Real Estate

“ดี-แลนด์ฯ” รุกเต็มสูบทุกเซกเมนต์

ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งแรกของ 2560 ที่ผ่านมา เรียกได้ว่ายังอยู่ในช่วงของการชะลอตัวอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2558 สืบเนื่องมาจากปัจจัยลบต่างๆ ที่เข้ามากระทบตลาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของปัญหาเศรษฐกิจโดยรวมที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน ปัญหาด้านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทั้งราคาที่ดิน วัสดุก่อสร้าง และการขาดแคลนแรงงานก่อสร้าง รวมถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งส่งผลให้เกิดการปฏิเสธสินเชื่อในระดับสูงเช่นกัน และนั่นเป็นตัวแปรสำคัญในการผลักดันให้ธนาคารต่างๆ ทวีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้ารายย่อย รวมถึงผู้ประกอบการที่เป็นรายกลางและรายเล็กด้วย

แม้ว่าภาพรวมตลาดในตอนนี้จะมีปัจจัยลบค่อนข้างมาก แต่ก็ยังมีปัจจัยบวกที่คอยสนับสนุนอยู่เช่นกัน ซึ่งก็มาจากการลงทุนของภาครัฐที่เริ่มมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 2 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะการผลักดันการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมพื้นฐาน และการพัฒนาพื้นที่ในเขตเศรษฐกิจต่างๆ ให้มีความชัดเจนมากขึ้น เช่น การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) การพัฒนามอเตอร์เวย์ รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-ระยอง รถไฟรางคู่ การขยายท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 การปรับสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นสนามบินนานาชาติ การเร่งรัดโครงการรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่จะเข้ามาช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนจากภาคเอกชนให้เพิ่มยิ่งขึ้น

ศิริพงษ์ สมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี-แลนด์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวถึงภาพรวมเมื่อเทียบช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-มิถุนายน 2560) กับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (มกราคม – มิถุนายน 2559) พบว่ามียอดขายที่ใกล้เคียงกัน แต่ในขณะที่ยอดรับรู้รายได้ลดลงประมาณ 10% สืบเนื่องมาจากในช่วงไตรมาสสองของปี 2559 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้รับแรงกระตุ้นจากภาครัฐในเรื่องค่าธรรมเนียมโอนและค่าจดจำนอง 0.1% แต่ในขณะที่ครึ่งแรกปี 2560 กลับได้รับผลกระทบจากหนี้ครัวเรือน รวมทั้งความเข้มงวดและล่าช้าในการปล่อยสินเชื่อลูกค้ารายย่อยของธนาคาร ทำให้้ต้องหันมาประเมินสถานการณ์เพื่อให้ตอบรับกำลังซื้อและภาวะเศรษฐกิจได้ทัน

ศิริพงษ์ สมบูรณ์ ศิริพงษ์ สมบูรณ์

ซึ่งในปีนี้ได้วางแผนธุรกิจแบบการกระจายการลงทุนในทำเลศักยภาพต่างๆ โดยแบ่งเป็นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ออกเป็นประเภทที่อยู่อาศัย (Residential) ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมประมาณ 70% อสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าและการลงทุน (Product For Investment) อีกประมาณ 20 % และอสังหาริมทรัพย์ประเภทเช่าที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) อีก 10%

ในส่วนของทำเลเดิมในโซนพระราม 2 – สมุทรสาคร ซึ่งเป็นผู้นำอยู่นั้นก็จะมีการเดินหน้าพัฒนาโครงการ “The Proud พระราม 2-พันท้ายนรสิงห์” ในเฟสที่ 2 ในรูปแบบบ้านเดี่ยวราคาเริ่มต้นที่ 3.99 ล้านบาท รวมทั้งการขยายการลงทุนไปยังพื้นที่โซนกรุงเทพและภาคตะวันออกเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้ได้มีการซื้อที่ดินที่ศรีราชาและโซนบางบัวทองเพิ่มเติม โดยอยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้โครงการ คาดว่าทั้ง 2 แปลงนี้ จะเริ่มเปิดตัวในช่วงไม่เกินไตรมาส 2 ของปี 2561

Porto Chino Porto Chino

นอกจากนี้ยังมีแผนต่อยอดไลฟ์สไตล์มอลล์ “พอร์โต้ ชิโน่” (Porto Chino) ไปยังพื้นที่อื่นที่มีศักยภาพ โดยตั้งเป้าจะเปิดตัวให้ทันในช่วงปลายปีนี้ รวมถึงได้มีการศึกษาความเป็นไปได้ในธุรกิจใหม่ๆ ที่เป็นรายได้ประจำเพื่อแตกไลน์ธุรกิจซึ่งจะเป็นการสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้กับบริษัทฯ ในอนาคต โดยในปีนี้ได้ตั้งเป้ายอดขายที่ 1,200 ล้าน และเป้ารายได้ที่ 1,000 ล้าน ซึ่งใกล้เคียงกับรายได้ในปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 900 ล้านบาท

Related Articles

Back to top button
X
%d bloggers like this: