้องสงสัย โดยระบุว่า
“ใจดี โอนไว การบริจาคเงินกับการส่งเสริมการทารุณกรรมที่คุณมีส่วนร่วม”
ใครได้ทราบข่าวกรณีน้อง “อมยิ้ม” ที่เสียชีวิต โดยทีมแพทย์ได้วินิจฉัยทราบว่าน้องได้รับสารกัดกร่อนเข้าไปทำอันตรายอวัยวะภายในจนเสียชีวิต และผู้ต้องสงสัยในเหตุการณ์นี้ก็มี “แม่” ที่เปิดรับบริจาคผ่านการบอกเล่าเรื่องราวของน้องผ่านเฟซบุ๊คถึงอาการเจ็บป่วย จนมีผู้บริจาคให้ร่วมกันหลายล้านแล้วยังคะ
จริงๆ ในกรณีแบบนี้แอดมินเองอยากจะพูดมาหลายครั้งแต่ด้วยความกลัวชาวเน็ตจวก ก็เลยไม่พูดดีกว่า จนมาถึงวันนี้ วันที่มีเด็กเสียชีวิตไปแล้วหนึ่งคน และอีกคนเกือบเสียชีวิตเพื่อเซ่นความใจบุญ และการแสวงประโยชน์จากความใจดีของคนไทย
แอดมินจึงอยากเชิญชวนค่ะ ให้เราหยุด “บริจาค” ผ่านบัญชีส่วนตัวของใครก็แล้วแต่ที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก เราต้องหยุด หยุดโดยมีชีวิตคนอื่นกั้น เพราะเราคงไม่อยากร้องกรี๊ดกับเหตุการณ์แบบนี้อีกใช่มั้ยคะ
เราต้องนึกถึงอันตรายที่จะมีต่อเด็ก ต่อคนแก่ หรือคนอื่นๆ ที่อาจตกอยู่ในอันตราย ต้องถูกใช้เป็นเครื่องมือในการถูกจองจำในสภาวะยากลำบากเพื่อให้เราได้มีโอกาส ทำบุญผ่านมนุษย์ผู้ตกยาก (รวมถึงการสนับสนุนสถานสงเคราะห์ที่เคยพูดไปก่อนหน้านี้ก็กรณีเดียวกันค่ะ)
ในกรณีนี้และหลายกรณีเช่นในสถานสงเคราะห์เองเด็กจะถูกทารุณกรรมช้าๆ ซ้ำๆ ให้มีอาการที่แย่ลงเรื่อยๆ หรือดีขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในสภาพที่แย่ น่าสงสารเพื่อเรียกร้องความสงสารจากผู้ใจดีให้โอนเงินมาให้
น้องอมยิ้มเองก็ถูกปฏิบัติเช่นนั้น แม่ทั้งถ่ายวีดีโอตอนน้องอ้วกเป็นเลือดมาให้ทุกท่านดู update ความย่ำแย่ของลูกให้ได้รับชม คนดูพอดูแล้วมืออ่อนเลยค่ะ โอนทันที
เวลาเจอกรณีแบบนี้จำไว้เสมอนะคะเมืองไทยมีสิทธิ 30 บาท ถ้าค่าใช้จ่ายไม่พอจริงๆ เคสในลักษณะนี้จะถูกส่งต่อพบนักสังคมสงเคราะห์เพื่อประเมินวินิจฉัยปัญหาทางสังคมต่อไปค่ะ (เดี๋ยวเราค่อยพูดถึงช่องวางปัญหาของเคสนี้ในระบบการดูแลต่อ) แต่ในเบื้องต้นถ้าพบเคส แบบนี้แนะนำเลยค่ะ ให้เข้าพบนักสังคมสงเคราะห์ที่โรงพยาบาลเลย ถ้าครอบครัวไหน หรือใครมาขอรับบริจาคปุ๊บให้ “เอ๊ะ” ไว้ก่อนค่ะ “เอ๊ะ” รอไว้ก่อน แล้วทำตามอีก step ด้านล่างคือ
ถ้าเจอใครตกทุกข์ได้ยากอยู่วิธีการช่วยเหลือที่ถูกต้องคือการหยิบโทรศัพท์โทรหา 1300 ไม่ต้องโอนเงินค่ะ ท่องพร้อมกันค่ะ 1300 กดเลยค่ะ
จำไว้เสมอว่าการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนเป็นหน้าที่ของ “รัฐ” การบริจาคกันเองมีความเสี่ยงมาก หลายคนเมื่อเคสถูกโพสต์ลง Facebook ก็รวยกันชั่วข้ามคืน
และที่สำคัญเวลาเราบริจาคกันเข้าบัญชีส่วนตัวของใครก็แล้วแต่ นั่นคือเรากำลังถอยห่างให้รัฐที่ควรรับผิดชอบ ออกจากสมการนี้ไปค่ะ
ทางที่ดีท่องไว้ว่าโทร 1300 ให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปตรวจสอบและให้การช่วยเหลือ ถ้าอยากบริจาคแนะนำบริจาคผ่านองค์กรสาธารณประโยชน์ต่างๆ ดีกว่าค่ะ ส่วนถ้ารัฐไม่ทำหน้าที่ตัวเองก็มาด่าด้วยกันค่ะ ด่าแรง ๆ ด่าให้รัฐทำงานก็ยังดีกว่าบริจาคแล้วเสี่ยงค่ะ
เบื้องต้นเท่านี้ก่อนนะคะ หยุด บริจาคเป็นนางใจดี นามสกุลโอนไวก่อน เพราะเราสามารถสร้างผลทางบวกได้ด้วยวิธีอื่นค่ะ
เดี๋ยวแอดมินจะมาเขียนว่าเรื่องนี้สะท้อนปัญหาอะไรบ้างที่เราเห็นอีกครั้งในโพสต์ถัดไปนะคะ