Biznews

“ดอยคำ” น้ำผลไม้ของ “พ่อ”

ด้วยพระราชวิสัยทัศน์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่กว้างไกลและลึกซึ้ง ในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและทุกข์ยากของราษฎร เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๑๒ พระองค์ทอดพระเนตรความทุกข์ยากลำบากของราษฎร และปัญหาการปลูกฝิ่น อันเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ และเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ จึงพระราชทานแนวพระราชดำริให้จัดตั้ง “โครงการพระบรมราชานุเคราะห์ชาวเขา” ขึ้น เพื่อแก้ปัญหาการปลูกฝิ่น และการทำไร่เลื่อนลอย โดยมีวัตถุประสงค์ให้ส่งเสริมการปลูกพืชผัก ผลไม้ หลากหลายชนิดทดแทน แต่เนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกที่ได้รับการส่งเสริม อยู่ห่างไกลจากตัวเมืองและแหล่งรับซื้อ จึงเกิดปัญหาการถูกพ่อค้าคนกลางกดราคา ประกอบกับในบางช่วงฤดูจะมีผลผลิตที่ล้นตลาด หรือบางครั้งอาจไม่ได้ขนาดที่เหมาะสมสำหรับการจำหน่ายผลสด

ในปีพุทธศักราช ๒๕๑๕ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจึงมีพระราชดำริให้จัดตั้ง ”สหกรณ์ชาวเขา” และ “โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูป” แห่งแรกขึ้น เพื่อช่วยเหลือด้านการรับซื้อผลผลิตจากพืชที่ส่งเสริมในราคาเป็นธรรม โดยนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ในเครื่องหมายการค้า “ดอยคำ” เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตทางการเกษตร ตลอดจนการจัดหาช่องทางกระจายสินค้าสู่ตลาด รวมถึงจัดให้มีการค้นคว้า วิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารตามแนวพระราชดำริ “อุตสาหกรรมเกษตรเพื่อการพัฒนาชนบท” ในเวลาต่อมา โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูป ถือกำเนิดขึ้นอีก ๓ แห่ง ด้วยวัตถุประสงค์ที่ใกล้เคียงกัน

โรงงานหลวงฯ เพื่ออุตสาหกรรมการเกษตรของบริษัทฯ ในแต่ละแห่ง ได้ถูกออกแบบตามภูมิสังคม เพื่อให้กลมกลืน และสอดคล้องกับวิถีชีวิตในแต่ละพื้นที่ และดำเนินการตามวัตถุประสงค์ขององค์กรในการให้ความช่วยเหลือและส่งเสริมด้านเกษตรกรรม รวมทั้งยังพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชน และรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อความอยู่ดี กินดี และมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ดังคำขวัญที่ว่า “โรงงานหลวงฯ เพื่อปวงชน”

ต่อมา ในปีพุทธศักราช ๒๕๓๗ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระราชกระแสให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ รับช่วงดำเนินกิจการโรงงานหลวงฯ ต่อจากมูลนิธิโครงการหลวง โดยจัดตั้งเป็นนิติบุคคลภายใต้ชื่อ “บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด หรือประมาณ 23 ปีที่แล้ว ด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท ก่อนที่จะเพิ่มเป็น 340 ล้านบาทในปัจจุบัน โดยมีผู้ถือหุ้นใหญ่คือ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 97.06% และ มูลนิธิโครงการหลวง 2.94%

ปัจจุบันดอยคำมีส่วนแบ่งในตลาดน้ำผลไม้สูงถึง 22% เป็นเบอร์สองของตลาดรองทิปโก้ที่มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 28% โโยมีรายได้เติบโตทุกปี ปี 2558 มีรายได้ 1,416.6 ล้านบาท กำไร 201.2 ล้านบาท ขณะที่ปีที่ผ่านมามีรายได้ 1,701.1 ล้านบาท กำไร 145.5 ล้านบาท

พิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด เปิดเผยว่า “บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าแปรรูปจากผลผลิตของเกษตรกรยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจสานต่อแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ทรงต้องการแก้ปัญหาความยากจนของเกษตรกร พระองค์ทรงก่อตั้งโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปขึ้นให้ใกล้กับพื้นที่แหล่งเพาะปลูก เพื่อให้เกษตรกรสามารถนำผลผลิตที่ได้มาจำหน่ายในราคายุติธรรม ให้เกษตรกรมีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ปัจจุบันมีโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ใช้แปรรูปผลิตผลจากเกษตรกร ๔ แห่ง ได้แก่
• โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ ๑ อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่
• โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ ๒ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย
• โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ ๓ อำเภอเต่างอย จังหวัดสกลนคร
• โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ ๔ อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ (อยู่ในระหว่างปรับปรุง)

ซึ่งทั้ง ๔ แห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับแหล่งเพาะปลูกวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตสินค้าตราดอยคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ ๓ อำเภอเต่างอย จังหวัดสกลนคร เป็นโรงงานแปรรูปผลผลิตมะเขือเทศแห่งแรกในลุ่มแม่น้ำโขง มีพื้นที่ส่งเสริมการปลูกมะเขือเทศโดยรอบซึ่งครอบคลุมจังหวัดสกลนคร และจังหวัดใกล้เคียงได้แก่ นครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ และอุดรธานี รวม ๒๓,๐๐๐ ไร่ จนมีคำกล่าวเรียกพื้นที่นี้ว่า “เส้นทางสายมะเขือเทศ” (Tomato Belt) ซึ่งในแต่ละฤดูกาล บริษัทฯ ได้ส่งเสริมและรับซื้อผลผลิตมะเขือเทศเข้าโรงงานประมาณ ๑๘,๐๐๐ – ๒๐,๐๐๐ ตัน/ปี จากการดำเนินงานดังกล่าวถือได้ว่า น้ำมะเขือเทศดอยคำ เป็นผลิตภัณฑ์แห่งความภาคภูมิใจ และทำให้ดอยคำเป็นอันดับ ๑ในตลาดน้ำมะเขือเทศจวบจนปีปัจจุบัน

สำหรับภาพรวมตลาดน้ำผลไม้ระดับพรีเมียมและมีเดียมของไทย ในไตรมาสที่ ๓ ของปี ๒๕๖๐ มีมูลค่าประมาณ ๔,๓๐๐ ล้านบาท ซึ่งแบรนด์ “ดอยคำ” มีสัดส่วนการตลาดอยู่ที่ประมาณ ๒๐% โดยเฉพาะน้ำมะเขือเทศดอยคำมีส่วนแบ่งการตลาดมากถึง ๙๐% ครองอันดับ ๑ ในตลาดน้ำมะเขือเทศ โดยการทำตลาดในปีนี้จะเน้นสร้างให้ตราสินค้า “ดอยคำ” เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมากขึ้นในฐานะตราสินค้าน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพ บริษัทฯ จึงได้พัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์จากผลผลิตมะเขือเทศ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่าดอยคำจะสามารถครองใจผู้บริโภคได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งแต่ละผลิตภัณฑ์จะมีความโดดเด่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ แตกต่างกันไป

ปัจจุบัน ดอยคำ มีผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาสูตร และผลิตจากมะเขือเทศที่ส่งเสริมและรับซื้อ ๕ รายการ ดังนี้ ๑. น้ำมะเขือเทศ ๙๙% ๒. น้ำมะเขือเทศผสมน้ำผลไม้รวม ๙๘% ม็อกเทล ๓. น้ำมะเขือเทศ ๙๙% สูตรโซเดียมต่ำ ๔. น้ำมะเขือเทศผสมน้ำผักรวม ๙๙% – เวอร์จินแมรี ผลิตภัณฑ์ใหม่ปี ๒๕๖๐ สำหรับผลิตภัณฑ์รายการนี้ บริษัทฯ มีแผนจะเปลี่ยนชื่อผลิตภัณฑ์ในปี ๒๕๖๑ เป็น น้ำมะเขือเทศผสมน้ำผักรวม ๙๙% สูตรจัดจ้าน เพื่อให้สอดคล้องกับส่วนผสมปรุงรสที่มีความเป็นไทยและมีรสจัดจ้าน และเป็นที่รู้จักของคนไทย ๕. มะเขือเทศทาขนมปัง ผล

นอกจากการส่งเสริม รับซื้อ และพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องแล้ว ทางบริษัทฯ ยังคงต่อยอดการดำเนินงานในด้านอื่นๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ซึ่งจากเหตุการณ์อุทกภัยในภาคอีสานที่ผ่านมา จึงได้จัดทำสินค้าแพ็คพิเศษน้ำมะเขือเทศ ๙๙% สูตรโซเดียมต่ำ ๑ แถม ๑ เพื่อกระตุ้นยอดการบริโภคให้เพิ่มขึ้น และหวังให้เป็นอีกทางที่จะช่วยให้บริษัทฯ สามารถรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรได้มากขึ้นในปีต่อไป โดยได้รับการสนับสนุนพื้นที่วางจำหน่ายสินค้า ณ ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น จำนวน ๑๑,๐๐๐ สาขา มีกำหนดวางจำหน่ายวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ นี้

สำหรับแผนธุรกิจปีหน้า เตรียมงบลงทุน 1,700 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 4 อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ด้วยการเพิ่มเพิ่มกำลังผลิตน้ำผลไม้ 2.5 เท่า จากปัจจุบัน 12,000 ลิตรต่อชั่วโมง และลงทุน 300 ล้านบาท สร้างคลังสินค้าและศูนย์ปฏิบัติการวิจัยทางพืช(แล็บ)ที่โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 2 อ.แม่จัน จ.เชียงราย 300 ล้านบาท เพื่อวิจัยพันธ์พืชใหม่ๆให้เกษตรกรเครือข่าย 7,000 กว่ารายเพาะปลูกด้วย

Related Articles

Back to top button
X
%d bloggers like this: